-หลังจากเก็บเกี่ยวข้าวในแปลงนาเสร็จเรียบร้อยแล้ว ตามบันทึกนี้ คมเคียวเกี่ยวใจ ก็มาถึงขั้นตอนของการจัดการผลผลิตหลังการเก็บเกี่ยวแล้วล่ะครับ และสิ่งที่เรากำลังลุ้นกันอยู่นั่นก็คือปริมาณผลผลิตที่จะได้รับในปีนี้ว่าจะได้มากน้อยกว่าปีก่อนเท่าไหร่กันหนอ? เอาเป็นว่าพร้อมแล้วตามผมไปช่วยกันสืบสานวัฒนธรรมแบบพื้นบ้าน กับบันทึกนี้ "ปรุงวิถี แบบ Thailand"ไปพร้อมๆ กันได้แล้วคร้าบ!!!!!
1.เราได้ช่วยกัน"วาดวิถีแห่งท้องทุ่ง"กันเมื่อช่วงเย็นๆ ของวันศุกร์ ที่ 1 ธันวาคม 2560 ครับ งานนี้ได้เชิญชวนเพืี่อนบ้านเพียงไม่กี่คนมาช่วยกันครับ และผู้อ่านที่ได้ร่วมติดตามบันทึกของผมมาอย่างต่อเนื่องก็คงจะพอคุ้นหน้าคุ้นตากันดีกับ "ผู้ช่วยจ๊อก/พี่ธงชัย(เกษตรหมู่บ้าน)/ลุงวอน/พี่แดง/พี่ปรานอม/ป้าน้อย/และนายกอล์ฟ"ครับ...หลังจากเก็บฟ่อนข้าวขึ้นมาจากแปลงนาแล้ว ทีมงานบ้านไร่ก็เริ่มลงมือนวดข้าวด้วยวิธีแบบพื้นบ้านทันทีครับ...
2.สำหรับตัวผมและคนข้างกาย(มดตะนอย)ก็ได้ลงมือเรียนรู้ประสบการณ์ชีวิตไปพร้อมๆ กับทีมงานบ้านไร่ด้วยครับ ปีนี้ก็ก้าวเข้าสู่ปีที่ 4 แล้วสำหรับกิจกรรมการลงมือ"ทำนา"บนพื้นที่ประมาณ 1 งานเศษ ของครอบครัวเล็กๆ ของเราครับ...ซึ่งผลผลิตที่ได้นั้นก็เพิ่มขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง โดยเริ่มตั้งแต่ปี 2557 ปีแรกเราได้ผลผลิต 13 ถัง ปีที่ 2 ได้ผลิต 15 ถัง ปีที่ 3 ได้ผลิต 19 ถัง และปีที่ 4 สรุปว่าได้ผลผลิตเพิ่มขึ้นเป็น 21 ถัง ครับ....ซึ่งปริมาณของผลผลิตที่เพิ่มขึ้นในทุกๆ ปีนี้เกิดจากการปรับปรุงบำรุงดินและได้พยามแก้ไขปัญหาต่างๆ ให้เหมาะสมกับสภาพพื้นที่ครับ จากสภาพดินเสื่อมคุณภาพที่คนพรานกระต่ายรู้จักกันดีในชื่อว่า"ดินก้ามแป้ง"มาถึงวันนี้สภาพดินเริ่มดีขึ้นด้วยการไถกลบตอซัง/ใส่ปุ๋ยคอก/หว่านพืชปุ๋ยสด(ปอเทือง/ถั่วเขียว)/ปลูกพืชหมุนเวียน"แต่ทั้งนี้ก็ยังคงต้องมีการปรับปรุงบำรุงดินกันต่อไปอีก เพื่อจะได้เพิ่มความอุดมสมบูรณ์ของดินให้มากที่สุดนั่นเองครับ...
3.เช้าของวันเสาร์ที่ 2 ธันวาคม 2560 ผมก็ได้นำเอาฟางข้าวที่ถูกนวดเอาเมล็ดข้าวเสร็จเรียบร้อยแล้วมา"ห่มดิน"ในบริเวณสวน"ป่าสามอย่างประโยชน์สี่อย่าง"ที่อยู่ในบริเวณหน้าบ้านครับ พื้นที่สวนป่าก็มีไม่มากนักเพราะว่าพื้นที่เรามีอย่างจำกัด ดังนั้นจึงต้องจัดสรรปันส่วนให้มีความเหมาะสมตามสภาพพื้นที่และที่สำคัญให้เหมาะสมกับ"กำลังกาย"ของตัวเราเองด้วยล่ะครับ 55555
4.และปีนี้ก็ถือเป็นปีที่ 3 แล้วที่ตัวผมเองได้นำเอาฟางข้าวมาคลุมดินในสวนป่าแห่งนี้ครับ ซึ่งปีแรกที่เริ่มห่มดินได้เขียนเอาไว้ตามบันทึกนี้ครับ บ้าหอบฟาง และเท่าที่ได้เฝ้าสังเกตการเปลี่ยนแปลงของสภาพดินในสวนป่าพอจะทำให้ได้พิสูจน์ได้ว่าดินเริ่มมีความสมบูรณ์ขึ้น และมีการปลูกไม้ป่าคลุมดินให้มากขึ้นด้วยตามทฤษฎี"ป่า 5 ระดับ"ครับ...และที่สำคัญเรายังต้องช่วยสร้างความชุ่มชื้นให้ดินอีกแรงหนึ่งด้วยการทำ"ฝายแม้ว"เอาไว้ ซึ่งน้ำที่ได้ก็จะสูบจากสระน้ำเอามาเติม"ฝายแม้ว"ให้มีน้ำหล่อเลี้ยงสวนป่าของเรานั่นเองครับ...งานนี้หลังจากเสร็จสิ้นภารกิจการคลุ่มดินแล้ว คนข้างกาย(มดตะนอย)ก็ขอลงมาตรวจสอบผลงานกันหน่อย ในฐานะ"นักวิชาการเกษตร"ประจำบ้านไร่ของเราคร้าบ 5555555555
5.และก็เช้าวันเดียวกันนี้(02/12/60)ผมก็ได้นัดกับ"พี่ธงชัย(เกษตรประจำหมู่บ้าน)"ที่มีรถไถนาขนาดใหญ่ มาช่วยไถกลบตอซังในนาด้วยล่ะครับ ทั้งนี้ก็เพราะว่าจะได้เตรียมพื้นที่เอาไว้สำหรับการ"ปลูกพืชหลังนา"ซึ่งปีนี้ตั้งใจเอาไว้ว่าจะปลูกพืชใหมีความหลากหลายขึ้น ประกอบด้วย"ฟักทอง/ถั่วเขียว/แตงกวา/ข้าวโพดข้าวเหนียว/ถั่วฝักยาว/ผักบุ้งจีน/ผักกาด/หัวผักกาด/คะน้า และพืชผักสวนครัวอื่นๆ ด้วย ดังนั้นจึงขอให้"พี่ธงชัย"ได้แบ่งพื้นที่ยกร่องเป็น 6 ส่วน เพื่อจัดสรรพื้นที่ในการเพาะปลูกพืชหลังนาในปีนี้ครับ...เอาเป็นว่ารอตามติดภารกิจและผลผลิตของเราได้ในบันทึกของผมในโอกาสต่อไปก็แล้วกันนะคร้าบ...
6.สิ่งหนึ่งที่ครอบครัวเล็กๆ ของเราได้ยึดถือและปฏิบัติมาอย่างต่อเนื่องนั่นก็คือการสืบสานพิธีกรรมดี ดี ของทางบ้านเกิดเมืองนอน(เหนือ,ลำปาง,เถิน,บ้านสุขสวัสดิ์"ครับ โดยเรียกพิธีกรรมนี้ว่า"การลาลาน"ครับ ซึ่งเมื่อ 2 ปีก่อนผมเคยได้เขียนเรื่องราวเกี่ยวกับความเชื่อต่างๆ ของการ"ลาลาน"เอาไว้มในบันทึกนี้ครับ ลาลาน
7.ช่วงระหว่างพักผ่อน ดื่มน้ำคลายร้อนกันแล้ว ผมก็จะพาทุกท่านเดินชมสวนครัวและเก็บผลผลิตจากสวนไปทำเมนูคลายร้อนกันสักหน่อยก็แล้วกันนะครับ...หลังจากปีก่อนผมได้"ต้นพันธุ์หม่อน"มากจากบ้านเพื่อน ที่จังหวัดเชียงใหม่ ตามบันทึกนี้ครับ Farm ฮัก ของ"ภูมินทร์" มาถึงปีนี้เราเริ่มเก็บผลผลิตได้แล้ว อาจจะมีไม่มากนักแต่ก็พอที่จะได้ลิ้มลอง"มัลเบอร์รี่"ที่หวานฉ่ำจากไร่ของเราแล้วล่ะครับ...นอกจากนี้ยังมี"ฟักข้าว"ที่กำลังสุก แม้ว่าจะมีไม่มากแต่ก็พอที่จะช่วยหล่อเลี้ยงชีพเราได้อย่างสบายเลยล่ะครับ...ว่าแต่จะนำผลไม้ไปทำเมนูอะไรนั้น คงต้องตามไปชมกันต่อครับ...
8.เมื่อได้เวลาแล้ว เราก็ได้นำเอาผลผลิตมาปรุงเป็นเมนูอร่อยๆ แล้วล่ะครับ..สำหรับเมนูที่ทำในวันนี้ก็คือ"ยำไก่"อาหารพื้นบ้านล้านนา ที่ได้ลิ้มลองคราวใดแล้วก็ได้รำลึกถึงความหลังครั้งเก่าก่อนได้เป็นอย่างดีเลยล่ะครับ...และผลไม้ที่เราเก็บมาในวันนี้ก็ได้จัดเป็นเมนูอร่อยๆ แบบเย็นฉ่ำ กับ"ฟักข้าวและมัลเบอร์รี่ปั่น"นั่นเองคร้าบ 5555
9.และนี่ก็คือกิจกรรมดี ดี ก่อเกิดขึ้น บนพื้นที่ไม่มากนัก ที่อาศัยอยู่ในชุมชนเล็ก ๆ แห่งนี้ครับ การสานต่อและสืบทอดประเพณีวัฒนธรรมอันดีงามเช่นนี้ ถือเป็นความตั้งใจที่เราพยายามจะทอดต่อจากบรรพบุรุษของเราครับ..การดำรงชีพแบบนี้มิได้ก่อเกิดขึ้นใหม่หากแต่มันเป็นการนำเอาวิถีแบบดั้งเดิมที่คนเก่าก่อนได้สอนบอกเอาไว้มาปรุงแต่งให้เข้ากับสถานการณ์ปัจจุบันครับ การก้าวเดินมิจำเป็นต้องก้าวกระโดดขอเพียงเราค่อยๆ ก้าวไปทีละก้าว แบบ"เดินทีละก้าว กินข้าวทีละคำ"แล้วละก็ผมเชื่อว่าเราก็จะได้พบกับ"ความสุข"ซึ่งครอบครัวเล็ก ๆ ของเราได้รับและพร้อมที่จะแบ่งปันไปยังผู้คนที่ก้าวผ่านเข้ามา ณ ที่แห่งนี้ เพราะที่นี่ Hi Hug House "บ้านฉันก็บ้านเธอ"ครับ....
สำหรับวันนี้......
สวัสดีครับ
เพชรน้ำหนึ่ง+มดตะนอย
08/12/2560
สวัสดีค่ะคุณเพชร น้ำหนึ่ง..อยากจะบอกว่า.."มีความสุขค่ะที่ได้เป็นผู้อ่านบันทึกของคุณเพชรค่ะ.."
อ่านบันทึกของคุณเพชรน้ำหนึ่งแล้วมีความสุขที่ได้มองภาพประกอบจนเพลินตาเพลินใจ. อยากทำได้บ้างจัง
หวัดดีน้องเพชร น้องมดที่รัก
เมืองชากังราว หนาวหรือยังจ๊ะ
เห็นข้าวใหม่ นึกถึง " ข้าวเม่า" นะ
สมัยพี่มะเดื่อยังเป็นเด็กน้อย
พอเกี่ยวข้าวใหม่แบบนี้ คุณตา คุณยาย
ก็จะชวนชาวบ้านมา " ตำข้าวเม่า" ในยามค่ำคืน
สนุกสนาน และอิ่มอร่อยด้วย เดี๋ยวนี้...
ไม่เห็นแล้วจ้ะ
นักวิจัยได้เลยนะเนี่ย เก็บข้อมูลเป็นระยะ
ยินดีด้วยคร้า อยากกินยำไก่ อิ อิ มัลเบอรรี่ปั่น น่าสนใจ เดี๋ยวว่าง ๆ ทำมั่งอ่ะ
ทำนาเอง ปลูกพืชเอง ดูมีความสุข
ดูดินดีด้วยนะคะ
เป็นเกษตรกรมืออาชีพ ลองทำเอง สุดยอดเลยค่ะ
ต่อไปครอบครัวน้องเพชรจะเป็นครอบครัวตัวอย่างของประเทศแน่นอน
-สวัสดีครับยายธี
-ยินดีที่ได้เขียนเรื่องราวและฝากแบ่งปันจังหวะการก้าวเดินของชีวิตไว้ที่นี่ครับ
-ด้วยความระลึกถึงยายนะครับ
-รอต้อนรับยายครับ..
-สวัสดีครับคุณแม่มด
-การเรียนรู้เกิดขึ้นได้ในทุกๆ ที่ครับ
-ขอเป็นกำลังใจให้
-เพียงเราได้ฝันเราก็สามารถเดินตามฝันได้ครับ
-ขอบคุณที่มาเยี่ยมและให้กำลังใจบันทึกนี้ด้วยนะครับ
-สวัสดีครับพี่ครูมะเดื่อ
-ยินดีที่บันทึกนี้ทำให้พี่ครูได้รำลึกถึงความหลังนะครับ
-ด้วยความคิดถึงครอบครัวของพี่ครูอยู่เสมอครับ
-ขอบคุณสำหรับพลังใจที่่มอบให้กันเสมอมานะครับ
-สวัสดีครับพี่หมอธิ
-ไม่ถึงขั้นนักวิจัยตามหลักวิชาการนะครับ
-ขอเป็นนักปฏิบัติและนักเก็บข้อมูลมาเล่าสู่กันอ่านก็แล้วกันนะครับ
-อย่าลืมเอารูปมาอวดด้วยนะครับ "น้ำปั่นมัลเบอร์รี่"
-สวัสดีครบพี่หมอแก้ว อุบล...
-เป็นกิจกรรมที่ตั้งใจเอาไว้ว่าจะทำแบบนี้ในทุกๆ ปีน่ะครับ
-ถือเป็นการผ่อนคลาย ตามที่ผมมักบอกเอาไว้อยู่เสมอว่า"เกษตรกรรมบำบัด"
-ขอบคุณพี่หมอที่ตามมาอ่านบันทึกและให้กำลังใจกับครอบครัวเล็กๆ ของเราด้วยนะครับ