ไปเรียนรู้ ณ วัดพระบาทน้ำพุ


เมื่อวานนี้ ไปพบเพื่อนๆ กัลยาณมิตรชมรมชีวันตารักษ์ (ที่กำลังจะกลายเป็นมูลนิธิชีวันตารักษ์ในอีกวันสองวันนี้ NB: = ชีว = ชีวิต; อันตะ = สิ้นสุด; อารักษ์ = ปกป้อง บริบาล ดูแล; = ชีวันตารักษ์ คือ การดูแลเอาใจใส่ผู้ทุกข์ยากจนกว่าชีวิตจะถึงที่สุด) ณ กองการแพทย์ทางเลือก กระทรวงสาธารณสุข นัยว่าจะไปกราบนมัสการพระอาจารย์อลงกต (ดร.พระครูอาทรประชานาถ) เจ้าอาวาสวัดพระบาทน้ำพุ ลพบุรี ออกเดินทางจากกระทรวงประมาณ 7 โมงเกือบครึ่งได้ ใช้เวลาเดินทางประมาณสองชั่วโมงครึ่ง เรียกว่าขับอย่างไปเรื่อยๆมาเรียงๆ

จริงๆผมควรจะมาวัดพระบาทน้ำพุก่อนหน้านี้นานแล้ว คลาดโอกาสไปทุกที ครั้งนี้เนื่องจากพระอาจารย์อลงกตท่านเป็นทั้งที่ปรึกษาชมรมฝ่ายสงฆ์ เป็นทั้งองค์อุปถัมป์ และเป็นแรงผลักดันให้กำลังใจและให้ข้อแนะนำในด้านกิจกรรมต่างๆมาโดยตลอด พอจะถึงวาระที่เราจะเปลี่ยนจากชรมรมมาเป็นมูลนิธิ ก็เป็นเรื่องอันควรที่จะมากราบนมัสการและศึกษา ขอความคิดเห็นจากพระอาจารย์

พอมาถึงวัด ก็เห็นการตกแต่งที่แตกต่างจากวัดทั่วๆไป เริ่มจากที่ประตูมียาม มี barrier เหล็กขวางรถ เพื่อให้ยามได้ตรวจสอบและถามไถ่ว่าใครมาใครไป หลังจากนั้นรถที่เดินทางไปก็เคลื่อนตัวไปจอด ณ หน้ากุฎิเจ้าอาวาส พระอาจารย์กำลังมีอุบาสก อุบาสิกามาเยี่ยมพอดี จังหวะที่เราเลือกก็นับว่าเฉียดฉิว เพราะพอถึงเทศกาลสงกรานต์ จะเป็นช่วงที่ญาติโยมนับพัน จะมาสรงน้ำพระอาจารย์กันไม่ขาดสาย พอได้เขาพบ กราบนมัสการท่านเสร็จ ท่านก็บอกให้ไปเดินๆดูรอบๆสถานที่ของวัดเสียก่อนจะดีไหม แล้วจะเตรียมจัดห้องประชุมเพื่อสนทนาให้ ปรากฏว่าก็มีนักศึกษาคณะนิเทศศาสตร์ ของราชภัต ลพบุรี มาทำหน้าที่เป็นมัคคุเทศน์ให้กลุ่มเรา

ที่แรกที่ไปชมเลยก็คือ หอผู้ป่วยระยะสุดท้าย (ไม่ทราบตั้งใจรึเปล่า) ครับ เป็น หอผู้ป่วยจริง จะรับคนไข้ได้ประมาณ 30 คน และเกือบจะเต็มตลอดเวลา เป็นผู้ป่วยโรค AIDS ระยะสุดท้าย และเกือบทั้งหมดจะไม่มีญาติมานอนอยู่เกือบเต็ม ward ส่วนใหญ่ผป.ระยะนี้ก็จะมีอาการท้องร่วงไม่หยุด ผอมมากจนหนังท้องแทบจะติดกระดูกสันหลัง เห็นเป็นโครงกระดูกจากภายนอกเลยทีเดียว บางคนก็มีดีซ่านจากตับวาย บางคนก็จะมีเชื้อราระบาดทั้วทุกระบบ และมีกลุ่มหนึ่งที่นอนในห้องแยก เพราะเชื้อที่พบบ่อยมากในผป.เอดส์ระยะนี้ก็คือวัณโรค ชนิดไม่เพียงแต่ในปอด แต่เกิดได้ทุกที่เลย

