บทคัดย่อ
จากการศึกษากฎหมายและนโยบายของประเทศไทย ปรากฎว่า...แม้รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยจะได้บัญญัติรับรองและคุ้มครองศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ไว้ในบททั่วไป และบัญญัติรับรองสิทธิในสุขภาพ หลักประกันสุขภาพไว้ในหมวดที่ว่าด้วยสิทธิหน้าที่ของปวงชนชาวไทย แต่พระราชบัญญัติหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ พ.ศ. 2545 ซึ่งตราขึ้นโดยอาศัยอำนาจตาม มาตรา 52 และ มาตรา 82 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2540 ก็ยังไม่อาจใช้บังคับกับบุคคลทุกคนโดยเฉพาะกลุ่มบุคคลไร้รัฐ/ไร้สัญชาติ
ทั้งนี้ แม้แนวนโยบายแห่งรัฐ และแนวนโยบายของกระทรวงสาธารณสุขจะสอดคล้องต้องกันในการจัดบริการสุขภาพอันเป็นบริการสาธารณะให้แก่บุคคลอย่างทั่วถึง และไม่ปรากฎว่าพระราชบัญญัติฉบับอื่นบัญญัติยกเว้นสิทธิในหลักประกันสุขภาพของบุคคลกลุ่มดังกล่าว แต่ คนไร้รัฐ/ไร้สัญชาติที่อาศัยอยู่ในประเทศไทยก็มิอาจเข้าถึงสิทธิในหลักประกันสุขภาพได้อย่างแท้จริง
เนื่องจากมีความพยายามของหน่วยงานรัฐบางหน่วยงานในการตีความบทบัญญัติในรัฐธรรมนูญบางหมวดในความหมายอย่างแคบ กล่าวคือ มีการตีความให้บทบัญญัติในรัฐธรรมนูญฯ พ.ศ. 2540 หมวดที่ว่าด้วยสิทธิหน้าที่ของปวงชนชาวไทย เป็นเรื่องของคนสัญชาติไทย เท่านั้น อันนำไปสู่การตีความว่าผู้ทรงสิทธิตามพระราชบัญญัติหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ พ.ศ.2545 มีความหมายครอบคลุมเฉพาะ "ประชาชนชาวไทย" หรือ "คนสัญชาติไทย" เท่านั้น ซึ่งนำไปสู่การกำหนดกฎเกณฑ์และเงื่อนไขในทางปฏิบัติที่ไม่เอื้อต่อการเข้าถึงสิทธิในหลักประกันสุขภาพ เป็นเหตุให้บุคคลไร้รัฐ/ไร้สัญชาติ หรืออีกนัยหนึ่งคือบุคคลที่อาศัยอยู่จริงในประเทศไทยแต่ "ไม่มีสัญชาติไทย" "ไม่มีเลข 13 หลัก" "ไม่มีชื่อในทะเบียนบ้าน" ไม่อาจเข้าถึงสิทธิในหลักประกันสุขภาพได้ และกลายเป็น"บุคคลตกหล่นจากระบบหลักประกันสุขภาพ" โดยมีอุปสรรคสำคัญ คือ ความไม่ชัดเจนของ พระราชบัญญัติหลักประกันสุขภาพ ฯ
ฉะนั้น เมื่อกฎหมายที่มีอยู่ไม่ชัดเจนจนก่อให้เกิดปัญหาการตีความ และทำให้ไม่อาจใช้บังคับได้กับบุคคลทุกคน ดังนั้น หนทางที่จะเยียวยาปัญหานี้ก็คือการทำให้กฎหมายชัดเจนขึ้นไม่ว่าโดยการวางบรรทัดฐานในการตีความ การแก้ไขเพิ่มเติมกฎหมายที่มีอยู่เดิมให้ครอบคลุมถึงกลุ่มคนไร้รัฐ/ไร้สัญชาติ หรือการสร้างกฎหมายและนโยบายใหม่ที่ชัดเจนขึ้นมารับรองและคุ้มครองสิทธิในหลักประกันสุขภาพของคนกลุ่มนี้
กันยายน ๒๕๕๑
ไม่มีความเห็น