ผมเขียน blog ในเรื่อง 2 เรื่องที่ผมรักที่จะทำคือ การดูแลผู้ป่วยระยะสุดท้าย และการทำงานสาธารณสุขปฐมภูมิ ซึ่งผมเขียนเกี่ยวกับเรื่องงาน ๆ เป็นส่วนใหญ่
นี่เป็น blog แรกที่ผมเขียนโดยใช้ความเรื่อยเปื่อยของความคิดมาเรียบเรียงและเขียนแบบไร้จุดหมาย เพื่อจุดหมายในการเข้าใจตัวเองมากขึ้น
สัปดาห์ที่ผ่านมา ผมได้มีโอกาสไปร่วมประชุม "palliative care for health educators" ที่ รพ. จุฬาฯ เป็นเวลา 5 วัน ผมพักที่ซอยอารีย์และเดินทางด้วยรถไฟฟ้า
ทุกครั้งที่ผมไปประชุมที่ กทม. ผมจะรู้สึกเหงา+เบื่อ กิจกรรมที่ผมเลือกจะทำเสมอคือ ไปวิ่งที่ "สวนรถไฟ" หรือ สวนวชิรเบญจทัศ(ที่พวกเรามักจะไม่รู้จักถ้าใช้ชื่อนี้) ภาพที่ผมใช้ประกอบเป็นภาพที่ผมไม่ได้ถ่ายเองเพราะว่า ไม่ได้เอากล้องไปด้วย ถ้าเห็นภาพไหนเป็นภาพที่ท่านถ่าย ผมก็ขอบคุณที่อนุเคราะห์ภาพเพื่อสื่อความรู้สึกของผม
ก่อนจะพูดถึงสวนรถไฟขอพูดถึงรถไฟฟ้า BTS ก่อนนะ
บรรยากาศของการเดินทางด้วยรถไฟฟ้าเป็นการเดินทางที่ผมรู้สึกอึดอัดไม่ว่าจะเป็นในช่วงคนแน่นหรือคนว่างก็ตามที ผมรู้สึกว่าได้ใกล้ชิดผู้คนเมืองหลวงในแบบที่ผมไม่ต้องการ ที่นั่งเป็นแบบประจันหน้าทำให้เกิดความรู้สึกว่าว่ามีคนมองเราตลอดเวลา ทุกคนรีบขึ้นรถไฟฟ้า/รีบลงจากรถไฟฟ้า
"มองสูงก็เมื่อยคอ มองต่ำก็กลัวว่าจะไปมองก้นใครเข้า มองระดับสายตาก็กลัวจะไปมองหน้าอกใคร (กลัวใครเขาจะว่าเราเป็นโรคจิต) ฮาๆๆแล้วจะมองตรงไหนดีละเนี้ย"
ทุกคนแก้ไขปัญหานี้ 4 วิธีการหลัก(กับอีกไม่รู้กี่วิธีย่อย ฮาๆๆ) คือ
1.เบี่ยงเบนความสนใจของตนไปสู่สิ่งอื่น เช่นอ่านหนังสือหรือคุยโทรศัพท์(บางครั้งเสียดังจนเสมือนว่าได้รู้เรื่องราวของคนอีกคนโดยไม่ได้ตั้งใจ)
2.พยายามหาที่วางสายตาที่จะไม่ถูกเข้าใจผิด เช่น ถ้าได้ยืนต้องอยู่ใกล้ประตูที่สุดเพราะสามารถมองวิวได้โดยที่ไม่ทำให้ใครอึดอัด
3.ปิดการรับรู้ทางตา คือ ทำเป็นหลับ(แต่ไม่กรนนะครับ)
4.คนที่โชคดีก็จะมีเพื่อนร่วมทางที่คุยกันได้แบบใกล้ชิด (มากๆ) แบบนี้ผมรู้สึกว่าดีสุดเพราะอบอุ่นกว่า+รู้สึกว่าคนรอบข้างหายไปจากความรับรู้ได้ชั่วคราว
ผมวิเคราะห์ตัวเองจริงว่าทำไมผมถึงอึดอัด ผมพบว่า เราต้องการ space เสนอสำหรับตัวตนของเรา หากใครลุกล้ำอาณาเขตนี้ย่อมทำให้เรารู้สึกไม่ปลอดภัย
วิธีแก้ไขปัญหาบนรถไฟฟ้าของผมคือ ข้อ 2 เป็นส่วนใหญ่ครับ :)
มาเข้าเรื่องสวนรถไฟกันดีกว่าครับ
ภาพดัดแปลงจาก story.yenta4.com/.../category/Thai-Maple-Story
ผมชอบไปวิ่งในสวนรถไฟเนื่องจากต้องการพักผ่อนหย่อนใจตามประสาคนชอบออกกำลังกาย ผมชอบมองชีวิตคนกรุง ที่มีมุมที่ไม่วุ่นวาย
บรรยากาศที่ทุกคนผ่อนคลาย ความรู้สึกของความเป็นมิตร+ใกล้ชิดธรรมชาติ
บางคนก็มีความสุขกับครอบครัว
ภาพจาก http://www.thaimtb.com/cgi-bin/viewkatoo.pl?id=06045
บางคนก็ออกกำลังกายเป็นกลุ่มทำให้ผมหายเหงาไปได้มาก
แต่บางครั้งก็เห็นความขัดแย้งเล็กๆที่เกิดขึ้นระหว่างคนที่ต้องการหาความสุขสงบ
ผมค่อนข้างจะชอบ 3 รูปนี้มากครับ
รูปแรกนี้เขียนว่า "วิ่ง...สวนรถไฟ มีแต่ตายกับ...ตาย" ถ่ายโดยคุณ kookchai มีนัยของความขัดแย้งแฝงอยู่ในความสงบ คนกลุ่มหนึ่งชอบวิ่ง คนกลุ่มหนึ่งชอบปั่นจักรยาน
คนวิ่ง+เดินรู้สึกว่าจักรยานคือภัยคุกคาม ส่วนคนปั่นจักรยานรู้สึกว่าคนเดินนั้นเกะกะ
รูปต่อมาถ่ายโดยนักปั่นจักรยานท่านหนึ่งบอกถึงความคับแค้นว่าทำไมต้องมาวางป้านห้ามปั่นจักรยานบนเลนจักรยาน
ส่วนรูปนี้เป็นตัวแทนของวิถีไทยคือ มีเลนจักรยานแต่ไม่ใช้
ผมเรียนรู้ชีวิตที่ขัดแย้งภายใต้ความสงบนี้อย่างสนุกสนาน ผมมิได้มีจุดมุ่งหมายที่จะหาเรื่องขัดแย้งบนความสงบ หรือหาความสงบบนความขัดแย้ง แต่ที่โดนใจผมอย่างแรงคือ เรื่อง "space"
ทุกคนมีที่ว่างเป็นของตนเองในแต่ละสถานการณ์ที่แตกต่างกัน
"บนรถไฟฟ้าที่ไม่มีที่ว่างแต่กลับสามารถหาที่ว่างของตนเองได้อย่างลงตัว ในขณะที่สวนรถไฟมีที่เหลือพอสำหรับความลงตัวแต่ยังมีความขัดแย้ง"
ผมสนุกเพราะ พอคิดได้แบบนี้ก็เกิดความเพลินในการสังเกตพฤติกรรมชาวบ้านที่ผ่านความคิดของตัวเอง ในบางทีสิ่งที่เราคิดอาจไม่จริงก็ได้ เช่น
"อาจจะมีคนบนรถไฟฟ้าที่มีความสุขกับการขึ้นรถไฟฟ้า อาจมีคนที่ไปสวนรถไฟแบบไม่รู้สึกขัดแย้งกับคนอื่น"
สุดท้ายสิ่งที่ผมคิดว่าขัดแย้งคือ "ความคิดของผมเอง"
พบกันใหม่เมื่อผมรู้สึกว่าตัวเองคิดอะไรไร้สาระครับ
สวัสดีค่ะ
ว่าจะไปแต่ไม่ได้ไปสักที...ถ้าไปอีกทีอาจมีโอกาสเจอพี่โรจน์นะคะ(หุ หุ หุ)