สุขสังคม (Social Happiness)


สุขสังคม (Social Happiness) 

ความสุขนั้นหนอ คืออะไร…?

 

ชีวิตที่ผ่านมานั้นสิ่งที่เราเคยเรียกว่า สุข นั้นใช่ ความสุข หรือไม่...?

 

และความสุขที่เราได้พบและสัมผัสขณะนี้ล่ะ..............

  อิ่มสุข อบอุ่น และอิ่มอุ่น

ความสุขแบบนี้เราเคยได้รับจากใครหนอ...

 

แม่และพ่อ

 เมื่อครั้นที่เราอยู่ในท้อง เกิดมาอยู่ในอ้อมกอด โตขึ้นมาได้สองมือ และ หัวใจ ที่อุดมไปด้วยความรัก.... เป็นสุขที่ อิ่ม และเอมใจหาใดเปรียบปราณ 

ความสุขที่ถูกถักทอและห่อหุ้มจากดวงจิตและหัวใจที่เปี่ยมไปด้วยความรักจากผู้หญิงคนหนึ่งและคนเดียวในชีวิตที่เราเรียกว่า แม่ เป็นความสุขที่ทรงคุณค่าเปรียบเสมือนน้ำทิพย์ที่คอยชุบและชะโลมชีวิต ลูก ให้ยืนหยัดอยู่ได้ในสังคมที่เต็มไปด้วยความสับสนวุ่นวายแห่งนี้

 

            รวมถึงยังมีผู้ชายอีกคนหนึ่งที่เปรียบเสมือนผู้หญิงเบื้องหลัง คอยปกป้องดูแลความปอลดภัยให้ทั้งแม่และลูก ใช้กำลังกายและพลังใจทำงานหางานอาบเหงื่อต่างน้ำ ให้ได้มาซึ่งปัจจัย ๔

 

อาหารที่ทำให้ร่างกายดำรงอยู่ซึ่งความเป็นมนุษย์

 

ที่อยู่อาศัยที่ปราศจากเหลือบ ยุง ลิ้น ไร และลม แดด

 

เครื่องนุ่งห่มที่สมกับวัยและฐานะ

 

ยารักษาโรคเตรียมพร้อมที่จะบรรเทายามเมื่อลูกเจ็บป่วย

   

สังคม (Social) เป็นการรวมตัวกันของคน หรือสัตว์ หรือสรรพสิ่ง อยู่ร่วมกัน พึ่งพาอาศัยกัน ทำกิจกรรมต่าง ๆ ร่วมกัน แล้วทำไมสังคมในปัจจุบันจึงไม่เป็นเหมือนสังคมของเราพ่อแม่ลูกล่ะ? ความสุขในสังคมนี้ขาดสิ่งใดไป ความสุขในสังคมนี้บกพร่องตรงไหน แล้วทำไมสังคมนี้จึงไม่สงบและสุข.....

  

แม่ แม่พระ พระแม่

 

พ่อ พ่อพระ พระพ่อ

 ความถักทอ เกาะเกี่ยว เชื่อมโยงกันระหว่างกายและจิต ระหว่างใจต่อใจ ระหว่างกายต่อกาย สิ่งที่เชื่อมผสานกันของความรักที่ยิ่งใหญ่ ประเสริฐ และบริสุทธิ์ ความสุขจากความรักที่เป็นพื้นฐานที่แข็งแรงและมั่นคงแห่งจิต ความสุขจากความรักที่เปรียบเสมือนเสาเข็มและฐานรากที่แข็งแกร่งแห่งกายความรักที่ลูกได้จากพ่อและแม่ โดยพ่อและแม่มีพุทธศาสนาเป็นพื้นฐาน เป็นเสาเข็มแห่งจิตและกาย ทรงคุณค่ายิ่งจริงหนอความรักที่กรั่นออกมาจากพื้นฐานแห่งศีล ซึ่งเป็นศีลแห่งพระธรรม ศีลธรรม นำจิตสุขความรักที่กรองเภทภัยอันตราย ความลุ่มหลงมัวเมาด้วยศีลธรรม นำชีวิตสว่างและสดใส

ความรักที่อยู่บนพื้นฐานแห่งความถูกต้องมากกว่าถูกใจ ช่วยสังคมรอดพ้นจากภัยและอุปสรรคใด ๆ ที่แผ้วพาน

  ความสุขที่เกิดจากความรักที่อยู่บนฐานแห่งศีลและธรรม จึงเป็นความรักที่นำความสุข   มาสุขแท้มาสู่จิตใจของพุทธศาสนิกชนได้ฉันใดความสุขที่เกิดจากความรักที่อยู่บนฐานแห่งศีลแลธรรมอย่างที่พ่อแม่มีให้กับลูกนั้นนั้น จะนำความสุขแท้ที่ยั่งยืน มาสู่สังคมที่ไม่ว่าจะยุ่งเหยิงและสับสนเพียงใดได้ฉันนั้น..... 

๒๗    กุมภาพันธ์ ๒๕๕๐  

คำสำคัญ (Tags): #social happiness#สุขสังคม
หมายเลขบันทึก: 98551เขียนเมื่อ 25 พฤษภาคม 2007 13:57 น. ()แก้ไขเมื่อ 27 มีนาคม 2012 14:40 น. ()สัญญาอนุญาต: ไม่สงวนสิทธิ์ใดๆจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (7)
  • นมัสการครับ
  • ตามมาอ่าน
  • บางครั้งอ่านแต่ไม่ได้ทิ้งร่อยรอยไว้ครับผม

 

นำ code กล่อง medition song มาฝากครับผม

http://gotoknow.org/blog/awakened

copy ไปใส่ในส่วนของ รายละเอียดบล็อก ได้เลยครับ

 

นมัสการพระคุณเจ้า...

ตามมาชื่นชมมุมคิดของพระ...

ครับผม

ขอถามท่านว่าเมื่อพุทธศาสนาเป็นศาสนาประจำชาติแล้วจะเป็นยังไงต่อไปครับ

1. วัดยังปั๊มจตุคามมอมเมาประชาชนต่อไปหรือมากขึ้นหรือเปล่า

2. พระจำทำContract กับร้านข้าวแกงที่ตลาดมากขึ้นหรือเปล่า

3. อาชีพพระจะมั่งคงขึ้นจากเงินบริจาคหรือเปล่า

ทิดน้อย เมื่อ อา. 29 เม.ย. 2550 @ 14:58 [242509] ในพุทธกาลพระพุทธเจ้าไม่เคยทรงเรียกร้องให้บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญในแคว้นใดเลย แต่เนื่องด้วยพระจริยาวัตรและธรรมะที่สามารถช่วยให้พ้นทุกข์ได้ของพระองค์ ชาวประชาจึงพากันปฏิบัติตาม พระองค์ทรงสอนว่าพระพุทธศาสนาจะเสื่อมหรือเจริญอยู่ที่การปฏิบัติธรรมหรือไม่ของพุทธบริษัท ไม่ใช่อยู่ที่บัญญัติหรือไม่ ตราบใดที่มีผู้ปฏิบัติอริยมรรคมีองค์แปดอยู่ ตราบนั้นศาสนาของพระตถาคตก็ยังไม่สิ้นสูญ สนิมย่อมก่อกำเนิดมาจากเนื้อใน ศาสนาคงอยู่ไม่ได้เพราะข้างในเกิดสนิม จงหันกลับมาดูตัวเองว่าเราเป็นพระตามหลักของพระศาสดาหรือยัง อย่ามัวแต่เรียกร้องกันแค่เปลือกเลย หันมาดูแก่นแท้กันดีไหม เม้ง สมพร ช่วยอารีย์ ---------> http://www.somporn.net ---------> http://www.schuai.net เมื่อ อา. 29 เม.ย. 2550 @ 15:25 [242546] กราบนมัสการพระคุณเจ้า เมื่อผมได้เห็นบทความทำนองนี้ กระผมพยายามทำความเข้าใจ แล้วนึกน้อยอกน้อยใจแทนศาสนาหรือผู้เคารพในศาสนาอื่นทุกๆครั้งไป แม้ว่าผมจะนับถือศาสนาพุทธก็ตาม ผมยังจำได้ตอน ม.หนึ่ง ในโรงเรียนจะมีการพานักเรียนใหม่เข้าไปในวัดและเป็นการทำพิธีเพื่อบอกว่าตนเองเป็นพุทธ แล้ววันหนึ่งคุณครูท่านก็บอกว่า สมพร ต้องนับถือในผู้เป็นพระ ส่วนท่านใดที่เป็นคนห่มผ้าเหลือง สมพร ต้องคิดไตร่ตรองเอาเอง ดังนั้นสมพร อย่าสับสนระหว่างคนห่มผ้าเหลืองกับพระ ผมก็ยังจำคำที่ท่านบอกผมอยู่เต็มหูมาจนถึงทุกวันนี้ครับ เรื่องเหล่านี้ผมถึงบอกเสมอและเตือนกับตัวผมเสมอว่าละเอียดอ่อนมาก ให้เก็บเอาไว้ในใจน่าจะดีกว่า ผมไม่เชื่อหรอกครับ ว่าพระพุทธศาสนา หรือศาสนาอื่นๆ จะสิ้นไปจากโลกนี้จริงๆ มันจะคงอยู่ของมันเพียงแต่ว่าจะคงอยู่ในรูปแบบไหนก็เท่านั้น ใครๆก็ทราบกันดีว่า พุทธศาสนาในประเทศไทยนั้นมีคนนับถือเยอะในตอนนี้ แต่ทำไมเราต้องทำให้เพื่อนร่วมโลกในศาสนาอื่นต้องรู้สึกในเรื่องนี้ด้วย ซึ่งอาจจะนำมาสู่ปัญหาได้ ท่านก็บอกว่า ทุกคนต้องการจุดยืนในสังคมใช่ไหมครับ จุดยืนยึดมั่นทางกาย แล้วคนส่วนน้อยหล่ะครับ ท่านจะให้คนอื่นเค้ามองอย่างไรในประเด็นนี้ กระผมคิดว่าการให้เกียรติกันในเรื่องนี้ ในเรื่องความเชื่อ ไม่สามารถจะเอาเสียงส่วนใหญ่ หรือเปอร์เซนต์ส่วนใหญ่มาคิดได้ ต้องให้เกียรติคนส่วนน้อยด้วยครับ แม้ว่าเปอร์เซนต์ส่วนน้อย จะแค่ 1% ก็ตาม แต่ 1% จาก 60ล้านคน ก็เยอะนะครับท่าน ดังนั้นการจะบัญญัติหรือไม่นั้น ควรจะตัดสินใจกันให้ดีๆ คิดให้หนักๆ คิดแล้วก็คิด ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายใดๆ ก็ตามที่เกี่ยวข้องในเรื่องนี้ เป้าหมายน่าจะอยู่ที่องค์ความดีของความเชื่อนั้นๆ มากกว่า กราบขอบพระคุณมากๆครับ ข้าพเจ้าขออภัยด้วยหากทำให้เรื่องที่บันทึกนี้ ไม่เป็นไปในทางที่ท่านปรารถนา แต่นี่คือความคิดของข้าพเจ้าในสิ่งที่มองอยู่ครับ Keen เมื่อ จ. 18 มิ.ย. 2550 @ 13:36 [296478] ผมว่าหากท่านอ่านข้อความของคุณสมพรดีๆแล้ว น่าจะทำให้พวกท่านบรรลุได้บ้างนะครับ ท่านจะเอาศาสนาอื่นไปไว้ที่ไหนล่ะครับ....ควรจะระลึกด้วยว่าคนอื่นๆเขาก็ต้องการจุดยืนครับ ลองอ่านบทความของท่านดีๆสิครับ ว่าสับสนแค่ไหน ตกลงจะให้ยึดกาย หรือยึดใจ เป็นที่ตั้งดีครับ??? โลภะ โมหะ โทสะ...ล้วนได้ถูกแปลความไว้ในสิ่งที่กระทำมาทั้งนั้นครับ ม็อบต่างๆที่กระทำอยู่ในปัจจุบัน คิดหรือเปล่าว่าทำให้คนอื่นเดือนร้อน เช่นผู้ใช้รถใช้ถนน คนฟังข่าวที่ทำให้ไม่สบายใจ ไร้ซึ่งความสมานฉันท์ สังคมไทยตอนนี้ไม่ต้องการคนหัวรุนแรงครับ หากยิ่งเรียนสูงแล้วทำให้หัวรุนแรง ก็อย่าเรียนเลยครับ หาความสงบดีกว่าครับ สิทธิรักษ์ เมื่อ จ. 18 มิ.ย. 2550 @ 15:22 [296547] สวัสดีครับท่านผู้ทรงศีล แก่นแท้ของศาสนาพุทธ คือแก่นแท้ของความเป็นจริง ท่านผู้เป็นตัวแทนของพระพุทธองค์ ควรทำเป็นตัวแทนของพระองค์ผู้ทรงศีล การปล่อยวางหรือไม่วาง ท่านยังจำแนกได้ไม่ชัด การยึดมั่นทางกายทางใจก็ยังไม่มั่น ศาสนาพุทธเจริญในโลก เผยแผ่ในโลก ไม่ใช่มีแต่เมืองไทย ตัวแทนพระองค์ควรเด่นชัดในคำสอน ถ้าท่านเปรียบถึงขั้น "ต้องยึดติดสิ เพราะถ้าไม่มีที่ยืนจะไปยืนที่ไหน ถ้าไม่มีที่นั่งจะให้ไปนั่งที่ไหน ถ้าจะไปต่างจังหวัดไม่ยึดติดก็ไม่ต้องขึ้นรถไปต้องเดินไป ถ้าจะไปเมืองนอกก็เดินไปไม่ต้องขึ้นเครื่องบินไป...... “ยึดมั่นทางกาย แต่ไม่ให้ยึดมั่นถือมั่นทางใจ” " ท่านควรออกมายืนในที่ที่ควรยืน ไม่ควรยืนในที่ที่ไม่ควรยืน ถ้าเป็นอย่างท่านต่อไป คงจะต้องไปตั้งพรรคการเมืองจะได้มีที่ยืนที่มั่นคง ถ้าชาวพุทธต่างคนต่างปล่อยวาง ถือว่าไม่ใช่ธุระ ไม่ใช่หน้าที่ พระก็ปล่อยวาง โยมก็ปล่อยวาง เจ้าหน้าที่ข้าราชการที่เกี่ยวข้องทุกคนก็นิ่งเฉย ศาสนาพุทธคงเสื่อมลงและหมดลงไปในไม่ช้าเพราะภัยอันตรายจากผู้ไม่หวังดี ตั้งใจบิดเบือนคอยทำลายศาสนาพุทธ เพราะประเทศไทยเราถือได้ว่า เป็นศูนย์กลางความเจริญรุ่งเรืองของพระพุทธศาสนา เป็นแบบอย่างที่ดี ต่อการประพฤติปฏิบัติ ดังนั้นชาวพุทธควรที่จะร่วมรักษาสิ่งที่ดีงามของประเทศและสังคมไทยนี้ที่มีรากฐานมาจากพระพุทธศาสนาให้ดำรงอยู่ตลอดไปตราบนานเท่านาน ท่านเป็นพระ ในโลกของธรรม ภาระหน้าที่ที่จะต้องเป็นสาวกที่ดี ความเจริญของพระพุทธศาสนาที่ถูกบิดเบือน ล้วนเป็นพฤติกรรมที่สงค์ทำทั้งนั้น พุทธพาณิชย์ กลาดเกลื่อน ใบ้หวย เจิมป้าย ผิดศีล ปั้มพระ สร้างวัด สร้างความเจริญภายในวัด อย่างไม่มีการจำแนก ท่านได้ไปชี้จุดยืนให้เขาแล้วยัง ธรรมะเผยแผ่กระจายสู่ประชาชนได้ถูกต้อง ดีงามแล้วยัง ภานะหน้าที่ที่ต้องทำ กิจของสงค์ท่านทำได้ครบถ้วนแล้วยัง จุดยืนตรงไหนท่านยังไม่ชัดเจน ปล่อยวางตรงไหนไม่ชัดเจน ระหว่างกายกับใจท่านยังไม่กระจ่าง กิจของสงค์ยังไม่ได้ทำ แต่จะยอมตายในเรื่องที่ไม่ได้ บัญญิติอำนาจในรัฐธรรมนูญ เรียกร้องจุดยืน ถูกต้อง ศาสนาพุทธไม่ได้ผูกขาดของใคร ที่ห่มเหลือง หรือไม่ได้ห่มเหลือง ศาสนาพุทธจะเสื่อมลงหรือไม่เสื่อมลง คือการกระทำของผู้ที่ได้ชื่อว่า เป็นตัวแทนของท่านพระพุทธองค์
ไม่มีรูป
ทิดน้อย
เมื่อ อา. 29 เม.ย. 2550 @ 14:58 [242509]
ในพุทธกาลพระพุทธเจ้าไม่เคยทรงเรียกร้องให้บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญในแคว้นใดเลย แต่เนื่องด้วยพระจริยาวัตรและธรรมะที่สามารถช่วยให้พ้นทุกข์ได้ของพระองค์ ชาวประชาจึงพากันปฏิบัติตาม พระองค์ทรงสอนว่าพระพุทธศาสนาจะเสื่อมหรือเจริญอยู่ที่การปฏิบัติธรรมหรือไม่ของพุทธบริษัท ไม่ใช่อยู่ที่บัญญัติหรือไม่  ตราบใดที่มีผู้ปฏิบัติอริยมรรคมีองค์แปดอยู่ ตราบนั้นศาสนาของพระตถาคตก็ยังไม่สิ้นสูญ  สนิมย่อมก่อกำเนิดมาจากเนื้อใน ศาสนาคงอยู่ไม่ได้เพราะข้างในเกิดสนิม  จงหันกลับมาดูตัวเองว่าเราเป็นพระตามหลักของพระศาสดาหรือยัง อย่ามัวแต่เรียกร้องกันแค่เปลือกเลย หันมาดูแก่นแท้กันดีไหม
P
  • กราบนมัสการพระคุณเจ้า
  • เมื่อผมได้เห็นบทความทำนองนี้ กระผมพยายามทำความเข้าใจ แล้วนึกน้อยอกน้อยใจแทนศาสนาหรือผู้เคารพในศาสนาอื่นทุกๆครั้งไป แม้ว่าผมจะนับถือศาสนาพุทธก็ตาม
  • ผมยังจำได้ตอน ม.หนึ่ง ในโรงเรียนจะมีการพานักเรียนใหม่เข้าไปในวัดและเป็นการทำพิธีเพื่อบอกว่าตนเองเป็นพุทธ
  • แล้ววันหนึ่งคุณครูท่านก็บอกว่า สมพร ต้องนับถือในผู้เป็นพระ ส่วนท่านใดที่เป็นคนห่มผ้าเหลือง สมพร ต้องคิดไตร่ตรองเอาเอง ดังนั้นสมพร อย่าสับสนระหว่างคนห่มผ้าเหลืองกับพระ ผมก็ยังจำคำที่ท่านบอกผมอยู่เต็มหูมาจนถึงทุกวันนี้ครับ
  • เรื่องเหล่านี้ผมถึงบอกเสมอและเตือนกับตัวผมเสมอว่าละเอียดอ่อนมาก ให้เก็บเอาไว้ในใจน่าจะดีกว่า ผมไม่เชื่อหรอกครับ ว่าพระพุทธศาสนา หรือศาสนาอื่นๆ จะสิ้นไปจากโลกนี้จริงๆ มันจะคงอยู่ของมันเพียงแต่ว่าจะคงอยู่ในรูปแบบไหนก็เท่านั้น
  • ใครๆก็ทราบกันดีว่า พุทธศาสนาในประเทศไทยนั้นมีคนนับถือเยอะในตอนนี้ แต่ทำไมเราต้องทำให้เพื่อนร่วมโลกในศาสนาอื่นต้องรู้สึกในเรื่องนี้ด้วย ซึ่งอาจจะนำมาสู่ปัญหาได้ ท่านก็บอกว่า ทุกคนต้องการจุดยืนในสังคมใช่ไหมครับ จุดยืนยึดมั่นทางกาย แล้วคนส่วนน้อยหล่ะครับ ท่านจะให้คนอื่นเค้ามองอย่างไรในประเด็นนี้ กระผมคิดว่าการให้เกียรติกันในเรื่องนี้ ในเรื่องความเชื่อ ไม่สามารถจะเอาเสียงส่วนใหญ่ หรือเปอร์เซนต์ส่วนใหญ่มาคิดได้ ต้องให้เกียรติคนส่วนน้อยด้วยครับ แม้ว่าเปอร์เซนต์ส่วนน้อย จะแค่ 1% ก็ตาม แต่ 1% จาก 60ล้านคน ก็เยอะนะครับท่าน
  • ดังนั้นการจะบัญญัติหรือไม่นั้น ควรจะตัดสินใจกันให้ดีๆ คิดให้หนักๆ คิดแล้วก็คิด ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายใดๆ ก็ตามที่เกี่ยวข้องในเรื่องนี้ เป้าหมายน่าจะอยู่ที่องค์ความดีของความเชื่อนั้นๆ มากกว่า
  • กราบขอบพระคุณมากๆครับ ข้าพเจ้าขออภัยด้วยหากทำให้เรื่องที่บันทึกนี้ ไม่เป็นไปในทางที่ท่านปรารถนา แต่นี่คือความคิดของข้าพเจ้าในสิ่งที่มองอยู่ครับ

P
Keen
เมื่อ จ. 18 มิ.ย. 2550 @ 13:36 [296478]

ผมว่าหากท่านอ่านข้อความของคุณสมพรดีๆแล้ว น่าจะทำให้พวกท่านบรรลุได้บ้างนะครับ

ท่านจะเอาศาสนาอื่นไปไว้ที่ไหนล่ะครับ....ควรจะระลึกด้วยว่าคนอื่นๆเขาก็ต้องการจุดยืนครับ

ลองอ่านบทความของท่านดีๆสิครับ ว่าสับสนแค่ไหน ตกลงจะให้ยึดกาย หรือยึดใจ เป็นที่ตั้งดีครับ???

โลภะ โมหะ โทสะ...ล้วนได้ถูกแปลความไว้ในสิ่งที่กระทำมาทั้งนั้นครับ

ม็อบต่างๆที่กระทำอยู่ในปัจจุบัน คิดหรือเปล่าว่าทำให้คนอื่นเดือนร้อน เช่นผู้ใช้รถใช้ถนน คนฟังข่าวที่ทำให้ไม่สบายใจ ไร้ซึ่งความสมานฉันท์

สังคมไทยตอนนี้ไม่ต้องการคนหัวรุนแรงครับ หากยิ่งเรียนสูงแล้วทำให้หัวรุนแรง ก็อย่าเรียนเลยครับ หาความสงบดีกว่าครับ

P
สิทธิรักษ์
เมื่อ จ. 18 มิ.ย. 2550 @ 15:22 [296547]

สวัสดีครับท่านผู้ทรงศีล

แก่นแท้ของศาสนาพุทธ คือแก่นแท้ของความเป็นจริง 

ท่านผู้เป็นตัวแทนของพระพุทธองค์  ควรทำเป็นตัวแทนของพระองค์ผู้ทรงศีล

การปล่อยวางหรือไม่วาง ท่านยังจำแนกได้ไม่ชัด การยึดมั่นทางกายทางใจก็ยังไม่มั่น

ศาสนาพุทธเจริญในโลก เผยแผ่ในโลก ไม่ใช่มีแต่เมืองไทย

ตัวแทนพระองค์ควรเด่นชัดในคำสอน

ถ้าท่านเปรียบถึงขั้น            "ต้องยึดติดสิ เพราะถ้าไม่มีที่ยืนจะไปยืนที่ไหน ถ้าไม่มีที่นั่งจะให้ไปนั่งที่ไหน ถ้าจะไปต่างจังหวัดไม่ยึดติดก็ไม่ต้องขึ้นรถไปต้องเดินไป ถ้าจะไปเมืองนอกก็เดินไปไม่ต้องขึ้นเครื่องบินไป...... “ยึดมั่นทางกาย แต่ไม่ให้ยึดมั่นถือมั่นทางใจ”  "

ท่านควรออกมายืนในที่ที่ควรยืน ไม่ควรยืนในที่ที่ไม่ควรยืน

ถ้าเป็นอย่างท่านต่อไป  คงจะต้องไปตั้งพรรคการเมืองจะได้มีที่ยืนที่มั่นคง 

ถ้าชาวพุทธต่างคนต่างปล่อยวาง  ถือว่าไม่ใช่ธุระ ไม่ใช่หน้าที่  พระก็ปล่อยวาง โยมก็ปล่อยวาง เจ้าหน้าที่ข้าราชการที่เกี่ยวข้องทุกคนก็นิ่งเฉย  ศาสนาพุทธคงเสื่อมลงและหมดลงไปในไม่ช้าเพราะภัยอันตรายจากผู้ไม่หวังดี ตั้งใจบิดเบือนคอยทำลายศาสนาพุทธ เพราะประเทศไทยเราถือได้ว่า เป็นศูนย์กลางความเจริญรุ่งเรืองของพระพุทธศาสนา เป็นแบบอย่างที่ดี ต่อการประพฤติปฏิบัติ ดังนั้นชาวพุทธควรที่จะร่วมรักษาสิ่งที่ดีงามของประเทศและสังคมไทยนี้ที่มีรากฐานมาจากพระพุทธศาสนาให้ดำรงอยู่ตลอดไปตราบนานเท่านาน

ท่านเป็นพระ ในโลกของธรรม ภาระหน้าที่ที่จะต้องเป็นสาวกที่ดี  ความเจริญของพระพุทธศาสนาที่ถูกบิดเบือน ล้วนเป็นพฤติกรรมที่สงค์ทำทั้งนั้น

พุทธพาณิชย์ กลาดเกลื่อน  ใบ้หวย  เจิมป้าย  ผิดศีล  ปั้มพระ  สร้างวัด สร้างความเจริญภายในวัด อย่างไม่มีการจำแนก   ท่านได้ไปชี้จุดยืนให้เขาแล้วยัง  ธรรมะเผยแผ่กระจายสู่ประชาชนได้ถูกต้อง ดีงามแล้วยัง ภานะหน้าที่ที่ต้องทำ กิจของสงค์ท่านทำได้ครบถ้วนแล้วยัง

  • จุดยืนตรงไหนท่านยังไม่ชัดเจน
  • ปล่อยวางตรงไหนไม่ชัดเจน
  • ระหว่างกายกับใจท่านยังไม่กระจ่าง
  • กิจของสงค์ยังไม่ได้ทำ
  • แต่จะยอมตายในเรื่องที่ไม่ได้ บัญญิติอำนาจในรัฐธรรมนูญ เรียกร้องจุดยืน

ถูกต้อง ศาสนาพุทธไม่ได้ผูกขาดของใคร ที่ห่มเหลือง หรือไม่ได้ห่มเหลือง   ศาสนาพุทธจะเสื่อมลงหรือไม่เสื่อมลง คือการกระทำของผู้ที่ได้ชื่อว่า เป็นตัวแทนของท่านพระพุทธองค์ 

  • ให้ต้องเหนื่อยใจด้วยเป็นอย่างยิ่งครับ
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท