น้องออยล์ : บาปบริสุทธิ์ตัวน้อยแห่งแม่อาย...เสียชีวิตแล้ว
เราเพิ่งได้รับข่าวร้ายจาก พี่บุญ พงษ์มา[๑] นักต่อสู้เพื่อสิทธิมนุษยชนของชุมชนแม่อายที่ดูแลกรณีของปัญหาของเด็ก และ เยาวชนในอำเภอแม่อายที่ยังคงได้รับผลกระทบจากการที่พ่อแม่ถูกถอนชื่อออกจากทะเบียนราษฎรว่า “น้องออยล์” หรือ เด็กหญิงสุพัตรา ซอหริ่ง บาปบริสุทธิ์ตัวน้อยแห่งแม่อายได้เสียชีวิตลงแล้ว
ถึงแม้ว่าข่าวเรื่องของคดีแม่อายจะเป็นที่รับทราบของสังคมว่าน่าจะยุติแล้วตามคำพิพากษาของศาลปกครองจังหวัดเชียงใหม่ เมื่อวันที่ ๘ กันยายน พ.ศ. ๒๕๔๘ แต่ความจริงแล้วแม้เวลาผ่านมาเกือบปี ยังคงมีเด็ก และ เยาวชน ซึ่งเป็นลูกของชาวบ้านแม่อายเหล่านั้นยังไม่ได้รับการเพิ่มชื่อเข้าสู่ทะเบียนราษฎร เนื่องจากอำเภอติดปัญหาว่าจะต้องมีพยานบุคคลมารับรองจำนวนมากว่าเด็ก และ เยาวชนเหล่านั้นเป็นบุตรของชาวบ้านในจำนวน ๑,๒๔๓ คนจริง ทั้งที่เด็กจำนวนมากเป็นเด็กที่มีสูติบัตรที่ออกให้โดยอำเภอเองยืนยันและระบุชื่อพ่อและแม่อย่างชัดเจน หรือแม้กระทั่งเด็กบางคนซึ่งเป็นแรกเกิด
ในเด็กจำนวนนี้มี “น้องออยล์” หรือ เด็กหญิงสุพัตรา ซอหริ่ง รวมอยู่ด้วย เนื่องจากน้องออยล์เกิดเมื่อวันที่ ๒๐ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๔๗ ขณะที่แม่ของเธอถูกถอนชื่อออกจากทะเบียนราษฎร[๒] แต่น้องออยล์โชคร้ายที่เกิดมาพร้อมกับโรคประจำตัว มีร่างกายอ่อนแอมากและป่วยเป็นโรคปอดอักเสบเรื้อรัง อีกทั้งครอบครัวของน้องออยล์ก็ยากจนต้องหาเช้ากินค่ำ ได้ค่าจ้างแรงงานวันละไม่กี่บาท วันที่น้องออยล์เข้าโรงพยาบาลก็ต้องมีคนหนึ่งทำงานมากขึ้นหรือถ้าวันไหนไม่มีงานคนในบ้านก็ต้องอดกิน
เมื่อน้องออยล์เกิดมา เธอไม่สามารถรับรักษาพยาบาลในโครงการ ๓๐ บาทฯ ได้เพราะไม่ได้รับการรับรองในสัญชาติไทยจากการที่แม่เธอถูกถอนชื่อออกจากทะเบียนราษฎร และเมื่อจนถึงวันที่ศาลมีคำพิพากษาให้นำชื่อชาวบ้านแม่อายกลับเข้าสู่ทะเบียนราษฎรตามเดิม กรมการปกครองก็ยอมเพียงเฉพาะชาวบ้านแม่อายจำนวน ๑,๒๔๓ คน และปล่อยให้เด็กและเยาวชนจำนวนมากกว่า ๑๐๐ คน ที่เกิดทั้งก่อนและระหว่างการต่อสู้คดี เป็นเด็กที่ไม่มีชื่อในทะเบียนราษฎร ไม่รับรองการมีสัญชาติไทย ซึ่งทำให้เด็กเหล่านั้นไม่สามารถเข้าถึงสิทธิขั้นพื้นฐานต่างๆ ที่ผูกติดอยู่กับการมีสัญชาติไทยได้ เช่น การรักษาพยาบาลในโครงการ ๓๐ บาท การกู้ทุนเพื่อการศึกษา การเดินทางออกนอกพื้นที่ การรับสวัสดิการต่างๆ จากรัฐ ฯลฯ
ครอบครัวของน้องออยล์ลำบากมาก แม่เธอจึงพยายามมาตลอดมากกว่า ๑๐ ครั้งกับอำเภอแม่อายที่จะขอให้เพิ่มชื่อลูกของเธอที่กำลังป่วยเหมือนพร้อมกับจะตายได้ทุกเวลานั้นเข้าไปในทะเบียนราษฎร แต่ความพยายามนั้นไม่เคยสำเร็จ จนกระทั้งเมื่อวันที่ ๑๖ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๔๙ มีการจัดกิจกรรมตลาดนัดสิทธิมนุษยชน[๓] ขึ้นที่อำเภอแม่อาย แม่น้องออยล์อุ้มเธอมาขอความช่วยเหลือกับคณะทำงาน ขณะนั้นน้องออยล์ตัวร้อนจัด เนื้อตัวขาวซีด เล็บมือเล็บเท้าเป็นสีเขียว มีอาการหายใจติดขัดและไอในลำคออย่างรุนแรง รศ.ดร.พันธุ์ทิพย์ กาญจนะจิตรา สายสุนทร[๔] สอบถามค้นหาความชอบธรรมของการปฏิเสธสิทธิดังกล่าวของน้องออยล์ต่อทางอำเภอแม่อาย จนในที่สุดอำเภอแม่อายจึงยอมเพิ่มชื่อของน้องออยล์เข้าสู่ทะเบียนบ้าน
วันนั้นน้องออยล์ถูกส่งตัวไปรักษาต่อที่โรงพยาบาลนครพิงค์ อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ทันที และต้องอยู่ในห้องไอซียูอยู่หลายอาทิตย์ และยังคงต้องให้ออกซิเจนตลอดเวลา นี่คือการรักษาโดยส่วนใหญ่ของโรคที่น้องออยล์เป็นซึ่งทำให้มีค่ารักษาพยาบาลสูงมาก ดีที่โรงพยาบาลนครพิงค์ตีค่ารักษาพยาบาลเป็นหนี้สูญมาตลอด แต่แม่ของเธอก็ยังเป็นหนี้โรงพยาบาลแม่อายอยู่อีกกว่า ๒๐๐,๐๐๐ บาท[๕] และความจนทำให้แม่น้องออยล์เกรงใจโรงพยาบาลมากไม่ค่อยกล้าพาน้องออยล์ไปหาหมอ เพราะไม่เคยมีเงินจ่าย จะพาไปก็ต่อเมื่อน้องออยล์มีอาการแย่มากอย่างวันนั้นที่เราเจอ
หลังจากวันนั้นเราจึงดึงรายชื่อเด็กและเยาวชนทั้งหมดที่เป็นลูกของชาวบ้านแม่อาย ๑,๒๔๓ คน ออกมาและพยายามผลักดัน ประสานงานให้มีการเพิ่มชื่อเด็กเหล่านั้นเข้าสู่ทะเบียนราษฎร[๖] แต่การทำงานก็เป็นไปอย่างล่าช้า เนื่องจากได้รับการอธิบายจากทางอำเภอแม่อาย[๗]ว่าทางกรมการปกครองต้องการที่จะตรวจสอบการได้รับสัญชาติไทยของบิดาหรือมารดาของเด็กและเยาวชนก่อนว่าดำเนินการถูกต้องหรือไม่ก่อนที่จะเพิ่มชื่อให้เด็กๆ เหล่านั้น ดังนั้นข้อสันนิษฐานของหน่วยงานรัฐที่เคยมีต่อชาวบ้านแม่อายทั้ง ๑,๒๔๓ คน จึงยังคงตกเป็นบาปเคราะห์ของเด็กและเยาวชนแม่อายต่อไป ทั้งที่โดยความเป็นจริงแล้วการปฏิเสธไม่เพิ่มชื่อของเด็กและเยาวชนดังกล่าวอันเนื่องมาจากข้ออ้างนี้ไม่สามารถกระทำได้และเป็นการละเมิดสิทธิที่จะมีสัญชาติไทยของเด็กและเยาวชนแม่อาย ตลอดจนทำให้ขาดการเข้าถึงและถูกปฏิเสธสิทธิขั้นพื้นฐานอื่นๆตามมา
เนื่องจากการดำเนินการตรวจสอบการได้สัญชาติของชาวบ้านแม่อายเป็นหน้าที่ของกรมการปกครองที่จะต้องดำเนินการแยกส่วนกันกับการรับรองสิทธิในสัญชาติให้กับเด็กและเยาวชนเหล่านี้ หากไม่เช่นนั้นแล้วก็จะเป็นการกระทำที่ไม่ถูกต้องตามกฎหมาย ลูกของชาวบ้านแม่อายตกเป็นเหยื่อของการเหมารวมและละเมิดสิทธิมนุษยชนซ้ำเก่ารูปแบบเดียวกับคดีแม่อายซึ่งเป็นตำนานของชุมชนและสังคมไทย บาปเคราะห์เหล่านี้เป็นสิ่งที่เด็กไม่ได้กระทำแต่กลับถูกยัดเยียดและได้รับผลร้ายโดยตรง เราจึงเรียกเธอว่า“บาปบริสุทธิ์”[๘] แห่งแม่อาย
หลังจากน้องออยล์จุดชนวนปัญหาให้เราได้เห็นและติดตามให้ความช่วยเหลือกับเด็กแม่อายคนอื่นๆ แล้ว น้องออยล์ก็ยังคงต้องอดทนต่อสู้กับโรคร้ายของเธอ ต้องเข้าๆ ออกๆ โรงพยาบาลอยู่เป็นประจำแต่ก็ยังดีที่ได้รับสิทธิประกันสุขภาพแล้ว และเมื่อวันเสาร์ที่ ๒๒ กรกฎาคม ๒๕๔๙ เวลา ประมาณ ๑๑ โมงเช้า หลังจากที่น้องออยล์ออกจากโรงพยาบาลอีกครั้งมาได้เพียง ๑ อาทิตย์น้องออยล์ก็จากพวกเราไป ซึ่งคุณหมอได้บอกแก่แม่น้องออยล์ก่อนแล้วว่าให้ดูแลใกล้ชิดอย่าทิ้งให้อยู่คนเดียวเพราะหัวใจทำงานไม่ดีเกรงว่าหัวใจอาจจะวายกระทันหัน แม่น้องออยล์เล่าว่าอาการของน้องออยล์ดูดีขึ้นมากกว่าตอนที่โรงพยาบาลเสียอีก แต่แล้วในสายวันนั้นเธอก็กลับค่อยๆ หายใจแผ่วลงและหยุดนิ่งจากไป
เราได้รับข่าวร้ายจากแม่อายนี้ล่าช้า เนื่องจากเราไม่สามารถติดต่อครอบครัวน้องออยล์ได้โดยตรงทางโทรศัพท์ และในวันที่น้องออยล์เสียครอบครัวเธอก็มีเงินติดบ้านเพียง ๔๐ บาท ไม่มีเงินที่จะทำบุญสวดศพให้น้องออยล์ แม่ของน้องออยล์จึงตัดสินใจพาเธอไปเผาศพที่ป่าช้าแทนโดยมีเพื่อนบ้านใจบุญช่วยจ่ายค่าเผาศพเป็นเงิน ๒๕๐บาทให้
แม้วันนี้ น้องออยล์จะจากไปแล้ว แต่เรื่องของเธอน่าจะเป็นบทเรียนที่ดีให้กับการทำงานของกรมการปกครองได้ คนในกรมการปกครองจะรู้หรือไม่ว่าน้องออยล์และชุมชนแม่อายได้รับความเจ็บปวดเดือดร้อนเพียงใด เราเชื่อว่าหากน้องออยล์ได้รับการรักษาพยาบาลดูแลที่ดีและใกล้ชิดกว่านี้ตั้งแต่ก่อนคลอดจนถึงแรกเกิด โรคของน้องออยล์อาจสามารถป้องกันได้และไม่รุนแรงเท่าวันนี้ เราคงพูดได้ว่าครอบครัวซอหริ่งต้องมาเสียสมาชิกตัวน้อยของบ้านไปอย่างรวดเร็วเพราะผลกระทบจากการไม่ยอมรับสิทธิในสัญชาติไทยของน้องออยล์ที่มีมาตั้งแต่เกิด
“บาปบริสุทธิ์” ที่น้องออยล์ได้รับยังคงมีอยู่ในเด็ก และเยาวชนอื่นๆ ของแม่อาย ตราบใดที่อำเภอแม่อายยังไม่เพิ่มชื่อเด็กทุกคนที่เหลือเข้าไปในทะเบียนราษฎร เราคงต้องมาช่วยกันผลักดันไม่ให้เรื่องอย่างน้องออยล์ต้องเกิดขึ้นอีก
...จะมีใครมั้ยมาช่วยกันล้างบาปบริสุทธิ์ของเด็กเหล่านี้...อย่าให้พวกเขาต้องรับทนกับบาปที่พวกเขาที่ไม่ได้ก่อเช่นนั้นอีกต่อไปเลย..
เรียนอาจารย์แหว หดหุ่ใจจริงๆ ค่ะ เป็นไปได้ไหม๊คะจับเจ้าหน้าที่มาอบรมหลกมนุษยธรรมกบการอำนายความสะดวกให้บริการกับคนอาศัยในชาติ พวกเจ้าหน้าที่ชอบทำตัวเป็นศรีธนญชัยซื่อบื้อ ทั้งที่เหตุและผลน่าจะเป็นตรรกะ
เพื่อนผมมีปัญหาเรื่องสัญชาติ อยากได้รับคำปรึกษาจากผู้เชี่ยวชาญครับ อยู่เชียงใหม่ ไม่ทราบจะไปปรึกษาใครได้บ้างครับ
คือ พ่อแม่ของเพื่อน มาจากจีน แล้วซื้อบัตรประชาชนคนอื่นมาสวมแทน แล้วก็คลอด เพื่อนผม กับน้องออกมา มีใบเกิด เพื่อนผมก็ใช้ชีวิตเหมือนคนไทยทั่วไป ไปทำบัตรประชาชน เข้าโรงเรียน จนจบ ป. ตรี แล้วตอนนี้แม่ถูกเพิกถอนสัญชาติเพื่อนผมก็เลยโดนถอนสัญชาติด้วย แล้วก็มีหมายจับ หมายเรียกต้ว จากตำรวจ ส่งมาที่บ้าน เพื่อนผมจะร้องขอสัญชาติได้ไหมครับ เพราะ เกิดในแผ่นดินไทย ผมไม่รู้จะช่วยเหลือเพื่อนยังไง ดี รบกวนช่วยแนะนำให้ด้วยครับ
เพราะเพื่อนกำลังเปิดบริษัททำธุรกิจส่งออก แต่ไม่กล้าลงมือทำอะไรมากกลัว เรื่องสัญชาตินี่แหละครับ
ขอให้ติดต่อมาที่ชลนะคะ
089-437-6770