สวัสดีครับ
วันนี้มาชวนกันให้คิดสนุกๆ กันอีกแล้วครับ ท่านๆ คงจำได้เกี่ยวกับภาษิตที่ว่า ไม้หลักปักเลน หรือว่าไม้กะทู้ปักโคลนก็แล้วแต่ครับ
ตามแบบของไม้หลักปักเลน เค้าว่าปักลงไปแล้วมันจะเอนง่าย ล้มง่าย เจอลมก็เอนไปทาง เจอคลื่นก็เอนไปอีกทาง เป้าหมายที่ปลายหลัก ชี้ไปที่ต่างๆ ตลอดเวลาตามปัจจัยภายนอกที่จะกระทำ
หากเรามีไม้หลัก หลายๆ ร้อยๆ ต้น ปักเลนลงไป แล้วค่อยมาดูใหม่ในครั้งถัดไป คงล้มไม่เป็นท่าครับ หากมีปัจจัยภายนอกวิ่งเข้ามาโถมใส่ ในรอบทิศทาง บ้างก็เอาหัวชนกัน บ้างก็เอาตัวไปชนกัน เหมือนว่าต่อสู้กันยังไงยังงั้น
หากมองถึงความยั่งยืน เราจะทำอย่างไรให้ไม้หลักเหล่านั้นเป็นไม้หลักที่ตั้งตรงได้ แล้วอยู่ร่วมกันของสังคมไม้หลักได้ ยกตัวอย่างเช่น อาจจะใช้เชือกผูกทุกๆ หลักโยงเข้าหากัน เช่นปักเป็นวงกลมบ้าง ปักเป็นตารางบ้าง ปักเป็นแบบสะเปะสะปะบ้าง แล้วโยงด้วยเชือกเข้าหากัน ซักเส้นเดียว คือ หนึ่งหลักมีเพียงสองเส้นที่ออกจากหลัก เช่นซ้ายขวา โดยที่เชือกสองเส้นนั้น ไปผูกติดกับเพื่อนบ้านอีกสองต้นเป็นอย่างน้อย
ถามว่าไม้หลักเหล่านั้นจะสามารถยืนบนเลนได้ดีหรือไม่ หากไม่ดีเราจะเพิ่มเชือกเข้าไปอีกอย่างไรในสังคมไม้หลักเหล่านี้ เพิ่มเป็นสามเส้น สี่เส้น ผูกในระดับเดียวกัน ต่างระดับกัน อาจจะศึกษาปัจจัยแวดล้อมที่เข้ามาตามแต่กรณี ที่เข้ามาโจมตีสังคมไม้หลัก
เอ พอสังคมไม้หลักเชื่อมโยงกันแน่นแฟ้นแล้ว แม้ว่าจะปักยืนกันอยู่บนโคลนเลนก็ตาม แต่ก็ยืนด้วยกันได้ หากเป็นโคลนดูดหล่ะ จะทำอย่างไร
เมื่อสังคมไม้หลักเข้มแข็ง จะมีภาระปัญหาอื่นเข้ามาก็รับน้ำหนัก รับปัญหานั้นได้ ไม่มากก็น้อย เพราะไม่ได้อยู่โดดเดี่ยว เดียวดาย (ยืนเอกา = stand alone) ก็สามารถจะแบ่งเบารับน้ำหนักกันได้ แก้ปัญหาร่วมกันได้ คลื่นวิ่งเข้ามาก็ผนึกกำลังต้านทานอยู่ได้
คุณมองสังคมไม้หลักปักเลนเหล่านี้อย่างไรครับ หากคุณจะต่อยอดเพื่อการประยุกต์ใช้กับสังคมคน จะได้หรือไม่ อย่างไรครับ
ยินดีสำหรับทุกความเห็น เพื่อการต่อยอดความคิดที่สวยงามครับ
ขอบคุณมากครับ
สมพร ช่วยอารีย์
สวัสดีค่ะพี่เม้ง