ท่านทูตพลเดช ท่านอัยการ และเพื่อนๆ G2K ทุกท่านครับ
นี่คือ historical profile บางส่วนของเรื่องราว ปราสาทพระวิหาร ที่กัมพูชาพยายาม เสนอเป็นมรดกโลก ผมขออนุญาตผู้เขียนนำมาขยายในที่นี่ครับ ผู้เขียนคือคุณ eggs เขียนเมื่อกรกฏาคม 2550 ดังนี้
ปราสาทเขาพระวิหาร :
อดีต : คนไทยที่อายุมากกว่า ๕๐ ปีขึ้นไปคงจำเหตุการณ์นี้ได้ดี เพราะขณะนั้นคงมีอายุประมาณ ๑๐ ปีซึ่งถือว่าเป็นช่วงที่มีความจำแม่น ช่วงนั้นผมอยู่ชั้นประถมปีที่ ๔ มันเป็นเหตุการณ์ที่คนไทยทุกคนไม่อาจลืมได้กรณีพิพาทระหว่างไทยกับเขมร เรื่องการอ้างสิทธิครอบครองปราสาทเขาพระวิหาร หรือที่ชาวเขมรเรียกว่า เปรี๊ยะวิเฮียร์ (Prasat Preah Vihear) ที่มีความสูง ๖๕๗ เมตร ตั้งอยู่บริเวณผามออีแดง ต.เสาธงชัย อ.กันทรลักษ จ.ศรีสะเกษ
ก่อนถึงวันที่ศาลโลกจะตัดสินว่าปราสาทเขาพระวิหารจะเป็นของไทยหรือเขมร ทุกคนในโรงเรียน(ทั่วประเทศ) ช่วยกันถือป้ายที่เขียนว่า ”เขาพระวิหารต้องเป็นของไทย” ออกรณรงค์ไปตามตัวเมืองของทุกจังหวัดอย่างทุ่มเทกันสุดหัวใจ เพราะหัวหน้าคณะทนายฝ่ายไทยคือ ม.ร.ว.เสนีย์ ปราโมช ที่ชาวอังกฤษและยุโรปรู้จักกันดี ส่วนหัวหน้าคณะทนายของเขมรเป็นทนายคนหนึ่งที่ไม่โด่งดังและไม่มีชื่อเสียง (A Cambodian Lawyer) ดังนั้น คนไทยทุกคนจึงมั่นใจว่า เราจะได้ครอบครองปราสาทเขาพระวิหาร อย่างแน่นอน
๑๕ มิถุนายน ๒๕๐๕ เป็นวันที่คนไทยทั้งประเทศโศกเศร้าที่สุด และคนไทยทุกคนจะไม่มีวันลืมวันนี้เป็นอันขาด เพราะเป็นวันที่ศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ (International Court of Justice) กรุงเฮก ประเทศเนเธอร์แลนด์ตัดสินว่า “เขาพระวิหารอยู่ในดินแดนของเขมรและให้เขมรเป็นผู้ดูแล” แต่ศาลไม่ได้มีคำตัดสินให้พื้นที่โดยรอบปราสาทพระวิหารเป็นดินแดนของประเทศใด ผมจำได้ว่า วันนั้นผมกับเพื่อน ๆ น้ำตาคลอเบ้ากันทั้งโรงเรียน และเฝ้าถกเถียงกันตามประสาเด็ก ๆ ว่า เราแพ้ได้อย่างไร? ศาลโลกไม่ยุติธรรม!!! จากนั้น ไทยก็ยอมรับอธิปไตยของกัมพูชาเหนือปราสาทเขาพระวิหารตลอดมา
ปัจจุบัน : “กัมพูชาขึ้นทะเบียนปราสาทเขาพระวิหารเป็นมรดกโลก”
ในการประชุมครั้งที่ ๓๑ ของคณะกรรมการมรดกโลก หรือ WHC (World Heritage Committee)ภายใต้อนุสัญญาว่าด้วยการคุ้มครองมรดกโลกทางวัฒนธรรมและธรรมชาติ ที่เมือง Christchurch ประเทศนิวซีแลนด์ระหว่าง ๒๓ มิถุนายน -๒ กรกฎาคม ๒๕๕๐ กัมพูชาได้ยื่นความจำนงขอขึ้นทะเบียนปราสาทเขาพระวิหารให้เป็น “มรดกโลก”
ภูมิหลังที่ไม่นานมากนัก : มีนาคม ๒๕๔๗ ไทยกับกัมพูชาได้ทำความตกลงในหลักการพัฒนาร่วม โดยไทยจะสนับสนุนให้ขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหารเป็นมรดกโลก “ในรูปแบบของการดำเนินการร่วมกัน” เพื่อป้องกันมิให้มีปัญหาเกี่ยวกับการพัฒนาพื้นที่ใกล้เคียงที่เป็นของไทย
มกราคม ๒๕๔๙ กัมพูชาได้ยื่นข้อเสนอ”ฝ่ายเดียว”ขอขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหารเป็นมรดกโลก โดยไม่มีการหารือกับไทยและไม่มีการแจ้งให้ทราบล่วงหน้า กัมพูชาใช้ที่ตั้งแผนผังปราสาทและเขตอนุรักษ์บางส่วนล้ำเข้ามาในเขตไทย ซึ่งหาก WHC เห็นชอบให้ขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหารก็จะทำให้เขตแดนของกัมพูชาได้รับการยอมรับในระดับสากลและจะส่งผลกระทบอย่างร้ายแรงต่ออธิปไตยของไทยในแถบนี้ ฝ่ายไทยพยายามเชิญคณะกรรมการเขตแดนร่วมของกัมพูชามาหารือเพื่อแก้ไขปัญหา แต่ไม่ได้รับการตอบสนองจากฝ่ายกัมพูชา นอกจากนี้ กัมพูชายังกระจายข้อมูลที่ไม่ถูกต้องให้แก่คณะทูตจนทำให้หลายประเทศเกิดความสับสนว่า กัมพูชามีอำนาจอธิปไตยเหนือปราสาทพระวิหารและพื้นที่ใกล้เคียงที่เกี่ยวข้องทั้งหมดแต่เพียงประเทศเดียว
๑๕ มิถุนายน ๒๕๕๐ ฝ่ายไทยได้หารือกับทุกหน่วยงานราชการเพื่อทบทวนการแสดงท่าทีครั้งสุดท้ายก่อนการประชุม WHC ที่จะมีขึ้นใน ๒๓ มิถุนายน ๒๕๕๐ ที่เมือง Christchurch ประเทศนิวซีแลนด์
๑๘ มิถุนายน ๒๕๕๐ ไทยได้ขอให้ WHC เลื่อนการพิจารณากรณีนี้ออกไปก่อนเพื่อให้ไทยได้หารือกับฝ่ายกัมพูชาอีกครั้งหนึ่ง ในขณะที่ฝ่ายกัมพูชาแจ้งว่า สายเกินไปแล้วน้องไทยที่จะหยุดยั้งกระบวนการต่าง ๆ ที่ได้คืบหน้าไปมากแล้ว อีกทั้งยังยืนกรานว่า การจดทะเบียนปราสาทพระวิหารเป็นมรดกโลกจะไม่ส่งผลกระทบเส้นเขตแดนของไทย และขอให้น้องไทยยอมไปก่อนแล้วค่อยมาทำความตกลงในรายละเอียดอื่น ๆ กันทีหลัง ซึ่งเป็นเรื่องที่น้องไทยไม่อาจยอมรับได้เพราะไม่มีอะไรจะมาเป็นหลักประกันว่า กัมพูชาจะหันมาร่วมมือกับน้องไทย
๒๗ มิถุนายน ๒๕๕๐ WHC เห็นชอบให้มีการพิจารณาคำขอขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหารอีกครั้งหนึ่งในการประชุม WHC ครั้งที่ ๓๒ ซึ่งจะจัดให้มีขึ้นที่เมือง Quebec ประเทศแคนาดากลางปี ๒๕๕๑ ในช่วงนี้เองที่ชุมชนชาวไทยในกัมพูชามีความหวาดกลัวว่า ชาวเขมรบางกลุ่มที่ได้รับข้อมูลไม่ถูกต้องอาจแสดงความไม่พอใจอย่างรุนแรงจนถึงกับอาจมีการบุกเผาสถานเอกอัครราชทูตไทย/พนมเปญเหมือนกับเมื่อ ๒๙ มกราคม ๒๕๔๖ หรือไม่ ดังนั้น ทางสถานทูตไทยจึงมีการเตรียมความพร้อมด้านการอพยพคนไทยในกัมพูชาที่มีจำนวนประมาณ ๑๕,๐๐๐ คน หากเกิดกรณีรุนแรงขึ้น แต่จนถึงขณะนี้ ยังไม่มีการต่อต้านคนไทยในขั้นรุนแรง
จะมีการเลือกตั้งทั่วไปในกัมพูชา เดือนกรกฎาคม ๒๕๕๑ แม้ดูห่างไกล อย่างไรก็ตาม ในการรณรงค์หาเสียงเลือกตั้ง หากมีพรรคการเมืองใดฉวยโอกาสหาเสียงด้วยการหยิบยกประเด็นนี้ขึ้นมาโจมตีไทย ก็อาจทำให้เกิดเหตุการณ์เลวร้ายต่อชาวไทยในกัมพูชาได้ เพราะความสัมพันธ์ระหว่างน้องไทยกับกัมพูชามันเปราะบางเหลือเกิน
------------------
แหล่งข้อมูล: http://www.oknation.net/blog/print.php?id=70936
ประวัติศาสตร์สอนเราแล้ว ต่อไปเราจะไม่ผิดพลาดอีกนะป้าแดงนะครับ เจอะกันเด้อครับที่ดอนเมืองปลายสัปดาห์นี้