beeman 吴联乐
นาย สมลักษณ์ (ลักษณวงศ์) วงศ์สมาโนดน์

สิ่งที่ได้เรียนรู้เนื่องในงาน "KM เพื่อองค์กรอัจฉริยะ" <๑>


เธอบอกว่าในระบบ ชื่อของผมมีการจองเข้ามา แต่ยกเลิกไปแล้ว

      วันที่ ๕ มิถุนายน ๒๕๕๐ นับได้ว่าเป็นวันสำคัญวันหนึ่ง สำหรับผมเลยทีเดียว เพราะว่าเป็นวันครบรอบ ๑ ปี  ที่ผมได้เดินทางไปจุดประกายเรื่อง KM และ บล็อก ให้กับมมส. โดยมีท่านวิชิต ชาวะหา เป็นผู้ประสานงานหลัก และคุณวิชิตได้พยายามเขียนเรื่องนี้ไว้แล้วในบล็อกของคุณวิชิต แต่เผอิญว่าระบบ (เครื่องของคุณวิชิตเอง) ไม่ยอม save ไว้จึงต้องเขียนใหม่

       ย้อนกลับมา มีสิ่งที่ผมได้เรียนรู้ อันเนื่องมาจากการจัดงาน "KM เพื่อองค์กรอัจฉริยะ" ซึ่งจัดโดยสคส. มากมาย (ติดตาม Link ของผมที่นี่ click)

