ตั้งแต่ผมเปิดประเด็นปัญหาการศึกษาของไทย เมื่อวันก่อน
ที่ผมเน้นไปว่า อาจจะมีสาเหตุมาจาก “คุณภาพของ ครู”
ก็มีพันธมิตรหลายท่านเข้ามาแลกเปลี่ยน แบบ “เหมือนนั่งอยู่ในใจผมเลยครับ”
แต่ก็อาจจะมีบางท่าน ยังคลางแคลงใจว่า ผมนำเสนอเรื่องการศึกษาแบบนี้
· “คิดอะไรอยู่”
· “ต้องการอะไร”
· หรือ เพียง “ฟื้นฝอยหาตะเข็บ”
· หรือ แม้กระทั่ง “แกว่งเท้าหาเสี้ยน”
ผมจึงขอขยายความอีกนิดหนึ่งว่า
ประเด็นที่ผมชูวันนี้คือ
ความอึดอัดของผมที่อยู่ในระบบการศึกษา และการสัมผัส
· การไม่บรรลุเป้าหมายของ "ระบบการศึกษาไทย"
· ที่ไม่สามารถพัฒนาคนได้
· แล้วอนาคตของชาติจะเป็นอย่างไร
ผมรู้สึกเอาเองนะครับ (และอยากให้เป็นแค่นั้นจริงๆ ครับ) ว่า
· ผู้เรียนจนจบหลักสูตรส่วนใหญ่ก็ "ผิดหวัง" กับ หลักสูตร"จบมาได้อย่างไร ยังไม่เห็นจะรู้อะไรเลย"
นี่คือ ความเห็นของคนที่จบการศึกษาจำนวนหนึ่ง ที่ผมสัมผัสมาจริงๆ
· คนที่จะรับผู้จบการศึกษาเข้าทำงานก็ผิดหวัง"จบอะไรมา ก็ไม่เห็นทำอะไรเป็นสักอย่าง" ดังนั้น ส่วนใหญ่ ผู้รับคนเข้าทำงาน
· และสถาบันที่ตั้งเป้าไว้อย่างสวยงาม ก็มักไม่บรรลุวัตถุประสงค์ของ “การพัฒนาคน”
แต่ก็ชัดๆเรื่องเดียวคือ "จำนวนผู้ผ่านการสอบ" แต่ ผ่านไปแล้ว มีคุณภาพตามที่เขียนอ้างไว้ไหม สักกี่ส่วน ทั้งใน
นี่คือตำถามที่ใหญ่ที่สุดที่ผมมี ก็คือ
ดูเหมือนว่าเราจะทำเป็นไม่รู้ ไม่รับรู้ และ ไม่สนใจ (ขอให้ผมได้เข้าใจผิดเถอะครับ ผมจะดีใจมากที่สุดในชีวิต)
และ ทำแบบ "ขออยู่รอดไปวันๆ " ใครจะเป็นอย่างไร ไปแก้ไขกันเอาเอง "ข้าอยู่รอดได้แล้ว ฮ่าฮ่าฮ่า"
เพราะ หลายๆท่าน ก็อาจคิดแค่ว่า งานประจำที่ทำอยู่ก็หมดแรงแล้ว
ทีนี้ ผมจึงพยายามดึงประเด็นมาที่ตัวคนสอน ที่อ้างตัวว่าเป็น "ครู" แต่ชอบให้คนอื่นเรียก "อาจารย์" ว่า
น่าจะเป็นส่วนสำคัญในการเกิดข้อผิดพลาดในประเด็นนี้
นอกเหนือไปจาก
ที่ยังมีข้อจำกัดมากพอสมควร
ถ้าจะหาข้อจำกัดและแก้ที่ระบบ มันกว้างและหาจุดเริ่มได้ยาก
ผมจึงกลับมาคิดว่า ถ้าเรามาเริ่มที่ "ตัวบุคลากร" นี่แหละ น่าจะตรงและง่ายที่สุด
ตามหลักการที่ว่า "จะแก้ไขใคร ต้องแก้ที่ตัวเองก่อน"
และ ภายใต้ความคิดที่ว่า "ระบบจะดีแค่ไหนก็ไปไม่ได้ ถ้าคนไม่พร้อม"
และบทกลับ "ถ้าคนพร้อม ระบบอย่างไรก็พอเริ่มต้นไปได้ และสามารถไปพัฒนาทีหลังก็ยังได้"
นี่คือแนวคิดตั้งต้นในการเขียนเรื่อง "ครู" กับ "ระบบการศึกษา” ครับ
ขอบพระคุณอีกครั้งที่ทุกท่าน มาช่วยขยายความ ให้ผมได้มองระบบ องค์กร บุคลากร และตัวเอง อย่างรอบคอบมากขึ้นครับ
เรียน ท่าน ดร.แสวง ครับ
ครับ
ตอนนี้เรายัดเยียดสิ่งที่เราเรียกว่า "ความรู้" ให้กับเด็ก แบบที่หมอประเวศ ว่า
"ยัดช้างผ่านรูเข็ม"
ลำบากด้วยกันทุกฝ่าย
เราต้องมาคิดใหม่ ให้เฉพาะเรื่องที่จำเป็น แบบ
"ใบไม้กำมือเดียว" ได้ไหม
ในโลกความเป็นจริง เราไม่ต้องรู้มาก แต่พอเพียงก็ทำงานได้ ไม่ใช่หรือครับ
รู้มากทำอะไรไม่เป็น สู้รู้น้อนแต่ทำงานได้ไม่ดีกว่าหรือครับ
สิ่งที่เรียน "เผื่อใช้" แต่ (จริงๆ) เพื่อลืม นั้น ไม่ทราบจะให้เรียนไปทำไมกันครับ
ผมเถียงเรื่องนี้มาตั้งแต่เด็กแล้ว ปัจจุบันก็ยังไม่มีใครเห็นด้วยเลย
แต่ก็จะสู้ต่อไปครับ
สวัสดีครับ อาจารย์ ดร. แสวง รวยสูงเนิน
ขอบคุณครับ สำหรับความตรงไปตรงมาครับ :)
ขอบคุณครับ
ผมคิดว่า ถ้าทุกท่านทำตัวเป็นครูมากสักหน่อย
จะเป็นอะไร ทำอะไร น่าจะไปได้ด้วยดีทั้งนั้นแหละครับ
แก้ไขตัวเอง แบบ
ตามองดาว เท้าติดดิน
ผมเชื่อว่าเรามีทางรอดครับ
สวัสดีครับ ขออนุญาตแนะนำ Website ระบบการเรียนรู้และการบริหารเครือข่ายทางการศึกษา จากโครงการวิจัยห้องเรียนธรรมชาติเพื่อการเรียนรู้แบบบูรณาการด้วยภูมิปัญญาตะวันออกเฉลิมพระเกียรติ: สวนพอเพียงแปดทิศนิรมิตเกษตร ขอเชิญทุกท่านเยี่ยมชมและร่วมแสดงความคิดเห็นได้ที่ www.garden-learning.com ครับ เพื่อเป็นประโยชน์ต่อการพัฒนา ทุกความเห็นจะปรากฏในงานวิจัยเล่มจริงด้วยครับ ขอบคุณครับ ^__^
.
.
.
.
.
.
นายกองแก้ว รัตนปัญญาพันธุ์
ผู้อำนวยการชำนาญการพิเศษ
โรงเรียนบ้านปงหัวหาด (หัวหาดราษฎร์บำรุง)