- ก่อนอื่นขอแสดงความยินดีที่ได้มีโอกาสฝึกงานที่มติชน ซึ่งเป็นสำนักข่าว และเป็นสำนักพิมพ์ระดับชาติ
- การได้ฝึกงานกับหน่วยงานชั้นนำเช่นนี้เป็นโอกาสทองของชีวิตทีเดียว
วันเสาร์ที่ 31 มีนาคม 2550 ผู้เขียนนำรถไปเปลี่ยนน้ำมันเครื่อง นั่งรออ่านหนังสือพิมพ์ในศูนย์บริการรถ พบคำแนะนำในการฝึกหายใจ คลายเครียดตีพิมพ์ในหนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ ฉบับวันที่ 25 มีนาคม 2550
ท่านอาจารย์รองศาสตราจารย์กนกรัตน์ สุขะตุงคะ แห่งคลินิกคลายเครียด คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาลแนะนำวิธีฝึกหายใจ คลายเครียดไว้อย่างนี้ครับ...
(1). อย่าเพิ่งรังเกียจความเครียด:
ความเครียดในระดับที่พอดีมีส่วนช่วยกระตุ้นให้คนเรากระตือรือร้น กระฉับกระเฉง ไม่เฉื่อยชา
ความเครียดที่น้อยเกินมักจะทำให้คนเราเฉื่อยชา ล้าหลัง และขาดพลังการในการทำงาน
ความเครียดที่มากเกินมักจะทำให้คนเราเคร่งเครียด หงุดหงิด งุ่นง่าน รำคาญ... ดีไม่ดีเลยพาลทำให้ตัวเอง และคนรอบข้างเดือดร้อน
ปัญหาของคนยุคนี้มักจะเป็นผลจากความเครียดที่สูงเกิน ซึ่งการฝึกหายใจ คลายเครียดมีส่วนช่วยลดความเครียดได้
(2). ฝึกหายใจ คลายเครียด:
คนเราควรฝึกหายใจเพื่อคลายเครียด โดยเลียนแบบรูปแบบการหายใจช่วงหลับสนิท โดยการนอนหงาย นำมือข้างหนึ่ง (ซ้ายหรือขวาก็ได้) มาวางไว้ที่ท้องอย่างแผ่วเบาฝึกหายใจโดยใช้กล้ามเนื้อกะบังลมเป็นหลัก ลดการหายใจโดยใช้กล้ามเนื้อหน้าอก โดยถือหลัก "หายใจเข้าท้องพอง – หายใจออกท้องยุบ"
หายใจเข้าช้าๆ ลึกๆ... เมื่อหายใจสุดแล้ว ให้กลั้นลมหายไว้ไว้ 5-10 วินาที จากนั้นให้หายใจออกช้าๆ
ทำซ้ำแบบนี้จนครบ 5 นาที และให้สังเกต จดจำว่า การหายใจแบบนี้ "เบา... สบาย" อย่างไร เพื่อให้เกิดการเรียนรู้ และเปรียบเทียบว่า เวลาเราผ่อนคลายกับเวลาเครียด... เราหายใจต่างกันอย่างไร
ต่อไปเราจะค่อยๆ รับรู้ได้ว่า เวลาเครียดหายใจอย่างไร เวลาผ่อนคลายหายใจอย่างไร หลังจากนั้นให้พยายามหายใจช้าๆ ลึกๆ และใช้หลัก "หายใจเข้าท้องพอง – หายใจออกท้องยุบ" เวลาเครียด... ความเครียดจะค่อยๆ ลดลง
(3). ฝึกเกร็ง-ผ่อนคลาย:
การฝึกคลายเครียดง่ายๆ เริ่มจากการฝึกเกร็งกล้ามเนื้อส่วนใดส่วนหนึ่งทีละส่วน สังเกตลักษณะการเกร็ง จากนั้นให้ผ่อนคลายเต็มที่ และสังเกตลักษณะการผ่อนคลาย
เมื่อฝึกบ่อยๆ และสังเกตจนชำนาญจะเกิดการเรียนรู้ว่า เวลาเราผ่อนคลายกับเวลาเครียดง... กล้ามเนื้อเกร็งต่างกันอย่างไร ผ่อนคลายต่างกันอย่างไร
ต่อไปเราจะค่อยๆ รับรู้ได้ว่า เวลานี้เครียดซึ่งกล้ามเนื้อจะเกร็ง และเวลาผ่อนคลายซึ่งกล้ามเนื้อจะหย่อนความตึงลง หลังจากนั้นให้พยายามผ่อนคลาย (relax) กล้ามเนื้อเวลาเครียด... ความเครียดจะค่อยๆ ลดลง
ท่าที่แนะนำให้ฝึกเกร็งก่อน ผ่อนคลายทีหลัง เพื่อให้เกิดกระบวนการเรียนรู้ระดับความเครียด สังเกตคลื่นแห่งความผ่อนคลายที่กระจายจากแขนไปสู่ปลายมือได้แก่
ท่าฝึกคลายเครียดเหล่านี้... ขอเรียนเสนอให้ท่านผู้อ่านลองทำดู ชอบท่าไหน ให้ฝึกทำท่านั้นบ่อยๆ
ท่านที่นั่งทำงานวันละนานๆ หรือเดินทางไปไหนมาไหนไกลๆ โดยเฉพาะนั่งรถนานๆ เรียนเสนอให้ฝึกทำท่าคลายเครียด 3 ท่าได้แก่
เรียนเสนอให้ท่านผู้อ่านลองทำดู ได้ผลอย่างไร นำมาเล่าสู่กันฟังได้ครับ...
แหล่งที่มา:
ขอขอบคุณ... คุณ Beever และท่านผู้อ่านทุกท่าน
ต่อไป...
ลืมไป...
ขอบพระคุณครับอาจารย์วัลลภ สำหรับวิธีคลายความเครียด หลายๆ แบบ
ผมมีโอกาสให้ผู้มารับบริการบางคน ลอง เฝ้ามองและสังเกตลมหายใจ โดยเฉพาะ ในผู้ที่มีความกังวลใจ
วิธีการทำโดย สังเกตที่บริเวณปลายจมูก โดยไม่ต้องท่อง หรือบริกรรม (วิธีการไม่ท่องคำใดๆ นำวิธีการนี้มาจาก คำแนะนำใน หนังสือของท่านโกเองก้า และจากคำแนะนำของอาจารย์วิชิต ที่เป็นศิษย์ของท่าน)
โดยทำครั้งหนึ่งประมาณห้านาทีก็พอ โดยให้ตอบคำถามง่ายๆ ว่าลมหายใจที่ผ่านรูจมูก แต่ละข้างนั้น ร้อนหรือเย็นต่างกันอย่างไร
เท่าที่ลองสังเกต และสอบถามดู ก็สามารถจะทำกันได้ และสนุกพอควร และผลพลอยได้คือ บางคนสามารถจะลดความทรมาน จากอาการคันได้บ้าง
หมอสุข
ขอขอบพระคุณอาจารย์หมอสุข และท่านผู้อ่านทุกท่าน...
ท่านโคเอนก้า...
คนพม่ากับแขก...
คำแนะนำ...
ช่องจมูก...
ขอขอบพระคุณอาจารย์หมอสุขครับ...
" หายใจเข้าท้องพอง หายใจออกท้องยุบ " เป็นการหายใจด้วยกระบังลม ( Diaphragmatic Breathing หรือ Abdominal Breathing ) นักร้องและนักวิ่งก็ฝึกการหายใจแบบนี้อยู่นะครับ ฝึกแล้วจะร้องเพลงเพราะแถมวิ่งเร็วๆนานๆ ไม่จุกเสียดครับ
การหายใจเข้าช้าๆ ลึกๆ... เมื่อหายใจสุดแล้ว ให้กลั้นลมหายไว้ไว้ 5-10 วินาที จากนั้นให้หายใจออกช้าๆ เหมือนการฝึกหายใจของโยคะ ( แต่ของโยคะให้หายใจออกทางปากช้าๆ ) ทำให้หายเครียดได้ดีครับ
ขอขอบพระคุณอาจารย์คนชอบวิ่ง และท่านผู้อ่านทุกท่าน...
ขอขอบพระคุณครับ...