แนวคิดนี้ผมมีโอกาสเรียนรู้จากการเข้าร่วมอบรมหลักสูตร “การพัฒนาการทำนาแบบยั่งยืน เพื่อการพึ่งพาตนเองของชาวนา” ที่มูลนิธิข้าวขวัญ จังหวัดสุพรรณบุรี เมื่อปลายเดือนที่แล้ว อาจารย์เดชา ศิริภัทร ผู้อำนวยการมูลนิธิข้าวขวัญ ได้ให้แง่คิดที่ชัดเจนมากเกี่ยวกับเป้าหมายของการทำนาข้าว ซึ่งฟังๆดูแล้ว ในความคิดเห็นส่วนตัวของผมลึกๆแล้วคิดว่าคงยากพอสมควร เพราะกระแสทุน กระแสการใช้ชีวิตของชาวนาแตกต่างไปจากเดิมมาก แต่ลึกๆเช่นกันผมก็คิดว่ามันเป็นไปได้เหมือนกันนะ ถ้ามีจุดเริ่มต้นที่ดี ซึ่งทางมูลนิธิข้าวขวัญก็เป็นผู้จุดประกายความหวังนั้นแล้ว
อาจารย์เดชา บอกเทคนิควิธีการทำนาแบบไม่บาป ดังนี้ครับ.....
1.ไม่ใช้สารเคมี ให้ใช้สมุนไพรแทน
2.เลิกฉีดปุ๋ยยาเคมีทันที ถ้าไม่เชื่อปีแรกให้ใช้ปุ๋ยหมักได้จากนั้นหยุดเด็ดขาด
3.เก็บพันธุ์ข้าวและพัฒนาให้ดีกว่าเดิม พร้อมกับผสมขึ้นมาใหม่
4.ไม่ไถ ไม่เผาฟาง ใช้จุลินทรีย์อย่างเดียวพอ
5.ต่อไปกากน้ำตาลไม่ต้องไปซื้อแล้ว เพราะมันมีเคมีปน หันมาใช้ปลายข้าวต้มให้เละเป็นโจ๊ก ก็ใช้แทนได้ เพราะแป้งใช้แทนน้ำตาลได้
ผลดีของการทำอย่างนี้คือ... ต้นทุนต่ำ ประหยัดแรงงาน เหนื่อยน้อย ผลผลิตได้ดี คุณภาพสูง แมลงไม่รบกวน ร่างกายแข็งแรง
อาจารย์เดชา ยังทิ้งคำคมไว้น่าสนใจด้วยว่า....ที่เรา “จน” กันอยู่ทุกวันนี้ เพราะเรามองข้าวเป็นแค่สินค้า เป็นกรรมไม่ดี อย่างนี้ถือว่า “ทำบาป” ไม่ใช่ “ทำบุญ” แล้ว
“...คิดว่ารวยแล้วจะมีความสุขหน่ะเหรอ? ผมเคยรวยมาแล้วถึงรู้ว่ามันไม่จริงนะ...”
สวัสดีครับ พรหมลิขิต
มาขออนุญาติครับ นำข้อความบางตอนไปรวมครับ http://gotoknow.org/blog/mrschuai/102160
พี่สิทธิรักษ์ครับ
ยินดีเป็นอย่างยิ่งครับผม ที่ข้อความบางตอนจากบันทึกนี้จะทำให้ผู้ที่สนใจได้เข้าถึงง่ายขึ้น ผมเองก็ขอขอบคุณนะครับที่กรุณาให้เกียรติ บันทึกได้เป็นส่วนหนึ่งของการรวบรวมบันทึกดีดี
ขอบคุณมากครับผม