คนดูแลเป็นผุ้ช่วยพยาบาล ที่คอยให้ยาเล็กๆน้อยๆ ตอนที่เราไปเยี่ยม ก็พบอาสาสมัครชาวต่างชาติ เป็นสุภาพสตรีสองท่านกำลังทำแผลให้คนไข้ที่มี bedsore หรือแผลกดทับที่หลัง ดูเขาทำอย่างมีสมาธิและไม่มีรังเกียจอะไร เพียงแค่ใส่ถุงมือเวลาทำแผลเท่านั้น คนไข้ใน ward นี้ขยับเขยื้อนร่างกายก็แทบจะไม่ค่อยไหวแล้ว มักจะอยู่จนถึงวาระสุดท้าย ณ ที่นี้เอง

เดินออกจากหอผู้ป่วยระยะสุดท้าย เราก็เดินผ่านไปยังพิพิธภัณฑ์มนุษย์ เขียนชื่อตอนแรกเราก็สงสัยว่าเป็นอย่างไร ปรากฏว่าพอเข้าไป ก็เห็นเป็นโถงกว้างขวาง หลังคาสูง มี booth คล้ายๆกับพิพิธภัณฑ์สถาน กระจายอยู่ทั้วไป บน booth มี jar ใส่น้ำยาดอง และปรากฏว่ามีอวัยวะต่างๆของมนุษย์ใส่ในขวดน้ำยานี้ทุกขวดเลย มีมือ แขน เท้า อวัยวะภายในเช่น ลำไส้เล็ก ลำไส้ใหญ่ ตับ ไต ไส้ติ่ง ม้าม อวัยวะเพสชาย ผิวหนังคนผืนใหญ่ และมีโครงกระดูกเต็มตัว 1 โครง  ของทุกอย่างเป็นสิ่งที่คนไข้ที่เสียชีวิตที่นี่บริจาค เพื่อให้คนมาเข้าชมได้ทำมรณานุสติ หรือทำอะไรกฌตามใจ ที่จะปลงว่ารูปร่างหน้าตา อวัยวะสวยงามแค่ไหนตอนเป็น พอแยกออกมาแล้วก็เป็นแค่นี้เท่านั้นเอง ผมถามน้องช่างภาพจากกระทรวงที่มาด้วยว่าเป็นไง เห็นหน้าเซียวๆ เธอก็กระซิบตอบว่าน่ากลัวดีค่ะ (ตรงคำว่า "ดี" เสียงเบาแทบจะไม่ได้ยิน)

ออกจากอาคารนี้ก็เลยไปเยี่ยมศาลากระดูก เป็นศาลาเปิด หลังคาสูง มีพระประธานปางสมาธินั่งอยู่หนึ่งองค์แวดล้อมด้วยถุงกระดูกเป็นกองภูเขา นับพันๆใบ มัคคุเทศน์ของเราก็บอกว่าแต่ละถุงก็คือกระดูกของคนไข้หนึ่งคน ที่เขาบริจาค และให้เอามาวาง ณ ศาลานี้ วันสงกรานต์นี้ก็จะถึงเวลาทำบุญ และสรงน้ำ จากญาติโยมอีกครั้งหนึ่ง

