วัดนี้มีประวัติความเป็นมาปรากฏในหลักฐานว่า ใน พ.ศ ๒๔๑๖ รัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ ๕ สมเด็จพระวันรัต วัดสุทัศน์เทพวราราม ครั้งยังเป็นพระเทพกวี ( นามเดิมว่าแดง ฉายา สีลวัฑฒโน ) ได้อุทิศที่ดินซึ่งเป็นมรดกจากนายโพ และนางมิโยมบิดามารดาสร้างเป็นพระอารามเรียกชื่อว่า "วัดโพมิ" เพื่ออุทิศส่วนกุศลให้ท่านทั้งสอง และเพื่อเป็นการแสดงความศรัทธาอย่างมุ่งมั่นในพระพุทธศาสนา ในปีต่อมาได้ขอพระราชทานวิสุงคามสีมา เมื่อวันที่ ๑๒ มีนาคม พ.ศ ๒๔๑๗ และพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวได้พระราชทานนามวัดใหม่ว่า "วัดโพธินิมิตร" ชาวบ้านนิยมเรียกกันว่า"วัดโพธิตลาดพูล"
พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวได้เสด็จพระราชดำเนินทางชลมารค
เพื่อถวายผ้าพระกฐินที่วัดโพธินิมิตร ใน พ.ศ ๒๔๓๒
พร้อมกับพระราชทานพระราชทรัพย์
จ้างช่างเขียนชื่อพระอาจารย์แดงจิตรกรฝีมือเอกให้เขียนภาพที่ผนังพระอุโบสถ
ภาพที่เขียนนั้นเกี่ยวกับพระอารามหลวงในกรุงเทพและหัวเมืองที่ผูกพัทธสีมาโดยใช้ธรรมชาติ
เช่น ภูเขา แม่นำเป็นนิมิตรภาพประเพณีต่าง ๆ
และภาพพระเจ้าอโศกมหาราชทรงตอนกิ่งพระศรีมหาโพธิ เป็นต้น
ต่อมาใน พ.ศ ๒๔๓๓
เมื่อพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงรับวัดโพธินิมิตรเป็นพระอารามหลวงแล้ว
สมเด็จพระวันรัต ( แดง สีลวัฑฒโน ) ขณะนั้น เป็นพระธรรมวโรดม
ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญในการผูกขัณฑสีมา และมหาสีมา เนื่องจาก
ได้ศึกษาสืบทอดมาจากพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว
ประกอบกับยังไม่เคยมีวัดในมหานิกายที่มีขัณฑสีมาเต็มพื้นที่มาก่อน
จึงขอพระราชทานพระบรมราชานุญาตผูกมหาสีมาวัดโพธินิมิตร
ซึ่งนับเป็นวัดแรก
และวัดเดียวในคณะสงฆ์มหานิกายที่มีเขตกำหนดสังฆกรรมเป็นมหาสีมา
สิ่งสำคัญภายในวัด
พระอุโบสถ
ขนาดกว้าง ๑๐.๗๐ เมตร ยาว ๑๘.๖๐
เมตรลักษณะสถาปัตยกรรมทรงไทยหลังคามุขลด
ประดับช่อฟ้าใบระกา รอบนอกมีเสารับพาไลห่างจากผนัง ๑ วา
ใบสีมาติดกับตัวพระอุโบสถด้านในตามช่องหน้าต่างเป็นภาพวาดวัดต่างๆ
เช่น วัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม วัดสุทัศนเทพวราราม
และวัดราชนัดดารามเป็นต้น พระประธานในพระอุโบสถ
เป็นพระพุทธรูปหล่อลงรักปิดทอง ปางมารวิชัยขนาดหน้าตักกว้าง
๑ ศอก ๙ นิ้ว สูง ๒ ศอก
๓๖ นิ้ว มีพระสาวกนั่งคุกเข่าประนมหัตถ์ บนฐานชุกชี ๔
ด้าน ๔ องค์
พระมหาเจดีย์ เป็นเจดีย์ทางลังกาฐานสี่เหลี่ยมด้านเท่า ยาวด้านละ ๑๐.๔๐ เมตร สูง ๓๐.๕๐ เมตร มีกำแพงแก้วล้อมรอบยาวด้านละ ๒๒.๖๐ เมตร มีบันไดขึ้นลง ๔ ทิศ ประตูเข้าออก ๔ ด้าน มีเจดีย์เล็กสูง ๓.๕๐ เมตร อยู่ ๔ มุม กำแพง และมีศาลา ๔ ทิศ ตามแนวกำแพงพระมหาเจดีย์สร้างเป็นพระพุทธบูชาและบรรจุอัฐิสมเด็จพระวันรัต (แดง) ผู้สร้างวัด
พลับพลารับเสด็จรัชกาลที่ ๕
เป็นอาคารทรงไทย ขนาดกว้าง ๕ เมตร ยาว ๙
เมตร สร้างใหม่ในปี พ.ศ ๒๕๑๑
แทนของเดิมที่สร้างเป็นพลับพลาเครื่องไม้สำหรับรับเสด็จพระราชดำเนินถวายผ้าพระกฐิน
พ.ศ ๒๔๓๒ ปัจจุบันใช้เป็นห้องสมุด
ชื่อห้องสมุดโพ-มิ ประชาอุทิศ
หอระฆัง ขนาดกว้าง ๔.๕๐ เมตร สูง ๘.๒๕ เมตร ด้านล่างก่ออิฐถือปูน ด้านบน เป็นอาคารไม้ทรงไทย
ศาลาการเปรียญ สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ ถวายเรือนไม้ซึ่งเป็นท้องพระโรงเดิมให้สร้างเป็นศาลา แต่ถูกไฟไหม้หมดในปี พ.ศ ๒๔๕๘ ในปี พ.ศ ๒๔๖๘ จึงสร้างศาลาการเปรียญใหม่เป็นอาคาร ๒ ชั้น ขนาดกว้าง ๑๔ เมตร ยาว ๒๐.๕๐ เมตรชั้นล่างก่ออิฐถือปูน ชั้นบนเป็นไม้หลังคา ๒ ชั้นประดับช่อฟ้าใบระกา
ศาลาอเนกวนิช เป็นศาลาตรีมุขชั้นเดียวทรงไทย ขนาดกว้าง ๘ เมตร ยาว ๑๐ เมตร สร้างเมื่อปี พ.ศ ๒๕๒๐ เป็นที่ประดิษฐานรูปหล่อสมเด็จพระวันรัต (แดง) และพระพุทธกัจจายน์
ศาลาท่าน้ำ เป็นศาลาที่ปลูกต่อเนื่องกับท่าขึ้นลงเรือ ซึ่งตั้งอยู่ริมคลองสำเหร่ อยู่ทางด้านหลังพระอุโบสถ มีหลังคามุงกระเบื้องหน้าบันประดับช่อฟ้า ใบระกาหางหงส์ ทำเป็นอย่างทรงโรงมีขนาด ๒ ห้อง มีหลังคาพาไลโดยรอบ ตอนใต้ของพาไลทั้ง ๒ ข้างยกพื้นปูกระดานให้คนนั่งพักได้ พื้นที่ตรงกลางศาลาเปิดช่องไว้สำหรับคนเดิน
เสมา "เสมา" หรือ "สีมา" คือเขตกำหนดที่ร่วมกระทำสังฆกรรมของสงฆ์ตามพระพุทธบัญญัติกำหนดให้มีขนาดไม่น้อยกว่าเขตหัตถบาสของภิกษุ ๒๑ รูป และให้มีขนาดไม่ใหญ่กว่า ๓ โยชน์ เสมาทำด้วยแผ่นหิน เจียนปลายให้โค้งแหลมจะปักเป็นที่หมายแสดงเขตแดนพัทธสีมาอยู่ ๘ ตำแหน่งด้วยกัน
เสมาที่วัดโพธินิมิตรนี้มี
๒ ชนิด คือ
ชนิดที่
๑ คือ มหาเสมา
ซึ่งวัดโพธินิมิตรเป็นวัดที่เป็นมหานิกายวัดเดียวที่มีมหาเสมา
นอกนั้นเป็นวัดฝ่ายธรรมยุติกนิกาย (
วัดที่มีมหาเสมามีอยู่ ๔ วัดด้วยกัน คือ
วัดราชประดิษฐ์สถิตยสีมาราม วัดราชบพิตรสถิยมหาสีมาราม
วัดบรมนิวาส และวัดโพธินิมิตร )
มหาเสมาทีวัดนี้นั้นบางหลักมีคนไปพ่นสีทองทับ
ชนิดที่ ๒ เป็นเสมาที่อยู่โดยรอบและติดกับผนังพระอุโบสถ ทำด้วยหินอ่อน ปิดทองประดับกระจก มีตราประจำยามอยู่ตรงกลาง ด้านบนทำเป็นรูปคล้ายอุณาโลมมีรัศมี
ภาพศาลาท่าน้ำในปัจจุบันเปรียบเทียบกับภาพวาดจิตกรรมฝาผนังพระอุโบสถ
โดย คนบ้านเดียวกัน
ปรับปรุงและเรียบเรียงจาก
หน้งสือที่ระลึกงานถวายผ้าพระกฐินพระราชทาน
กระทรวงศึกษาธิการ พุทธศักราช ๒๕๔๐
ขออนุญาตนะคะ..ร่วมถวายโคมเทียนเพื่อเป็นพุทธบูชาสำหรับการทำกิจกรรมทางพระพุทธศาสนาแก่วัดต่างๆ เพื่อกุศลส่องสว่างในชีวิตเรา....
ด้วยความปราถนาดีจาก...โคมเทียน เบิกบุญ/https://www.facebook.com/berkboon/?pnref=lhc/Tel:0... / 089-7886922 /ID:TiTong51