  1. ก่อนงาน
  • ผมทราบมาว่า หากลงทะเบียนล่วงหน้าก่อนวันที่ ๑๕ พฤษภาคม จะได้ลดพิเศษจากราคาพันห้า จากราคาเต็ม ๒ พันบาท และถ้าลงเป็นทีมสามคนขึ้นไป จะได้ราคา ๑,๒๐๐ บาท แต่ในความเป็นจริงเราสมัครไปทันกำหนดแต่จ่ายเงินช้า เราจึงเสีย Rate ๑,๘๐๐ บาท เท่ากับจ่ายเพิ่มสามคนอีก ๑,๘๐๐ บาท นี่เป็นการเรียนรู้จากข้อผิดพลาด
  • ผมทราบว่า เป้าหมายการจัดงานครั้งนี้ ความจริง Focus ไม่ใช่งานนี้ แต่ Focus อยู่ที่ การแถลงข่าวเปิดตัวบริการที่เรียกว่า "Intelligent Organization Coaching Service" หรือเรียกย่อๆ ว่า IOCS นี่เป็นการเรียนรู้เรื่องการจัดงานเรื่องวัตถุประสงค์หลัก วัตถุประสงค์รอง (ยิงปืนนัดเดียวให้ได้นกมากกว่า ๑ ตัว)
  • ก่อนขึ้นเครื่อง ไม่มีใครไปส่งผม ผมจึงต้องขับรถไปจอดไว้ที่สนามบินพิษณุโลก.. งงกับระบบจราจรที่เปลี่ยนแปลงไป.. ผมต้องไปรับตั๋วอิเลคทรอนิกส์ที่ counter การบินไทย ต้องรอคิว ๒ ช่องอยู่นาน ทั้งๆ ที่มีคนรออยู่แค่ ๓ คน เพราะระบบออกตั๋ว Online เกิดปัญหา ต้องออกด้วยมือ (ขณะนั้นได้พบ รศ.วัฒนพงษ์ รักวิเชียร กำลังจะเดินทางไปประชุมที่กรุงเทพ แล้วเดินทางต่อไปประชุมที่เยอรมัน) นี่เป็นการเรียนรู้เรื่องระบบสำรอง
  • หลังจากรอมานานก็ถึงคิวของผมแล้ว ยื่นบัตรประจำตัวไปให้พนักงานออกตั๋ว เธอบอกว่าในระบบ ชื่อของผมมีการจองเข้ามา แต่ยกเลิกไปแล้ว ถ้าให้ออกตั๋วใหม่จะได้ราคาพิเศษ ไปกลับในวันเดียวไม่มีการเปลี่ยนตั๋ว (ราคาลดลงมาประมาณ ๕๐๐ บาท ประหยัดเงิน..ได้จมเลย) ผมชักลังเล โทรศัพท์ติดต่อคนที่เกี่ยวข้องก็ไม่ได้ ระหว่างนั้นพนักงานบอกว่ามี บัตร (Royal Orchid plus) สะสมไมล์ไหม.. ผมก็ยื่นให้ไป พอเธอ Code รหัสเข้าไปเท่านั้น ก็พบว่าตั๋วของผมมีการจองไว้แล้ว แต่ที่ระบบหาไม่พบก็เพราะ นามสกุลของผม ในระบบมี ๒ ตัวอักษรที่สับสนกันระหว่าง "V" กับ "W" ครับ.. นี่เป็นการเรียนรู้ว่าบัตร Royal Orchid plus ให้ประโยชน์มากกว่าที่คิด
  • ระหว่างทางที่จะขึ้นไปชั้น ๒ ได้พบอาจารย์หนึ่งโดยไม่คาดฝัน เพราะนึกว่าอ.หนึ่ง จะเดินทางไปเป็นวิทยากรที่เชียงรายวันนี้ แต่โปรแกรมเป็นพรุ่งนี้.. (คือเย็นนี้จะบินไปเชียงรายตอน หกโมงเย็นโดยประมาณ) ผมจึงได้มีโอกาส ซักซ้อมเรื่องของ การออกแบบกระบวนการกับอ.หนึ่ง เข้าใจว่า เราสองคนจะเป็น คุณอำนวนระดับ ๓ ด้วยกัน (มี ๗ ระดับ) จึงสามารถ Share ไอเดีย ร่วมกันได้ โดยเป็นการเรียนรู้สองทาง... นี่เป็นการเรียนรู้ว่า เราสามารถเรียนรู้ได้ทุกเวลาและทุกสถานที่
  • หลังจากขึ้นเครื่องที่พิษณุโลก (ออก ๗.๔๐ น.) มาถึงสนามบินดอนเมือง (ถึง ๘.๒๕ น.) เราพบว่าจะต้องบริหารเวลาให้ทันไปฟังอาจารย์หมอวิจารณ์ เรามองหาเพื่อนร่วมทางได้ครบ ๓ ท่าน แล้ว ก็ขึ้นไปชั้นสอง จับแท๊กซี่ ไปโรงแรมจัดงาน แต่ระหว่างทางใกล้ๆ นั้น รถติดมาก และไปถึงงาน ยังต้องขึ้นบรรไดเลื่อนไปชั้นสี่ และต้องไปลงทะเบียนพร้อมทั้งหาที่นั่งอีก ทำให้เรา Late ไปเกือบ ๑๐ นาที.. นี่เป็นการเรียนรู้เรื่องการบริหารเวลา
  • อยากรู้เรื่องราวว่าจะเป็นอย่างไรต่อไป โปรดอ่านตอน ๒ นะครับ (ก่อนไปตอน ๒ มีบันทึกเพิ่มเติม)
  • หลังงาน (ที่สนามบินดอนเมืองก่อนเดินทางกลับ)
    • พอเลิกงาน เราก็รวมตัวกันอย่างรวดเร็ว มี ท่านอาจารย์วิบูลย์ ท่านอาจารย์เพ็ญศิริ ท่านอาจารย์หนึ่ง และผม มาจับแท๊กซี่ ไปสนามบินดอนเมือง ที่ต้องรีบหน่อยเพราะอาจารย์หนึ่งต้องเดินทางไปดอนเมืองตอน 6 โมงกว่าๆ เรามาถึงสนามบินประมาณ 5 โมงเท่านั้น แต่เครื่องจะออกประมาณ 2 ทุ่ม 40 นาที เราจึงพอมีเวลาสำหรับ 3 คน พอลปรร.กัน ท่านอาจารย์เพ็ญศิริ ใช้บัตรทองของ Royal Orchid Plus พาผมเข้าไปในห้องรับรอง (หนึ่งบัตรทอง พาบัตรเงินเข้าไปได้ 1 ท่าน โดยจะต้องแสดงบัตรโดยสารให้พนักงานตรวจก่อน) ภายในมีห้องสุขา และทางเดินเข้าไปรอขึ้นเครื่องแยกจากคนอื่น.. นี่เป็นการเรียนรู้ประโยชน์ของการมีบัตรสะสมไมล์เพิ่มเติม
    • ที่ห้อง VIP ยังมีอาหารและเครื่องดื่มพร้อม แต่ทว่ากล้องที่ผมติดตัวไปไม่มีแหล่งพลังงานสำรองหลงเหลืออยู่จึงไม่ได้นำภาพมาฝากท่าน.. ผมดื่มน้ำส้ม, น้ำมะเขือเทศ, โอวัลติน และของว่างมี Vegetarian pie, แยมโรล, เค้กกล้วยหอม, กล้วยตาก และ ฯลฯ เป็นการทดลองภาคปฏิบัติว่าอาหารของครัวการบินไทยจะเป็นอย่างไรบ้าง.. พบว่าในบรรดาอาหารและเครื่องดื่ม ผมชอบ Vegetarian pie มากที่สุดเลยครับ เสียดายว่าทานไปได้เพียงชิ้นเดียว The Stomach is Full แล้วครับ... นี่เป็นการเรียนรู้ประโยชน์ของการมีบัตรสะสมไมล์เพิ่มเติมครับ
    • ยังมีความรุ้แฝงอีกครับ แต่เนื่องจากมันเป็น negative และอาจไม่ก่อให้เกิดประโยชน์จึงไม่นำมาเปิดเผย ณ ที่นี้
    • สิ่งที่ไม่คาดคิดคือ ระหว่างนั่งรอ เราได้พบท่านอาจารย์ JJ จากขอนแก่นด้วย ได้สนทนากันกว่าครึ่งชั่วโมงครับ ระหว่างรอเครื่องกลับขอนแก่น ที่แปลกใจคือท่านไม่ได้แตะต้องอาหารและเครื่องดื่มที่ห้อง VIP เลย ด้วยเหตุผลว่า.... (เหมือนที่ผมไม่ทาน pie ชิ้นที่สอง)