เสร็จแล้วเราก็เดินไปอีกอาคารหนึ่ง เป็นอาคารรวบรวมศพที่บริจาคแบบทั้งร่าง และได้ดองรักษาไว้ ตั้งเป็นตู้ๆ หรือยืนตามมุมต่างๆ มีทั้งศพเด็กอายุ 3 ปี 5 ปี ศพผู้ใหญ่ที่เป็นผู้หญิงบ้าง ผู้ชายบ้าง หรือที่แปลงเพศบ้าง ทุกคนตายจากโรคเอดส์ และจะมีประวัติสั้นๆมาเป็นใคร มาจากไหน ติดเอดส์ได้อย่างไร มีคำสะท้อน หรือคำสั่งเสียว่าอย่างไรบ้าง จัดเป็นทั้งท่ายืน ท่านอน ต่างๆมากมาย

เราเดินทัศนาจรอยู่ประมาณเกือบชั่วโมงก็กลับมาที่ห้องประชุม สักพัดพระอาจารย์อลงกตก็ตามเข้ามาคุย

พระอาจารย์เล่าถึงโครงการต่างๆที่ท่านกำลังทำอยู่ มีโครงการบ้างพักคนชรา คนไม่มีที่อยู่อาศัย ท่านก็ปลูกให้ ในเนื้อที่ที่มีคนบริจาค หรือท่านหามาไว้ให้ กำลังจะเสร็จสิ้น เมือ่เสร็จก็จะมีคนจำนวนมากที่จะได้มีบ้าน มีที่อยู่เป็นของตนเองเป็นครั้งแรก ท่านเล่าให้ฟังถึงเรื่องการดูแลผป.โรคเอดส์ ที่บางคนก้ไม่มีญาติ หรือบางคนมีญาติก็จริงแต่ก็ไม่มีใครมาเยี่ยม เพราะไม่ทราบว่าจะดูแลอย่างไร มีกลุ่มคนมาเยี่ยมมาศึกษาที่วัดทุกวัน วันละหลายๆกลุ่ม หลายๆคน มาทั้งทำบุญบ้าง บริจาคบ้าง และที่น่าชื่นใจก็คือมีมาเป็นอาสาสมัครที่มาช่วยดูแลบ้าง บางคนไม่ถนัดทางการดูแล แต่ถนัดทางประชาสัมพันธ์ สร้างสือ ก็ไปช่วยกันทางนั้น มีคนมาจัดสวนกระดูก โดยเอาเถ้าเศษกระดูกผู้ป่วยที่เขาบริจาค มาทำเป็น sculpture สวนศิลป หน้ากุฎีท่านเจ้าอาวาส

ท่านได้ให้กำลังใจ และแนะนำการคิดกิจกรรมเรื่องการดูแลผป.ระยะสุดท้าย ในฐานะที่ท่านก็มีประสบการณ์ มีคนมาเสียชีวิตในวัดของท่านนับหมื่นราย และส่วนใหญ่เกือบทั้งหมดก็จะตายด้วยโรคร้าย มีทั้งคนไข้ มีทั้งเด็กลูกคนไข้ มีทั้งเด็กที่ติดต่อจากแม่ เป็นเอดส์แต่กำเนิด โตมาในวัด เรียนหนังสือในวัด และก็ตายในวัดในเวลาต่อมาเมื่อโรคกำเริบ ตอนกำลังจะตายเพื่อนๆในห้องเรียนเดียวกัน ก็ห้อมล้อมเป็นกำลังใจ มาตายไปก้ช่วยกันทำศพ ร่วมพิธีทางศาสนา ไปจนถึงเผา บางคนก็อาจจะเฝ้าสังเกต บางคนก็อาจจะรู้ตัวว่าตนเองก็กำลังจะเดินทางตามเพื่อนที่พึ่งเผาไป เพราะก็มีโรคกันอยู่ทั้งนั้น

พระอาจารย์อลงกต ดูมีสุขภาพค่อนข้างดี ถึงแม้ว่าจะบ่นปวดๆหลัง เพราะเดินทางทุกวัน แต่ก็ได้ออกกำลังโดยการเดินค่อนข้างมาก หน้าตายิ้มแย้มแจ่มใส เสียงกังวาน พูดจาชัดเจน ไม่ช้าไม่เร็ว คิดเร็ว คิดตามสิ่งที่เราถาม และตอบได้ แนะนำได้ทันที ถ้าเราไม่ถาม ท่านก็จะเล่าไปเรื่อยๆ ช้าๆ เรื่องราวที่ท่านจะเล่าได้คงจะมีมากมายนับหมื่นนับแสนเรื่อง ไม่ซ้ำกันเลย แต่ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเศร้า น่าสะเทือนใจสำหรับคนภายนอกอย่างไร ท่านก็นำมาหามุม สะท้อนออกเป็นเรื่องราวของชีวิต เป็นงานชองชีวิตของท่าน ที่ท่านยังทำทุกวันไม่หยุด ไม่เสร็จสิ้น เป็นการสั่งสมบารมีอย่างไม่หยุดหย่อน เต็มไปด้วยความเพียร ความอิ่มเอิบ และอุเบกขาอย่างที่สุด

ท่านรับปาก จะให้คำแนะนำ ความช่วยเหลือแก่ชมรมของเรา หรือแก่มูลนิธิของเราต่อไป ท่านไม่ได้วิจารณ์มาก แต่ท่านแสดงออกชัดเจนว่าสิ่งที่เราคิด สิ่งที่เราพยายามจะทำ ได้แก่ การเผยแพร่องค์ความรู้ การสร้างเจตคติในการจะตายดีต้องอยู่ดีก่อน อยู่ดีก่อนหมายถึงไม่เบียดเบียน มีความเข้าใจชีวิต มีความเตตากรุณาชีวิต และอยู่เพื่อช่วยเหลือคนอื่น นั่นแหละจะเป็นวิธีการันตีว่าจะตายดีได้ดีที่สุด  และท่านยินดีสนับสนุน ยินดีในมรรคาทีพวกเรากำลังจะเดิน และจะเดินไปด้วยกัน

เป็นการมาวัดทีเหมือนทัศนศึกษา แต่เป็นการศึกษาชีวิต ศึกษาความหมายของชีวิต บางทีถ้านักศึกษาแพทย์ ได้มาเห็น มาพูดคุย มาชมอะไรๆที่วัดพระบาทน้ำพุนี้บ้าง

ก็น่าจะดี

หมายเลขบันทึก: 90065เขียนเมื่อ 12 เมษายน 2007 22:32 น. ()แก้ไขเมื่อ 6 มิถุนายน 2012 14:19 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (10)
  • แค่คุณหมอบรรยายให้ฟังก็ได้สติดีครับ
  • ท่านพระอาจารย์มีคุณประโยชน์อย่างใหญ่หลวงแก่มนุษยชาติ ผู้ที่ร่ำรวยจะปันเศษส่วนมาบริจาคท่านเพื่อประโยชน์แก่ผู้ป่วยก็จะมีส่วนช่วยกันเสริมกำลังท่านนะครับ
  • ขอบคุณคุณหมอที่นำสติมาให้พวกเรา

สวัสดีค่ะอาจารย์หมอสกล

อ่านเรื่องประสบการณ์การไปวัดพระบาทน้ำพุของอาจารย์แล้ว  ทำให้รู้ชัดถึงความไม่เที่ยงแท้

และความไม่เที่ยงแท้นี้อาจเกิดกับใครก็ได้ ไม่จำกัด เพศ วัย หรืออายุ

เป็นการเตือนสติที่ดีมาก และทำให้เห็นชัดเจนว่าชีวิตที่มีอยู่นี้เป็นโอกาส แค่มีชีวิตอยู่ มีสุขภาพดีพอควร มีหลังคาคุ้มหัว มีงานทำ ก็เป็นโอกาสที่คนมากมายไม่มี

ขอบคุณอาจารย์ที่เล่าให้ฟังค่ะ ทำให้เกิดสติเตือนใจดีค่ะ

 

อ.บางทราย และ อ.กมลวัลย์ครับ

เห็นด้วย 100% ว่าภาพ และเรื่องราวแบบนี้ช่างมีพลังในการดึงจิต สมาธิ สติ ของเรากลับมาเห็นอะไรๆที่จริงแท้ แน่นอน ได้ชะงัดนักแล

นอกเหนือจากเห็นชีวิต เกิด เจ็บ ตาย (ไม่มีแก่) แล้ว highlight ที่ผมชอบที่สุดก็คือการได้เฝ้าดูการทำงานของอาสาสมัคร ของคนที่อุทิศตนทำงาน

อาสาสมัครคือใคร?

อาสาสมัครก็คือ "คนที่เมื่อว่างแล้ว เลือกจะใช้เวลาว่างนั้นๆของตนเอง ไปช่วยเหลือคนอื่น"

เห็นอย่างนี้จึงเข้าใจว่าทำไมมูลนิธิฉือจี้ ที่ไต้หวัน ที่เมืองไทย คนถึงได้ชอบสมัคร ชอบไปร่วมกิจกรรม เพราะ feel-good effects มันสามารถแพร่ระบาดได้งอกงามดีจริงๆ

ขอบคุณคุณ Phoenix ที่เอาภาพของ"ความเป็นจริงแห่งชีวิต"มาบรรยายให้เรา"มีสติ"อยู่เสมอค่ะ เป็นสถานที่ที่ฟังดูแล้วเหมาะที่จะเป็นที่ไป "ตั้งสติ"กันนะคะ
ขออนุญาตแก้ไขนะครับ ดร.พระครูอาทรประชานาถ เป็นสมณศักดิ์เดิมของท่าน ปัจจุบันท่านได้รับโปรดเกล้าเป็นพระราชาคณะชั้นเจ้าคุณ มีพระราชทินนามว่า "พระอุดมประชาทร" แล้วครับ ชอบใจภาพสะท้องที่คุณหมอมองวัดพระบาทน้ำพุ ผมในฐานะคนทำงานที่นี่รู้สึกภูมิใจที่มีผู้มาเยี่ยมเยือนแล้วขยายผลต่อ ขอบคุณมากครับ.

ขอขอบพระคุณคุณมดงานนะครับที่ช่วยกรุณาแก้ไขข้อมูลให้ถูกต้อง เผอิญผมเอามาจาก website และไม่ได้ตรวจเช็ค ต้องขออภัยด้วย

 ขออนุโมทนาในงานของคุณมดงานด้วยครับ

ขอกราบแทบเท้าครูผู้เป็นดังดวงประทีบไม่มีอีกแล้วที่จะมีใครทำได้แบบครูขอให้สิ่งที่ดีงามที่ครูทำจงส่งผลให้ปราศจากโรคาพญาธิคิดประสงค์สิ่งใดขอให้สมปราถนาครูผู้เป็นต้นแบบของบุรุษผู้เสียสละ....ศิษย์สัญญาจะยึดถือและเทินทูนครูตลอดไป ขอเชิญชวนนะครับวันใดที่ทุกคนว่างไปเดินจตุจักรกันครับไปร่วมบริจาคให้กับครูผู้เสียสละพ่อพระผู้ประเสริฐองค์นี้ด้วยเถิดครับท่านเหนื่อยมามากแล้วช่วยท่านหน่อยนะครับอย่าให้ท่านต้องเดินโดยลำพังอีกเลยเราทุกคนจะเป็นถนนให้ท่านเดินไปจนถึงซึ่งจุดหมายปลายทางไปช่วยกันนะครับเสาร์-อาทิตย์นี้ไปเจอกันครับที่สวนจตุจักร

ท่านที่สนใจทำบุญ เพื่อบริจาคเป็นปัจจัย ช่วยเหลือผู้ป่วยโรคเอดส์ วัดพระบาทน้ำพุ จ.ลพบุรี วันนี้ท่านสามารถช่วยเหลือ พวกเค้าได้แค่ง่ายๆ โดยการสมัครทดลองใช้โปรแกรมฟรีๆ หลายโปรแกรม  ทุกๆ 1 รายการที่สมัครสมบูรณ์ จะสมทบทุน 5-10 บาท   เพื่อบริจาค โดยยอดบริจาคทั้งหมดจะถวาย ให้แก่วัด พระบาทน้ำพุ เพื่อใช้ในการดูแลผู้ป่วยต่อไป  "น้ำใจจากท่าน ช่วยสานฝัน สร้างสายใย ให้ผู้ป่วยโรคเอดส์....." 

วิธีการสมัคร  www.phrabatnampu.20m.com

ผู้มีจิตศรัทธาท่านใดที่มีความประสงค์จะร่วมทำบุญกับทางวัด ถ้าพบเห็นข้อความเชิญชวนใดใดก็ตาม กรุณาตรวจสอบข้อมูลก่อนร่วมกิจกรรมนั้นๆ เพื่อป้องกันผู้แอบอ้าง สามารถตรวจสอบได้ที่ โทรฯ 081-9483602, 081-4516193,089-7420728-31

ดีใจจังที่ได้อ่านบทความที่คุณ  เขียนขึ้นทำให้ใจเราคิดไรได้หลายอย่าง   ในชีวิตจริงก็มีคนในเครือญาติเป็นอยู่ระยะสุดท้ายแล้ว  หรือเปล่าไม่แน่ใจตอนนี้เขาอยู่ที่บ้าน  เห็นแล้วน่าสงสารเขาทนทุกข์  กับโรคนี้เราเห็นก็ช่วยไรไม่ได้  แต่เค้าไม่รู้หรอกว่าเรารู้ว่าเค้าเป็น ญาติอีกคน บอกว่าเค้าอยากไปวัดพระบาทน้ำพุ แต่ไม่รู้จะติดต่ออย่างไร  เพราะเขาอ่านหนังสือไม่ออก  เราก็ได้แต่แอบช่วยอยู่ห่างๆ   โดยไม่ให้เขารู้ตัว เวลาที่เจอ เราก็ทำเหมือนเป็นปรกติทุกอย่างไม่แสดงท่าทีรังเกียจ  หรือไรทั้งสิ้นตอนนี้เขาเริ่มมีตุ่มใสๆเต็มตัว  และไม่ค่อยมีแรงในตัวมีแผล  ( เห็นเขาบ่นว่างั้น) แล้วก็รับทานไรไม่ได้  จะถ่ายออกตลอด   แต่ดูภายนอกเขาปกตินะ   อ้วน(บวม)   ผมก็ไม่ร่วง  ตาแดง แต่เห็นคนเป็นระยะสุดท้ายเค้าจะผอมกันจนเห็นกระดูกไม่ใช่หรอค่ะ   อาการแบบนี้บ่งบอกถึงระยะไหนพอจะทราบมั้ยค่ะ  เพราะตั้งแต่พอเค้ารู้  เค้าก็ไม่ไปตรวจอีกเลยตั้งแต่ปี 47 เท่าที่จำได้  เพราะเรารู้จากญาติ  ตอนนั้นเราเรียนใกล้จบพอดี   และจะต้องติดต่ออย่างไรค่ะเพื่อส่งตัวเค้าไปวัดพระบาทน้ำพุ    ไม่ทราบว่าเค้ายังรับอยู่มั้ย  สงสารเค้า  วันๆบ่นแต่อยากตาย  แต่ดีนะค่ะที่เค้ามีแม่ที่ประเสริฐอย่างยาย   สงสารยายจังยายคงเหงามาก  ท่าเค้ามีอันต้องไป.....   ใจของคนเรานี่บอบบางนัก  สิ่งที่ทำใจยากที่สุด  คือการจากไปของคนที่เรารัก............  แต่สิ่งที่เจ็บปวดใจที่สุด  คือรู้แล้วว่าสักวันเขาต้องจากเราไป    โดยที่เค้ายังยืนอยู่ตรงหน้าเรา........

 

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท