คุณจุ๋ม (คุณภาวินี บุตระ) นักวิชาการศึกษาของคณะสหเวชศาสตร์ ถามในที่ประชุมวันรวมพลคนเขียน Blog ของ มน. เมื่อวานนี้ (วันที่ 23 ม.ค. 50) แบบซื่อๆ ทำนองว่า " การแสดงความชื่นชมกัน ตามวิธีของ KM เนี่ยนะคะ เธอพบว่า บางทีก็ทำให้เกิดความน้อยใจกับคนที่ไม่ได้รับคำชมบ้าง หรือเกิดความไม่เห็นด้วยบ้าง ดังนั้น วิธีนี้ หรือ KM นี่จะนับได้ว่าเป็นวิธีที่ดีจริงหรือ??" เล่นเอาหลายคนในที่ประชุมตลึงจังงังกันไปทั่ว
ดิฉันชอบมากค่ะ กับการแสดงความคิดเห็นแบบตรงๆ ของคุณจุ๋ม (ความจริงดิฉันคุ้นเคยแล้ว เพราะโดนบ่อย)
คำถามแบบนี้ ดิฉันก็เคยได้ยินจากปากท่านผู้ใหญ่ท่านหนึ่งด้วยซ้ำ คือ คุณหมออัจฉรา เชาวะวณิช ผู้อำนวยการสถาบันบำราศนราดูร ท่านเคยเล่าเหมือนกันว่า ท่านประสบกับ ผลเสียของการ ชื่นชมผู้ที่ทำดี คือ ความไม่พอใจ ไม่เห็นด้วย หรือความอิจฉา.....
แล้วผู้บริหารจะทำอย่างไรดี ?
ดิฉันก็อยากทราบเหมือนกัน.....
ดูเหมือนหลายท่านก็ติดใจเรื่องนี้ คุณโอ (คุณรัตน์ทวี
อ่อนดีกุล) บันทึกไว้ใน Blog ชื่อเรื่อง รายงาน (เกือบ) สด "เสวนารวมพลคนเขียน blog
ครั้งที่ 1/2550" อาจารย์ beeman ก็บันทึกไว้ใน
Blog ชื่อเรื่อง ของทุกอย่าง
มีทั้งประโยชน์และโทษ
สำหรับดิฉัน
ปัญหามันอยู่ที่ แล้วผู้บริหาร จะ
บริหารการชื่นชมคนทำดีได้อย่างไร ?
ดิฉันพยายามศึกษาหาความรู้ในเรื่องนี้อยู่เหมือนกัน ขอมิตรสหาย ช่วยขยายความให้กระจ่างหน่อยได้ไหมคะ เพราะเอามาจากพระไตรปิฎก อ่านยาก เข้าใจยากจังเลยคะ
076 การตำหนิและการยกยอ
ปัญหา
พระพุทธองค์ทรงแสดงหลักในการตำหนิ หรือให้การยกยอบุคคลอื่นไว้อย่างไรหรือไม่ ?
พุทธดำรัสตอบ
ก็ข้อที่เรากล่าวดังนี้ว่า พึงรู้การยกยอและการตำหนิ ครั้นรู้แล้ว ไม่พึงยกยอ ไม่พึงตำหนิ พึงแสดงแต่ธรรมเท่านั้น นั่นเราอาศัยอะไรกล่าวแล้ว ?
“ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ก็อย่างไร เป็นการยกยอ เป็นการตำหนิ และไม่เป็นการแสดงธรรม ? คือ เมื่อกล่าวว่า ชนเหล่าใด กระทำการประกอบเนือง ๆ ซึ่งโสมนัสของคนที่มีความสุขสืบเนื่องมาแต่กามอันเลว เป็นของชาวบ้าน เป็นของปุถุชน ไม่ใช่ของพระอริยะ ไม่ประกอบด้วยประโยชน์ ชนเหล่านั้นทั้งหมด มีทุกข์ มีความคับใจ มีความแค้นใจ มีความเร่าร้อน เป็นผู้ปฏิบัติผิด ดังนี้ ชื่อว่าตำหนิชนพวกหนึ่ง
“เมื่อกล่าวว่า ชนเหล่าใด ไม่กระทำการประกอบเนือง ๆ ซึ่งโสมนัสของคนที่มีความสุขสืบเนื่องมาแต่กามอันเลว เป็นของชาวบ้าน เป็นของปุถุชน ไม่ใช่ของพระอริยะ ไม่ประกอบด้วยประโยชน์ ชนเหล่านั้นทั้งหมด ไม่มีทุกข์ ไม่มีความคับใจ ไม่มีความแค้นใจ ไม่มีความเร่าร้อน เป็นผู้ปฏิบัติชอบดังนี้ ชื่อว่ายกยอคนพวกหนึ่ง
“ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย อย่างนี้แลเป็นการยกยอ เป็นการตำหนิ และไม่เป็นการแสดงธรรม
“ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ก็อย่างไร ไม่เป็นการยกยอ ไม่เป็นการตำหนิ เป็นการแสดงธรรมแท้ ? คือ ไม่กล่าวอย่างนี้ว่า ชนเหล่าใดกระทำการประกอบเนือง ๆ ซึ่งโสมนัส...... ชนเหล่านั้นทั้งหมดมีทุกข์...... กล่าวอยู่ว่า อันความตามประกอบนี้แล เป็นธรรมมีทุกข์..... ดังนี้ เชื่อว่าแสดงแต่ธรรมเท่านั้น
“ไม่กล่าวอย่างนี้ว่า ชนเหล่าใดไม่กระทำการตามประกอบเนือง ๆ ซึ่งโสมนัส ของคนที่มีความสุขสืบเนื่องมาแต่กาม..... ชนเหล่านั้นทั้งหมด ไม่มีทุกข์ ไม่มีความคับใจ ไม่มีความแค้นใจ ไม่มีความเร่าร้อนใจ เป็นผู้ปฏิบัติชอบ..... อย่างนี้แล ไม่เป็นการยกยอ ไม่เป็นการตำหนิ เป็นการแสดงธรรมแท้.....
อรณวิภังคสูตร อุ. ม. (๖๕๗-๖๕๘)
ตบ. ๑๔ : ๔๒๕-๔๒๗ ตท. ๑๔ : ๓๖๒-๓๖๔
ตอ. MLS. III : ๒๗๙-๒๘๐
- KM ช่วยให้งานได้ผล คนเป็นสุข (ที่เห็นงานสำเร็จ) เห็นจะไม่พอ
- งานที่ว่าได้ผลนั้น ต้องเป็นงานที่มีจุดมุ่งหมายที่ดีงาม ที่เป็นประโยชน์ต่อส่วนรวม ทำให้คนส่วนใหญ่เป็นสุขร่วมกัน ไม่ทำให้คนดีหรือสุจริตชนเดือดร้อน (คนขี้อิจฉานั้น ผมไม่แน่ใจว่าจะจัดอยู่ในกลุ่มคนดีนี้ได้หรือไม่)
- KM ที่ใช้ช่วยให้งานที่มีจุดมุ่งหมายไม่ดีสำเร็จนั้น ไม่ใช่ KM น่าจะเรียกเป็นอย่างอื่น
- ของทุกอย่างมีทั้งคุณและโทษ ขึ้นกับผู้ใช้ และจุดมุ่งหมายในการใช้
- ทำอะไรลงไปย่อมมีทั้งผลทางตรง และทางอ้อม (side effects) เสมอ (action = reaction) การชื่นชมคนทำดีก็เช่นกัน อาจทำให้เกิดการอิจฉากันจนเกิดความแตกแยก และยิ่งถ้าไปชื่นชมคนผิดยิ่งแย่เข้าไปใหญ่
- การจะลดผลข้างเคียงให้เหลือน้อยที่สุดน่าจะเป็นเรื่องของกาละ เทศะ (time and space) ว่าตอนไหนควร ตอนไหนไม่ควร ควรดูด้วยว่าทุกอย่างสุกงอมดีแล้วหรือยัง ก่อนลงมือทำอะไรจึงควรต้องทำ BAR ไงละครับ
เข้ามาเก็บเกี่ยวค่ะอาจารย์
ขอบพระคุณค่ะ
- รวมพลคนเขียน Blog ของ มน. ความจริงไม่น่าพลาดงานนี้เลยจริงๆค่ะ จะจัดอีกไหมคะ อยู่ในช่วงเรียนรู้การเขียนblogค่ะ คิดว่ามีประโยชน์มากเลยค่ะ เป็นเวทีการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ที่ดี
- เรื่องการกล่าวชื่นชม คิดว่าคนทำดีควรได้รับคำชมค่ะ ทำดีทำยากค่ะ ถึงจะชมผิดคนไปบ้างก็ดีกว่าตำหนิผิดคนค่ะ
คนทำดีควรชมเชยในที่สาธารณะ แต่คนทำผิดควรติคนนั้นในที่ลับตา
เห็นด้วยกับอ. เริงวิทย์ บุญโยมครับ ในเรื่องของชมผู้ทำดีต่อหน้าผู้อื่น เพราะจะทำให้เป็นแบบอย่างอยากจะทำตาม และได้รับคำชมอย่างผู้ที่ถูกชม แต่ส่วนผู้ที่ทำผิดควรจะตำหนิในที่ลับตาครับเพราะว่าคนทำผิดพลาดในความจริงแล้วก็ต้องรู้สึกอับอาย หรือรู้สึกไม่ดีอยู่แล้ว และยิ่งถ้าตำหนิต่อหน้าผู้อื่นๆ อีกก็จะทำให้เกิดความเสียหน้า ท้อใจหรือที่ร้ายที่สุดก็จะรู้สึกมีฐิฑิต่อผู้ที่ตำหนิเพราะเป็นเหมือนการประจาน ขอบคุณครับ
ขอขอบคุณอาจารย์มาลินี...
การชื่นชมคนดี...
การพิจารณาศีลมักจะเป็นอุปนิสัยปัจจัย ทำให้พระภิกษุ สามเณรเกิดความแช่มชื่น ปีติ โสมนัส จนบรรลุมรรค ผล นิพพาน...
พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดงไว้ในพระวินัยปิฎกถึงการกล่าวตักเตือนผู้อื่นว่า...
ผู้บริหารควรชื่นชมคนทำดีอย่างไร...
การชมบุคคลใดบุคคลหนึ่งมากเกินอาจทำให้ทีมงานแตกสามัคคีกันได้ เปรียบเหมือนคำกล่าวที่ว่า "ถ้าอยากให้สุนัขกัดกัน... ให้โยนชิ้นเนื้อ(เข้าไป)" ส่วนการชมการทำดีนั้นเป็นสากล เพราะความดีนั้น... ใครๆ ก็ทำได้ (ถ้าตั้งใจทำ)
การชมบุญเก่า หรือผลของบุญในอดีต เช่น ชมคนรูปงาม ชมคนรวย ชมคนมีลาภ ยศ สรรเสริญ สุข ฯลฯ ไม่เป็นปัจจัยให้คนทำดีเท่ากับการชมบุญใหม่ หรือการทำดีในปัจจุบัน
การชมต่อหน้าทำให้แช่มชื่น เปรียบเหมือนให้น้ำมื้อใหญ่กลางทะเลทราย การชมลับหลังทำให้แช่มชื่นยิ่งขึ้นไป เปรียบเหมือนให้โอเอซิส (แอ่งน้ำพร้อมพืชพันธุ์)
คำชมเปรียบเหมือนฝน... ถ้าตกไม่ทั่วฟ้าย่อมไม่ยังแผ่นดินให้ชุ่มฉ่ำ ผู้บริหารควรชมให้ได้ทั้งคนที่รัก คนที่ชัง และคนปานกลาง ไม่ว่าใครก็ควรชมให้ได้... ถ้าทำดี
แม้เราจะชิงชังโจรปล้นแผ่นดินก็ควรชมเขาในส่วนดี เช่น ชมว่า เอาใจใส่ครอบครัวดี ฯลฯ แต่ไม่ควรชมส่วนเลวของเขา
เพลงลูกทุ่งเพลงหนึ่งบอกแฟนเพลงให้... "รักน้อยๆ แต่รักนานๆ"... การชมทีละน้อย บ่อยๆ ดูจะดีกว่าชมทีละมาก หนักๆ
ทว่า... การดื่มน้ำมากเกินก็อาจทำให้เกิดอันตราย ดังปรากฏในนักวิ่งมาราธอนที่ดื่มน้ำมาก ทำให้ความเข้มข้นของเกลือในเลือดต่ำ (hyponatremia) สมองบวมได้
ผู้บริหารควรหัดชมให้เหมือนน้ำฝนหยาดน้อยๆ ด้วยความหวาน "พอประมาณ"...
ผู้บริหารเปรียบเหมือน "ไฟ"... ใกล้นักก็ร้อน ไกลหน่อยก็หนาว
อำนาจนั้นเบา...
ผู้บริหารเจริญเมตตา หรือทำพระคุณให้งอกงามได้โดยการฝึกชมเป็นประจำ...
คนระดับต่ำกว่า หรือระดับเดียวกัน... ชมกันมักจะมีอานุภาพไม่มาก ทว่า... ผู้หลักผู้ใหญ่ชมมักจะมีอานุภาพมาก ทำให้คลื่นของการทำดีแผ่ออกไปอย่างรวดเร็ว
ธรรมดากบ เขียด (คนเลว มักมาก มีอิจฉาริษยาเป็นเจ้าเรือน) ถึงฤดูกาลจักร้อง เราจะทำอะไรกับกบและเขียดได้...
เพราะฉะนั้น...
เรียน อาจารย์มาลินี...
ขอบพระคุณค่ะคุณหมอ ขอเก็บเกี่ยวเลยนะคะ
1. เราถามตัวเราเองดูนะครับ...ที่ชมนั้น...ด้วย "ความจริงใจ...หรือเปล่าครับ"
2. ลองค้นหาดูนะครับ...คนที่สำเร็จและเป็นเรื่อง KM นั้น...ต้องเป็นคนลักษณะแบบไหนครับ"
สิ่งที่ผมค้นพบว่า...คนที่จะทำ KM ให้สำเร็จ..ต้องเป็นคนว่า...คนอื่นน้อยที่สุดครับ...
ฉะนั้น จึงขอเรียนเชิญอาจารย์ สมัครเป็นสมาชิก.."ชมรม...คนดี" ได้เลยครับ