ตัวชี้วัด มิติที่ 4
ด้านการพัฒนาองค์กร ของ กศน.มีรายละเอียดดังนี้
- ตัวชี้วัดที่11
ระดับความสำเร็จของแผนปฏิบัติราชการระดับสำนัก
- ตัวชี้วัดที่12
จำนวนวันเฉลี่ยในการพัฒนาบุคลากรให้สอดคล้องกับสมรรถนะการปฏิบัติงาน
- ตัวชี้วัดที่13
ระดับความสำเร็จของการจัดการความรู้ในหน่วยงาน
- ตัวชี้วัดที่14
ระดับความสำเร็จการปรับกระบวนทัศน์การปฏิบัติราชการแบบมุ่งเน้นผลงาน
- ตัวชี้วัดที่15
ระดับความสำเร็จของการจัดทำมาตรการป้องกันการจัดกลุ่มการเรียนการสอนที่ไม่เป็นไปตามระเบียบที่เกี่ยวข้อง
- ตัวชี้วัดที่16
ระดับความสำเร็จของการถ่ายทอดตัวชี้วัดและเป้าหมายของระดับองค์กรสู่ระดับบุคคล
- ตัวชี้วัดที่17
ระดับความสำเร็จของการจัดทำระบบบริหารความเสี่ยง
สำหรับตัวชี้วัดที่
12 :
จำนวนวันเฉลี่ยในการพัฒนาบุคลากรให้สอดคล้องกับสมรรถนะการปฏิบัติงาน เพื่อให้บรรลุภารกิจในตัวชี้วัดนี้สถานศึกษาหรือหน่วยงานต้องดำเนินการประเมินสมรรถนะรายบุคคล เพื่อหาช่องว่างในการพัฒนา
(Competency
Gap)นำผลมาจัดเรียงลำดับสมรรถนะตามความสำคัญเร่งด่วน
กำหนดเป็นแผนพัฒนารายบุคคล (Individual
Development Plan)
แล้วจึงกำหนด ระยะเวลา/วิธีการพัฒนาบุคลากรในสังกัดเป็นรายบุคคล เพื่อเสริมสร้างสมรรถนะการปฏิบัติงานในหน้าที่
การพัฒนาตามมติคณะรัฐมนตรี อย่างน้อยต้อง
10 วัน : คน :
ปี
โดยเป้าหมายการพัฒนา จะต้องปลุกจิตสำนึกการปฏิบัติงานในหน้าที่
พัฒนากระบวนการคิด สร้างทัศนคติและค่านิยมที่ดีต่อองค์กร
พัฒนาประสิทธิภาพ
ทักษะ ความชำนาญในการปฏิบัติงานในหน้าที่
เพื่อให้บรรลุเป้าหมายขององค์กรอย่างมีประสิทธิภาพคุ้มค่าและดำเนินไปในทิศทางเดียวกัน
ทราบแล้วเร่งมือช่วยกันคนละไม้คนละมือทั้งแนวคิดแนวปฏิบัติในการบรรลุ
เป้าหมายตามตัวชี้วัดที่ได้ลงนามรับรองระดับสำนักไปแล้วปีหน้า
2551 คงต้องลงนามรับรองระดับตัวบุคคล เร่งช่วยกันสร้างความรู้
ความเข้าใจโดยด่วนเน้อ.
สำหรับตัวชี้วัดที่13
ระดับความสำเร็จของการจัดการความรู้ในหน่วยงาน
ระดับความสำเร็จของการจัดการความรู้ในหน่วยงาน
หมายถึง การที่หน่วยงานสถานศึกษามีรูปแบบที่ชัดเจนของการรวบรวมฐานความรู้ที่มีอยู่ในตัวคน/องค์กร ซึ่งลักษณะของความรู้มี
2 ประเภท คือความรู้ที่ฝังอยู่ในตัวคน
(Tacit
Knowledge) เป็นความรู้ที่สั่งสมอยู่ในตัวคน
ที่ได้จากประสบการณ์ พรสวรรค์
หรือสัญชาตญาณของแต่ละบุคคลในการทำความเข้าใจสิ่งต่าง ๆ
เป็นความรู้ที่ไม่สามารถถ่ายทอดออกมาเป็นคำพูดหรือลายลักษณ์อักษรได้โดยง่าย
เช่น ทักษะในการทำงาน งานฝีมือ
หรือการคิดเชิงวิเคราะห์จึงต้องมีกระบวนการในการจัดการความรู้วิธีการต่าง
ๆ ที่จะสกัดเอาความรู้ที่มีอยู่
ในตัวคนออกมาเผยแพร่ให้เกิดการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ต่อไป ความรู้ที่ชัดแจ้ง(Explicit
Knowledge) เป็นความรู้ที่ปรากฎในเอกสาร
บันทึก หรือรายงานต่าง ๆ ขององค์กร เป็นความรู้ที่สามารถรวบรวม
ถ่ายทอดได้ ดังนั้น
จึงต้องมีระบบการจัดการความรู้ที่กระจัดกระจายอยู่ในตัวบุคคลหรือในเอกสารขององค์กร
นำมาพัฒนาเป็นองค์ความรู้เพื่อใช้ในการแก้ปัญหาและพัฒนางานให้มีประสิทธิภาพ
และมีการถ่ายทอดและเผยแพร่แบ่งปันความรู้อย่างเป็นระบบ
เพื่อให้ทุกคนในองค์กรเข้าถึงความรู้และพัฒนาหน่วยงาน/สถานศึกษาให้เป็นองค์กรแห่งการเรียนรู้
(Learning
Organization) ที่ยั่งยืนต่อไป
เกณฑ์การให้คะแนนบรรลุเป้าหมายกำหนดดังนี้
ระดับที่
|
เกณฑ์การให้คะแนน
|
1
|
จำแนกองค์ความรู้เพื่อปฏิบัติงานอย่างเหมาะสม
และอย่างน้อย 1 ในองค์ความรู้
ทั้งหมดที่ระบุต้องเป็นองค์ความรู้เกี่ยวกับ
หลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง
|
2
|
จัดทำแผนการจัดการความรู้ประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. 2550 ของหน่วยงานและองค์ความรู้อย่างน้อย 2 องค์ความรู้
จะต้องสอดคล้องกับประเด็นยุทธศาสตร์สำคัญของสำนักงานปลัดกระทรวงศึกษาธิการ
และอย่างน้อย 1 ในองค์ความรู้ที่เลือกต้องเป็นองค์ความรู้เกี่ยวกับ
หลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง
|
3
|
ผู้บริหารและบุคลากรในหน่วยงานทราบแผนและภารกิจที่ต้องดำเนินการตามแผนและจัดส่งแผนให้สำนักบริหารงานการศึกษานอกโรงเรียนตามกำหนดเวลา
|
4
|
มีการดำเนินการตามแผนที่กำหนด
และสามารถดำเนินการครอบคลุมกลุ่มเป้าหมาย
ในกิจกรรมแลกเปลี่ยนเรียนรู้ที่กำหนดไว้ ไม่น้อยกว่าร้อยละ
90
|
5
|
มีการติดตามผลและรายงานการจัดการความรู้ตามกำหนดเวลา
|
ชาวกศน.
ช่วยกันหน่อยนะให้บรรลุเป้าหมาย
และส่งให้เกิดผลผลิตของงานที่มีคุณภาพต่อไป