ก่อนจะถึงบทสุดท้าย


การเจ็บป่วยของผม-ผมอยากจะบอกว่ามันสะสมมาจาก "ความเกินไป" ของผม อย่างที่บอกไว้ตั้งแต่ต้นว่า ผมเป็นคนที่ทำอะไร "มากเกินไป" เสมอ ทำอะไรก็จะเกินไว้ก่อน เมื่อเริ่มต้นทำงานผมก็สนุกสนานกับงานและรู้สึกว่างานมีเพิ่มมากขึ้นยิ่งรู้สึกดี แทนที่จะรู้สึกว่ามันมากไปจนเหนื่อย ไม่ค่อยเห็นคุณค่าของการพักผ่อนนอนหลับ การพักผ่อนของผมจึงเป็นการได้ทำอะไรที่แตกต่างออกไปจากเดิม เมื่อทำงานมากๆ ภายใต้ความเครียด อดนอน จึงเป็นการสะสมอาการป่วยที่ผมไม่รู้ว่าคืออะไร...

        ขออนุญาตนำข้อความนี้มากล่าวไว้ ณ ที่นี่  เรื่อง บทสุดท้าย... อภิวัฒน์ วัฒนางกูร "ผมไม่ได้ยินดีที่จะตาย แต่พร้อมจะตาย"

"การเจ็บป่วยของผม-ผมอยากจะบอกว่ามันสะสมมาจาก "ความเกินไป" ของผม อย่างที่บอกไว้ตั้งแต่ต้นว่า ผมเป็นคนที่ทำอะไร "มากเกินไป" เสมอ ทำอะไรก็จะเกินไว้ก่อน เมื่อเริ่มต้นทำงานผมก็สนุกสนานกับงานและรู้สึกว่างานมีเพิ่มมากขึ้นยิ่งรู้สึกดี แทนที่จะรู้สึกว่ามันมากไปจนเหนื่อย ไม่ค่อยเห็นคุณค่าของการพักผ่อนนอนหลับ การพักผ่อนของผมจึงเป็นการได้ทำอะไรที่แตกต่างออกไปจากเดิม เมื่อทำงานมากๆ ภายใต้ความเครียด อดนอน จึงเป็นการสะสมอาการป่วยที่ผมไม่รู้ว่าคืออะไร รู้แต่ว่าเป็นผลข้างเคียงจากการอดนอน"

จากบทสัมภาษณ์สุดท้ายของ "ดร.อภิวัฒน์ วัฒนางกูร"   

          ...หลังจากที่ได้อ่านความคิดเห็นของ "คนไม่มีราก" ก็รู้สึกว่า ความผูกพันของคนเราไม่จำเป็นต้องรู้จักหน้าตา แค่ได้รู้จักพูดคุยผ่านตัวอักษร มิตรภาพก็สามารถเกิดขึ้นได้

          ตั้งแต่เข้ามาเป็นสมาชิกใน Gotoknow นี้ เมื่อวันพุธที่ 26 มีนาคม 2551 เวลา 14:31 น. ก็ใกล้จะ 1 เดือนแล้ว ได้อ่านบทความ เรื่องราว หรือความคิดเห็นต่างๆ ของหลายๆ ท่าน รู้สึกว่าหลายท่านจะมีความคุ้นเคยกันอยู่ ไม่แน่ใจว่า รู้จักกันเป็นส่วนตัวหรือไม่ สำหรับตนเอง จะรู้สึกคุ้นเคยอยู่ไม่กี่ท่าน (ไม่ทราบว่าคุ้นเคยอยู่ข้างเดียวหรือเปล่า) ก็มี อาจารย์ Wasawat Deemarn , คนไม่มีราก , HeadOfArt , a l i n l u x a n a =) , ครูสุ , ธ.วั ช ชั ย , สิทธิรักษ์ ที่มาให้กำลังใจกันบ่อยๆ และ tiya , jumpzz , ภัควัฒน์ ,  *-*( D.i.N.@ )"+"  , อ.อาลัม , Nan & Ball Chongbunwatana, pa_daeng [มณีแดง คนสวย แซ่เฮ]  ที่แวะมาเยี่ยมกันแม้ไม่บ่อยนักแต่ก็รู้สึกเหมือนเป็นผู้ที่เรารู้จัก คิดถึงก็จะไปเยี่ยม Blog ของแต่ละท่าน รวมถึงเพื่อนใหม่ที่พึ่งรู้จัก apple_n_angel , และ ดอกแก้ว (ต้องขอโทษที่ไม่ได้ใส่คำนำหน้าชื่อ เข้าใจว่าเกือบทุกท่าน เป็นอาจารย์)