    ๕ มิถุนายน ๒๕๕๐

    beeman by Apinya
    หมายเลขบันทึก: 101074เขียนเมื่อ 6 มิถุนายน 2007 06:36 น. ()แก้ไขเมื่อ 6 กันยายน 2013 18:03 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


    ความเห็น (8)

    รอ อ่านต่อ ค่ะ

     อยากทราบ ชื่อจริง อ หนึ่งที่ไปเชียงราย

    อาจารย์มาสอน KM หรือเปล่าคะ

    สวัสดีตอนเช้าค่ะอาจารย์

    • หุหุ  (หัวเราะในลำคอ)  วานนี้แอ๊ดได้เรียนร้เรื่องการบริหารเวลาเหมือนกันค่ะ
    • ตอนนี้แวะเข้ามาทำความเคารพอาจารย์ก่อนค่ะ
    • แล้วจะมา  ลปรร.  ว่าวานนี้ได้อะไรบ้าง
    • แต่เช้านี้...ได้  ลปรร.  กับเพื่อนๆพนักงานกว่า  300  ชีวิต  ไปแล้วว่า  "ในแต่ละวันนั้น  ช่วงไหนที่สำคัญที่สุดในชีวิตเรา"  แน่นอนค่ะ  แต่ละคนย่อมได้คำตอบที่ไม่เหมือนกัน....พรุ่งนี้จะ  ลปรร.  กับเพื่อนๆต่อ  อย่างแนบเนียน  ในการเป็นองค์อัจฉริยะค่ะ
    • แค่นี้ก่อนนะคะ..ประเดี๋ยวจะเลี้ยวเข้ามาใหม่ค่ะ

    ด้วยความเคารพ

    • แวะเข้ามาเก็บประสบการณ์การเรียนรู้ของอาจารย์ beeman ค่ะ
    • รออ่านตอนสองอยู่นะค่ะ

    เรียนท่าน พญ รวิวรรณ หาญสุทธิเวชกุล

    • อ.หนึ่ง ชื่อจริงว่า รุจโรจน์ แก้วอุไรครับ
    • ไปทำ KM workshop ที่มรภ.เชียงรายครับ (ถ้าผิดชื่อสถาบันต้องขออภัยด้วย)
    • ไปเป็นทีมประมาณ 4 ท่านครับ

    ขอบคุณท่านน่านฟ้าทะเลลม ครับ

    • ที่เข้ามาลปรร.
    • น่าสนใจมากที่นำความรู้ไปลปรร. กับเพื่อนร่วมงานตั้ง 300 ชีวิต
    • เอกชน ทำงานได้รวดเร็วดีครับ
    • ผมมาลปรร. กับ นิสิตแค่ 20 กว่าคนเองครับ
    • ตอนเลี้ยวเข้ามาใหม่ มา Share กระบวนการหรือ Process ด้วยนะครับ
    • ขอบคุณล่วงหน้าครับ
    • ไม่แน่ใจว่าน้องมะปรางเปรี้ยวอยู่ในงานด้วยหรือเปล่า
    • แต่เดี๋ยวมาแก้ไขบันทึกนี้เพิ่มเติมครับ
    • และขอขอบคุณที่แวะมาทักทายกันบ้าง

    กราบเรียนอาจารย์ที่เคารพ

    ก็ได้เลี้ยวเข้ามาใหม่อีกครั้งค่ะ

    ขออนุญาต  Share  กระบวนการ  ลปรร.  กับเพื่อนๆ  พนักงานด้วยกันให้อาจารย์ได้ทราบก่อนเลยก็แล้วกันนะคะ

    • เกริ่นนำ....สืบเนื่องมาจากว่า  ที่บริษัท  มีวัฒนธรรมขององค์กรคือ  พนักงานทุกท่านจะมีการรวมตัวกันตอนเช้าก่อนที่จะแยกย้ายกันเข้าสู่หน้าที่ในหน่วยงานของแต่ละหน่วยงาน  ซึ่งในการรวมตัวกันนี้มีประโยชน์เป็นอย่างยิ่ง  อาทิเช่น  ได้ทักทายสวัสดีซึ่งกันและกัน  ซึ่งในการทักทายนี้ก็จะมีวิธีในการทักทายโดยไม่มีการเคอะเขินค่ะ  จะไม่อธิบายในที่นี้นะคะ   เนื่องจากว่าอาจจะทำให้ยืดเยื้อต่อการบรรยาย......  พนักงานทุกคนได้ทบทวนเป้าหมาย  นโยบายต่างๆ  ได้รับทราบข่าวสารใหม่ๆ  ได้ออกกำลังกาย  ได้แสดงความยินดีกับเพื่อนที่มีวันคล้ายวันเกิดในวันนั้นๆ  ได้รับมอบของขวัญวันคล้ายวันเกิดที่บริษัท  จัดไว้ให้   และดำเนินการมอบโดยหัวหน้างาน  ที่สำคัญ  คือ  การที่พนักงานแต่ละท่านได้ฝึกการพูด  การกล้าแสดงออกถึงสภาวะการเป็นผู้นำต่อหน้าสาธารณะชนผู้คนมากมาย  300  กว่าชีวิต  ซึ่งในจำนวนผู้คนสามร้อยกว่าท่านนั้น  มีทั้งผู้สูงอายุ  มีวัยรุ่น  มีผู้ชาย  มีผู้หญิง  (เพศที่ 3 ก็มีบ้างค่ะ)  การศึกษามีตั้งแต่ประถม   ไปจนถึงปริญญาตรี  จากหลากหลายมหาวิทยาลัย  ผู้ที่เป็นวิศวกรก็หลายท่าน  แต่ทุกท่านก็จะต้องปฏิบัติในสิ่งเดียวกัน  คือ  ได้ฝึก  ได้รับ  ได้กระทำ  ฯลฯ  นั่นจึงเป็นที่มาของการที่ทำให้แอ๊ดได้  ลปรร.  ค่ะ
    • สำหรับวิธีการที่  ลปรร.  เมื่อวานนี้นั้น  ก็สืบเนื่องจากเมื่อวานนี้มีวันคล้ายวันเกิดของพนักงานในสายการผลิต  ค่ะ  ก็เลยได้เริ่มจากผู้ที่มีวันคล้ายวันเกิด  แล้วก็ฝากโจทย์ให้กับเพื่อนๆทุกท่าน  ได้ไป  ลปรร.  ระหว่างกัน  เพื่อนนำมา  ลปรร.  กันต่อในวันนี้ค่ะ
    • และวันนี้ก็มีการ  ลปรร.  กันต่อ  แต่ยังไม่ได้เฉลยนะคะ  ว่า  ช่วงเวลาไหนที่สำคัญที่สุด  เพราะว่าจะมีต่อค่ะ....
    • ในการ  ลปรร.  โดยภาพรวมจากการที่ได้เรียนให้อาจารย์ทราบข้างต้นนั้น เรียกว่าเป็นการเริ่มรดน้ำ  พรวนดิน  ต้นอัจฉริยะ  ในองค์กรไว้ก่อน  ให้ต้นอัจฉริยะเริ่มคุ้นเคยกับการเอาเมล็ดอัจฉริยะออกมาโชว์  (ฝึกการคิด)  แอ๊ดคิดว่าอย่างนั้นนะคะ  อาจารย์มีข้อชี้แนะอย่างไร  ก็โปรดช่วยแนะนำด้วยนะคะ...เพื่ออุตสาหกรรมไทยได้ก้าวล้ำนำไปในอุตสาหกรรมโลก......(คิดไกลไปหรือเปล่าหนอนี่)
    • สำหรับการที่จะนำเอาเมล็ดพันธ์อัจริยะของแต่ละท่านออกมาผลักดันสนับสนุนขับเคลื่อนองค์กรให้เป็นอัจฉริยะโดยวิธีการอื่นๆ  เช่น  การแยกย่อยลงไปในแต่ละแผนก นั้น  ก็จะมีการดำเนินการต่อไปค่ะ  เพราะจากการที่ได้ไปร่วมงานสัมมนาเมื่อวันที่  5  มิ.ย.  ที่ผ่านมานั้น  ได้แนวคิดในการดำเนินการมาเป็นฉากๆเลยค่ะ  ตอนนี้ก็เหลือแต่ลงมือทำเท่านั้นเองค่ะ....คณะผู้บริหารท่านก็สนับสนุนด้วยดีค่ะ
     ด้วยความเคารพ 

    เรียน คุณแอ๊ดครับ (ขอเปลี่ยนสรรพนามให้ใกล้ชิดกันยิ่งขึ้น)

    • ยอดเยี่ยมเลยครับ องค์กรของคุณแอ๊ด
    • เริ่มจากวัฒนธรรม ที่มีการลปรร. กันทุกเช้า (เริ่มจากมิตรภาพ) และมีการสื่อสารกันด้วยข้อมูลที่ Update ที่สุด
    • ที่สำคัญมีการมอบของขวัญให้วันเกิด (เดือนเกิด) ตรงนี้เป็นวัฒนธรรมที่ดีมากๆ
    • ช่วงเช้านี้บรรยากาศเป็นกันเอง อยู่กันเหมือนพี่น้อง เป็นการทำ KM ที่เนียนอยู่ในเนื้องาน ในบรรยากาศสบายๆ ตอนเช้า แบบไม่เคอะเขินเลย
    • ส่วนว่าโจทย์ "ช่วงเวลาไหนของวัน สำคัญที่สุด" คำตอบคงไม่ตายตัว คงขึ้นกับเสียงส่วนใหญ่ครับ แต่ว่า "การทำงาน คือการปฏิบัติธรรม" ดังนั้นไม่ว่าจะอยู่ที่บ้านหรือที่ทำงาน ถ้าทำงานอย่างมีความสุข แบบว่า "งานได้ผล คนเป็นสุข" ก็เป็นการปฏิบัติธรรมทั้งสิ้น
    • มองโดยภาพรวมแล้ว องค์กรแบบที่เล่ามา มีเมล็ดพันธุ์อัจฉริยะ อยู่มากแล้ว เพียงแต่เราต้องเตรียมดิน (บรรยากาศในการทำงาน) ให้ดี
    • และต้องการความเป็น "Synchronization" ให้เกิดพลังในการขับเคลื่อนองค์กรอัจฉริยะครับ
    • ขอขอบคุณมาก ที่ให้เกียรติเข้ามา ลปรร. ครับ
    พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
    ClassStart
    ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
    ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
    ClassStart Books
    โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท