ปีนี้ โครงการส่งเสริมหัวหน้าหน่วยงานของคณะฯ ผ่านการทำโครงการพัฒนางาน มีกรอบการทำโครงการ ให้มุ่งเน้นการปรับปรุงกระบวนการทำงานอย่างเป็นระบบ และประกาศว่า หากโครงการใด ใช้กระบวนการหรือเครื่องมือ Six Sigma หรือ lean หรือ R2R ก็จะได้แต้มบวกเพิ่ม !!
เห็นประกาศดังกล่าวแล้ว ก็ได้แต่ อุทาน (ในใจ) แทนหัวหน้างานหลายๆ คน...
โอ๊ะ โอ๋ ! มีเครื่องมือตั้งหลายอย่าง เอ.. จะใช้อะไรดีหล่ะ? หรือ จะเลือกใช้เครื่องมืออะไรได้หล่ะ ก็ยังไม่รู้เลยว่ามันคืออะไร และทำอย่างไร ?
เมื่อประมาณเดือนสองเดือนก่อน ทางคณะฯ ได้เชิญ นพ.สิทธิศักดิ์ พฤกษ์ปิติกุล จาก บริษัท ADLI เจ้าพ่อคุณภาพคนคุ้นเคยของ มอ. มาบรรยายเรื่อง Six Sigma ให้พวกเราฟัง 1 วันเต็มๆ ทำให้ได้เข้าใจแนวคิดการพัฒนาคุณภาพงานตามกระบวนการของ Six Sigma พอสมควร และ วิเคราะห์ได้ว่า กระบวนการดังกล่าว คือก็ R2R นั่นเอง
Six Sigma เป็นกระบวนการพัฒนาคุณภาพประสิทธิภาพงานอย่างเป็นระบบ โดยมีการกำหนดเป้าหมายผลลัพธ์ของกระบวนการเป็นค่าหนึ่ง ผลสัมฤทธิ์ของกระบวนการ ประเมินโดยการ นับจำนวนผลผลิตที่มีตำหนิ (defect) หรือ ผิดพลาด ต่อผลผลิต 1 ล้านชิ้น (parts-per-million, ppm) สำหรับบริการที่ไม่ได้วัดผลงานเป็นจำนวนชิ้นงาน ก็วัดเป็น จำนวนความผิดพลาดต่อหนึ่งล้านโอกาส (defect per million opportunities) ระดับที่ดีที่สุดที่เป็นที่ใฝ่ฝันกันคือ 6 Sigma ซึ่งเทียบได้กับจำนวน defect 3.4 ในล้านโอกาส
กระบวนการพัฒนาของ Six Sigma มี 5 ขั้นตอนย่อว่า DMAIC
กระบวนการ DMAIC ของ Sig Sigma เน้นการวัดผล ด้วยข้อมูลตัวเลขที่มีความถูกต้อง เที่ยงตรง มีการวิเคราะห์ข้อมูลเชิงสถิติ เพื่อสรุปผลว่าอะไรเป็นสาเหตุของปัญหา แบบนี้ ก็คือ Routine to Research (R2R) ดีๆ นี่เอง
เมื่อได้คำตอบว่าอะไรเป็นสาเหตุแห่งปัญหาจากการวิเคราะห์ข้างต้นแล้ว ก็นำผลสรุปนั้น กลับมาปรับปรุงกระบวนการ จึงน่าจะเรียกได้ว่า นำผลวิจัย มาใช้จริง หรือ เป็น Routine to Research to Routine (R2R2R) แล้วก็เป็นวงจรการปรับปรุงการทำงานประจำด้วยกระบวนการวิจัยที่ไม่รู้จบนั่นเอง
แล้ว Lean หล่ะ เกี่ยวข้องกับ Six Sigma อย่างไร
โปรดติดตาม ในบันทึกต่อไปนะคะ…
ขอบคุณครับกับความรู้เรื่อง Sig Sigma