         ขอตอบ คนไม่มีราก ตรงนี้ว่า ณ ตอนนี้โรคที่อยู่กับตัว อันเป็นที่มาของ เรื่องที่เขียนไว้ มีดังนี้

  • ธัยรอยด์เป็นพิษ

  • ตับอักเสบ (ไม่พบไวรัส)

  • เยื่อบุตาอักเสบ (แดงก่ำ เจ็บ จนไม่อยากลืมตา)

  • คออักเสบ (ตั้งแต่ก่อนมกราคม 51 ยังไม่หายเลย)

  • ปวดกระดูกหลังมาก 

  • ปัญหาข้อเข่า (คุณหมอบางท่านบอกเอ็น บางท่านบอกกระดูก) 

  • น้ำหนักที่เพิ่มขึ้น ประมาณ 5-6 กิโลกรัม ต่อ เดือน ยิ่งเพิ่มปัญหาปวดเข่า การเพิ่มขึ้นของน้ำหนักยังหาสาเหตุไม่พบ  

  • กล้ามเนื้อหน้าท้องอักเสบ จะมีอาการเป็นครั้งคราว

  • เจ็บหัวใจบ้าง บางครั้ง

         คนในครอบครัวและเพื่อนสนิท ก็เป็นห่วง แต่บอกได้เลยว่า ไม่เคยคิดว่าตนเองเจ็บป่วย จึงไม่เคยเครียด หรือท้อถอยใดๆ คิดว่าอยู่ในความดูแลของคุณหมอแล้ว นอนให้หลับ ก็ใช้ได้...แค่รำคาญการเพิ่มของน้ำหนัก ยอมรับว่ากังวลเรื่องน้ำหนักมากที่สุด และจะหงุดหงิดกับอาการเหนื่อย และอ่อนเพลียง่าย เพราะทำให้เสียงาน จะไปไหนก็มีอาการเหนื่อยหอบ กลับถึงบ้านก็หลับชนิดข้ามวัน ตอนนี้ขอแค่ น้ำหนักปกติ ไม่มีอาการเหนื่อยง่าย หรืออ่อนเพลียง่ายแค่นี้ก็พอใจ ... ไม่ต้องเป็นห่วงนะคะ...

        สำหรับ บทสัมภาษณ์ ของ "ดร.อภิวัฒน์ วัฒนางกูร"  ในตอนต้นนั้น ขอพูดเลยว่า เหมือนกัน ในเรื่องของการทำงานจะเป็นอย่างนั้นเลย ไม่นอน ไม่กิน ถ้างานไม่เสร็จ ใช่ว่าตั้งใจไม่กิน ไม่นอนนะคะ ทำงานแล้ว ลืมดูเวลา พองานเสร็จหันไปดูนาฬิกา อ้าว...เช้าแล้วเหรอ ประมาณนั้น ก็ได้เวลาไปทำงานต่อเลย แปลกตรงที่ไม่หิวนะ ไม่ง่วงด้วย บางครั้งที่ง่วงก็จะฝืนทำงานต่อเดี๋ยวก็หายง่วงไปเอง และทำงานต่อจนเสร็จ เหมือนกำลังเพลินกับงาน นอกจากนี้ ใครมีปัญหาอะไรก็โทรมาคุย โทรมาปรึกษาได้ตลอด ไม่จำกัดเวลา... ส่วนเรื่องภาระหน้าที่ ขอละไว้ไม่กล่าวถึงนะคะ

       เหตุที่นึกถึง บทสัมภาษณ์ ของ "ดร.อภิวัฒน์ " ก็เนื่องมาจากคำเตือนของคนรู้จักหลายท่าน และยกตัวอย่างของ ดร. ให้ฟัง ก่อนหน้าที่จะมีอาการของธัยรอยด์เป็นพิษ ซึ่งก็มักจะให้เหตุผลกลับไปว่า เป็นหน้าที่ เป็นความรับผิดชอบ ถ้าทำก็ต้องทำให้ดี ช่วยอะไรใครได้ก็ช่วยกัน สุดท้าย ก็เจอกับตัวเอง เป็นไงล่ะ แทนที่จะทำงานได้ปกติ 10 กว่าปีไม่เคยลาหยุด คราวนี้ลาหยุดมาเกือบ 4 เดือนแล้ว รายรับลด รายจ่ายเพิ่ม ถ้านายจ้างเลิกจ้างคงปวดหัวเพิ่มแน่ นี่แหละ ผลของคำว่า "มากเกินไป"

      ถึงวันนี้ นิสัยการทำงานก็ไม่เปลี่ยน เพียงแต่ฝืนตัวเองไม่ไหวเท่านั้น รู้สึกเหมือนกับประสิทธิภาพการทำงานลดลง บางครั้งก็เหมือนๆ จะคิดได้ ตอนเจ็บ ปวดไม่มีใครเจ็บด้วย ตอนทำงานไม่ได้ หยุดงานเป็นเดือน ก็กลายเป็นคนไร้ความหมาย ยิ่งมีอาการหลงลืม ปัญหาด้านความจำมาเกี่ยวข้อง เป็นอุปสรรคต่องานมาก ใครจะเข้าใจ ทุกคนรับรู้เพียงชื่อโรคที่เป็น แต่ไม่รับรู้ถึงอาการที่เป็น ยังมีอีกหลายคนที่เข้าใจเรื่อง ธัยรอยด์ไม่มากพอ หลายคนพูดว่า เป็นเพราะไม่ยอมผ่าตัดทิ้ง จึงไม่หาย บ้างก็ว่า แค่โรคธัยรอยด์ มีคนเป็นเยอะแยะ ทำไมเธอไม่หายสักที ก็ว่ากันไป ตามแต่จะคิดได้  

      ทุกวันนี้ ถ้ารู้ว่าใครทำงานจนลืมพัก ลืมการนอนหลับ ซึ่งสำคัญมากกว่าการพักผ่อนแบบอื่น ก็อดไม่ได้ที่จะเตือนให้บวกเวลาพักผ่อนในตารางงาน ถือว่าเป็นภาระงานที่ต้องทำอย่างหนึ่ง อย่ารอให้สะสมจนทำร้ายตัวเอง ก็มีหลายคนที่แย้งว่า ไม่เป็นไร ฉันแข็งแรง คนอื่นเขาก็ทำอย่างนี้กันทั้งนั้นไม่เห็นเขาเป็นอะไร แต่ ใครจะรู้ ... ความคิดที่ว่า "ลุยให้เสร็จเลยแล้วค่อยพัก" นั่นเป็นการทำลายสมดุลของร่างกาย ลองเปรียบเทียบกับเครื่องจักร ในแต่ละวันที่เปิดเครื่อง ยังต้องมีเวลาปิดพักเครื่อง หากดันทุรัง ใช้งานข้ามวันข้ามคืน เสร็จงานแล้วค่อยพัก จะเกิดอะไรขึ้น ฟางเส้นสุดท้ายก็ทำให้ลาหลังหักมาแล้ว (เกี่ยวกันมั้ยเนี่ย) จะมีอะไรแน่นอน วันนี้ไม่เกิด ก็ไม่ได้หมายความว่าวันหน้าจะไม่เกิด...

       เชื่อว่าหลายท่านคงเคยได้ยินคำว่า แพ้ภูมิตัวเอง ที่ระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายคิดว่าเซลล์ในร่างกายตนเองคือศัตรู จึงสร้างสารขึ้นมาต่อต้านเซลล์ในร่างกายของตัวเอง จนเกิดผลกระทบต่ออวัยวะต่างๆ ส่งผลให้เจ้าของร่างเจ็บป่วย จนอาจกลายเป็นโรคร้ายแรง ตัวของตัวเองแท้ๆ ยังเข้าใจผิดว่าเป็นศัตรู ...กรรม

       การนอน คือ การพักผ่อนที่ดีสุด  เรียนมาตั้งแต่เด็กๆ แต่พอโตขึ้นกลับทำไม่ได้ มักอ้างภาระหน้าที่ ความรับผิดชอบที่เพิ่มขึ้นตามวัย 24 ชั่วโมงที่มีท่ากันทุกคน แบ่งให้ร่างกายได้หลับ พักผ่อน พร้อมซ่อมแซมตนเองสัก 6-10 ชั่วโมง คงไม่ทำให้เสียงาน ถือเป็นรางวัลชีวิตให้ตนเองในทุกๆวัน ...ชีวิตไม่ใช่งาน งานก็ไม่ใช่ชีวิต...    

      ยังไงก็ ... รักษาสุขภาพนะคะ ใส่ใจตัวเองให้มากสักนิด ไม่ผิดหรอกคะ ขอบคุณทุกท่านสำหรับความห่วงใย... และก็ถือโอกาสนี้เป็นกำลังใจให้กับผู้ป่วยทุกท่านนะคะ ...

                                                                                   u-morisawa
                                                                            

อ้างอิง: สกุณา ประยูรศุข,

http://www.sudipan.net/phpBB2/viewtopic.phpt=11075&start=0&postdays=0&postorder=asc&highlight=&sid=651c32d5ac4bdf91e66c2bd981aab742

หมายเลขบันทึก: 178498เขียนเมื่อ 24 เมษายน 2008 14:37 น. ()แก้ไขเมื่อ 18 มิถุนายน 2012 17:17 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (3)

สวัสดีค่ะคุณ morisawa

หนูเป็นนักศึกษา มอ. ค่ะ....แวะมาให้กำลังใจค่ะ...ขอให้หายป่วยไว ๆ นะค่ะ...พักผ่อนเยอะ ๆ นะค่ะ.....เป็นกำลังใจให้ค่ะ

สวัสดีค่ะ คุณ Morisawa

  • ดีใจค่ะ ที่ตอบคำถามเป็นบันทึกนี้
  • ย้อนอ่านหลายรอบ รวมทั้งบันทึกเก่า ๆ ของคุณ Morisawa ด้วย..ก็เลยพบว่า .. เคยบอกเหมือนกัน..เล็กน้อยถึงความเจ็บป่วย..แต่คนไม่มีรากแย่มาก..ไม่ได้ถามไถ่ต่อเลย..เพราะเห็นบันทึกของคุณ Morisawa ออกมาค่อนข้างสม่ำเสมอ และเข้าไปอ่านเกือบทุกบันทึกด้วย..เพียงแต่อาจจะไม่ได้ให้ข้อคิดเห็นไว้...เสียใจจังที่ทำเช่นนั้น...ดูสิ..ละเลยไปได้ยังไงกันนะ
  • ดูจากอาการต่าง ๆ ที่คุณ Morisawa บอกแล้ว ถ้าไม่นับความรู้ทางพยาบาลที่เคยเป็นมา..คงต้องบอกว่า น่าจะเป็นการเสียสมดุลของชีวิต.. ฟังดูใคร ๆ ก็บอกได้ว่าเป็นเช่นนั้น..จริงไหมคะ
  • ขออนุญาตได้ไหมคะ...คนไม่มีรากสนใจเกี่ยวกับการรักษาสุขภาพด้วยวิธีธรรมชาติและเคยศึกษาค้นคว้าเรื่องเหล่านี้เพื่อไปสอนอยู่บ้าง..ขอแลกเปลี่ยนเรียนรู้นะคะ เพราะคุณ Morisawa ก็ดูจะทราบดีอยู่แล้ว...
  • ปกติร่างกายจะมีกลไกเพื่อที่จะปรับสมดุลให้ร่างกายค่ะ..และมนุษย์ก็ประกอบด้วยหลายสิ่ง ไม่ใช่เพียง ร่างกาย แต่เป็นองค์รวมของ กาย จิต อารมณ์ จิตวิญญาณ และสังคม ดังนี้ ถ้าเสียสมดุลไปอย่างใดอย่างหนึ่งแล้ว องค์ประกอบที่เหลือก็จะต้องทำงานหนัก
  • คุณ Morisawa คงทราบอยู่แล้วว่าเสียสมดุลที่องค์ประกอบไหน ที่บอกว่า ภูมิแพ้ตัวเอง นั่นแหละค่ะ บางครั้งมีคำถามว่า รู้ทั้งหมดแหละว่าเกิดจากอะไร เป็นอะไร แต่จะปฏิบัติตัวและเปลี่ยนพฤติกรรมนั้น อาจเป็นเรื่องยาก นอกจากนี้ยังต้องใช้เวลามาก ๆ ๆ และต้องทนพยายามทำอย่างต่อเนื่องด้วย
  • ไม่ได้เป็นการสอนนะคะ แต่ด้วยความรักและเป็นห่วง...มนุษย์ต้องรักตัวเองให้เป็นก่อนเป็นเบื้องต้น...แล้วจึงจะให้ความรักและเมตตา ก่อประโยชน์ต่อคนอื่นได้นะคะ
  • เอาใจช่วยให้ คุณ Morisawa ค้นพบความรักต่อตัวเองก่อน การรักษาตัวจาก ภูมิแพ้ตัวเอง นั้น ..ไม่ยากค่ะ
  • ขอให้กลับมามีชีวิตอย่างสมดุลเร็ว ๆ นะคะ...

สวัสดีครับ

ได้รู้ถึงคุณของการนอน ก็ตอนไม่สบายนี่ (ตอนนี้) แหละ

เจ็บคอตั้งแต่เมื่อวาน ฝนตก รู้แน่ว่ารุ่งขึ้นต้องเป็นหวัด

วันนี้ได้แต่นั่งๆ นอนๆ

ตอนค่ำฝนตกยังไม่หยุด อากาศเย็นดี

แต่คุ้นกับร้อนมานาน พอเย็นๆ หนาวๆ สลับบ่อยเข้า ทนไม่ไหว

วันนี้นอนนาน จะนอนต่อก็คงหลับไม่ลง

เดินไปเดินมาอยู่แถวนี้ ;)

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท