ความตาย...ไม่มีคิว


"ความตาย...ไม่มีคิว" ทุกคนต่างก็มีโอกาสเท่าเทียมกันหมด ไม่มีใครก่อนใครหลังแต่อย่างใด

สถานีความคิด  :

ความตาย...ไม่มีคิว


 



                       




                                                                                (๑)



         ในบ้านแม่ตาดมี “ขี้เหล้าหลวง” ประจำหมู่บ้านอยู่หลายคน  ในจำนวนนั้นมีอยู่  2  รายที่ถูกพิษสุราเล่นงานจนเครื่องในชำรุด ผอมกะหรอ่งเหมือนโครงกระดูกเดินได้ และพากันเทียวเข้าเทียวออกโรงพยาบาลเป็นว่าเล่น โดยไม่สามารถทำงานทำการหนักหรือทำงานอย่างจริงๆ จังๆ ได้เลย

          คนแรก...เป็นโรคสุราเรื้อรังมาหลายปี  กินทีไรก็มีอาการหน้าซีดตาเหลือง ปวดท้อง อาเจียน และช็อค จนต้องไปหาหมออยู่เป็นประจำ หมอวินิจฉัยว่าตับ ไต ไส้ พุง และปอด ใกล้จะหมดอายุแล้ว  ขอให้เลิกดื่มเหล้าเสีย ถ้าหากอยากจะมีชีวิตอยู่อย่างยืนยาวต่อไป  แต่...แกก็ไม่เคยนำพา  พออาการดีขึ้น  กลับมาถึงบ้านเมื่อเห็นคนอื่นกินเหล้า ก็เกิดอาการเปรี้ยวปากและดื่มเหล้าอีก โดยไม่สนใจคำเตือนของหมอแต่อย่างใด  แล้วสุดท้ายแกก็ต้องกลับไปหาหมออีกเหมือนเดิม และพฤติกรรมของแกก็เป็นซ้ำๆ ซากๆ แบบนี้มาจนถึงทุกวันนี้

          ส่วนคนที่สอง...เป็นญาติๆ กันกับคนแรก โปรดปรานการกินเหล้าจนไม่เป็นอันทำการทำงาน  ลูกขอเงินไปจ่ายค่าเทอม พ่อไม่มีให้ แต่มีปัญญากินเหล้าเมาได้ทุกวี่วัน จนเครื่องในรวน ช่วงหลังอาเจียนออกมาเป็นเลือด ต้องเทียวเข้าเทียวออกโรงพยาบาลเป็นประจำ  แถมบางครั้งอาการหนักถึงขั้นต้องเข้าห้องไอซียูก็มี จนประกันสังคมหมดงบและต้องจ่ายส่วนเกินเอง  แต่ถึงกระนั้นก็ยังไม่ยอมตาย และพอออกจากโรงพยาบาลมา เมื่อเกิดอาการเปรี้ยวปาก ก็อดไม่ได้ที่จะต้องหาเหล้ามาดื่มอีก

          ทุกๆ ครั้งที่สองคนนี้พากันเข้าโรงพยาบาล  ชาวบ้านก็มักจะพากันถามข่าวด้วยความห่วงใยว่า  “รอดไหมๆ”  หรือ  “งานนี้ไม่รอดแน่ๆ “  555

          แต่...ทุกวันนี้ก็ยังคงเห็นทั้งสองคนพากันดื่มเหล้าและนำเรื่องราวจากโรงพยาบาลมาเล่าให้คนอื่นๆ ฟังอยู่เสมอ



                                                                             

                                                                              (๒)



            เช้าตรู่วันนี้(3 ก.ค.2556)  ท่านพระครูเจ้าอาวาสวัดแม่ตาดเปิดเครื่องกระจายเสียงของวัดแจ้งข่าวการตายให้ชาวบ้านได้ทราบ เพื่อให้ชาวบ้านไปช่วยกันจัดเตรียมสถานที่และช่วยงานต่างๆ

            ชาวบ้านหลายคนก็พากันคิดว่า ต้องเป็น “ขี้เหล้าหลวง” ประจำหมู่บ้านแน่นอน  ไม่คนใดก็คนหนึ่งอย่างแน่นอน

            แต่....ก็ผิดคาด  เพราะคนที่ตายกลายเป็นผู้ชายอีกคนหนึ่งที่ร่างกายบึกบึน แข็งแรง ขยันทำการทำงาน และไม่เคยมีประวัติการป่วยหนักมาก่อน

            เมื่อวานนี้แกยังไปตัดหญ้าที่นา ตอนเย็นก็ยังกินข้าวกินปลาพร้อมกับลูกเมียและนอนดูทีวีด้วยกัน  แต่พอประมาณ 6 ทุ่ม แกนอนหลับและกรนดังผิดปกติ เมียก็เลยปลุกให้ตื่น  แต่แกกลับไม่รู้สึกตัว ร่างกายเริ่มเย็นลง ชีพจรเต้นช้าลง เมียและญาติๆ ต้องรีบนำตัวส่งโรงพยาบาลกลางดึก แต่เมื่อไปถึงโรงพยาบาลแกก็สิ้นลมหายใจไปแล้ว  โดยหมอสันนิษฐานว่าเกิดอาการหัวใจวายอย่างเฉียบพลัน  อันเนื่องมาจากการทำงานหนัก พักผ่อนน้อย จนทำให้เลือดไปเลี้ยงหัวใจไม่เพียงพอ จนเกิดอาการ “ไหลตาย” ในที่สุด  ท่ามกลางความอาลัยอาวรณ์ของลูกเมียและญาติๆ

            เช้าวันนี้ ชาวบ้านแม่ตาดก็เลยพากันไปช่วยเจ้าภาพจัดเตรียมสถานที่และช่วยงานต่างๆ รวมทั้ง “ขี้เหล้าหลวง” ทั้งสองคนนั้นด้วย

            ชาวบ้านคนหนึ่งพูดติดตลกขึ้นว่า “แปลกจังเลยน่ะ  คนที่เทียวเข้าเทียวออกโรงพยาบาลบ่อยจนหมอเบื่อขี้หน้าน่าจะตาย กลับไม่ยอมตาย แต่คนที่ไม่น่าตาย กลับมาตายแทน  ชีวิตคนเราอะไรๆ ก็เป็นไปได้ทั้งนั้นเลย”

            ผมนั่งฟังชาวบ้านคุยกันด้วยความสนใจ พร้อมทั้งพินิจพิจารณาถึงความเป็นมาเป็นไปของชีวิตและสรรพสิ่งต่างๆ  จนเข้าใจอย่างแจ่มแจ้งในหลัก “อนิจจัง”(ความไม่เที่ยง)ของชีวิตและสรรพสิ่ง 

            และสรุปได้ว่า...."ความตาย...ไม่มีคิว"   ทุกคนต่างก็มีโอกาสเท่าเทียมกันหมด ไม่มีใครก่อนใครหลังแต่อย่างใด

            ความตายก็เหมือนกับสายลม  จะมาก็มา จะไปก็ไป โดยที่เราแทบจะไม่มีโอกาสได้รู้ตัว และไม่ว่าเราจะอยากหรือไม่อยาก  สุดท้ายเราก็ต้องพัดผ่านไปอยู่ดีนั่นเอง


            ดังนั้น  เราทุกคนจึงพึงรู้จักการใช้ชีวิตอย่างมีคุณค่า และไม่ควรประมาทในการใช้ชีวิตอย่างเด็ดขาด  



                      ---------------------------------------------------------------------------------







                       ภัทเทกรัตตสูตร




                                           อะตีตัง นานวาคะเมยยะ     นัปปะฏิกังเข  อะนาคะตัง

               บุคคลไม่ควรตามคิดถึงอดีตที่ผ่านไปแล้ว     และไม่ควรพะวงถึงอนาคตที่ยังไม่มาถึง

                                            ยะทะตีตัม ปะหีนันตัง      อัปปัตตัญ จะ  อะนาคะตัง

                                                   อดีตก็ล่วงไปแล้ว     อนาคตก็ยังมาไม่ถึง

                                         ปัจจุปปันนัญ จะ  โย  ธัมมัง         ตัตถะ ตัตถะ วิปัสสะติ

                                           อะสังหิรัง  อะสังกุปปัง        ตัง   วิทธา มะนุพรูหะ เย

                                     ผู้ใดเห็นธรรมอันเกิดขึ้นในปัจจุบันในที่นั้น ๆ อย่างแจ่มแจ้ง

                                   ไม่ง่อนแง่นคลอนแคลน    เขาพึงพอกพูนความดีงามเช่นนั้นไว้

                                         อัชเชวะ  กิจจะมาตัปปัง          โก  ชัญญา มะระณัง  สุเว

                   ความเพียรเป็นกิจที่ต้องทำวันนี้      ใครจะรู้ได้ว่าความตาย (จะเกิดขึ้น) แม้ในวันพรุ่งนี้

                                              นะ หิ  โน  สังคะรันเตนะ    มะหาเสเนนะ  มัจจุนา

                       เพราะการผัดเพี้ยนต่อมัจจุราชซึ่งมีเสนามาก       ย่อมไม่มีสำหรับเราทั้งหลาย

                                              เอวัง  วิหาริมาตาปิง       อะโห  รัตตะมะตันทิตัง

                                             ตัง เว ภัทเทกะรัตโตติ      สัน โต อาจิกขะเต  มุนิ

                                         มุนีผู้สงบ ย่อมกล่าวเรียก       ผู้มีความเพียรอยู่เช่นนั้น

                ผู้ไม่เกียจคร้านทั้งกลางวันกลางคืนว่า...ผู้มีชีวิตอยู่แม้เพียงราตรีเดียวก็ประเสริฐ(คุ้มค่า)



                                             พระสุตตันตปิฎก  มัชฌิมนิกาย  อุปริปัณณาสก์  เล่ม ๓  ภาค ๒ - หน้า ๒๑๐)




                                 


หมายเลขบันทึก: 541310เขียนเมื่อ 3 กรกฎาคม 2013 13:03 น. ()แก้ไขเมื่อ 4 กรกฎาคม 2013 09:50 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (36)

ถึงเวลาก็....ไปค่ะ

ไม่สามารถรู้วันและเวลาได้

เค้าจึงไม่ได้จัดคิวให้ค่ะ

ไม่มีคิว  แต่มีคนจัดคิวให้อยู่ครับ  ....ท่านยมฑูต

เป็นอุทาหรณ์สอนใจได้ดีจริง ๆ ครับ ;)...

แถว ๆ บ้านคุณมะเดื่อก็มีคนติดเหล้าเรื้อรัง ชนิดไม่ดื่มจะอยู่ไม่ได้  แต่ก็ยังไม่เป็นอะไร แถมยังเป็นหมอ

กลางบ้านที่รักษาคนที่ถูกงูกัดได้หายขาดทุกรายอีกด้วยนะ

ถูกแล้วค่ะท่าน แต่ถ้ารู้ล่วงหน้าก็จะทุกข์ใจไม่น้อยเลยนะคะ

-สวัสดีครับท่าน..

-ความตายไม่มีคิวจริง ๆ ครับ.

-อ่านเรื่องนี้แล้ว นึกขึ้นได้ว่ามีหลายคนที่เป็น"ขี้เหล้าหลวง"บอกไว้ว่า...คนกินเหล้าบ่ต๋ายง่าย ๆ คนตี้บ่กิ๋นเหล้านั้นน่ะต๋ายก่อน เพราะว่าคนตี้กิ๋นเหล้าจะมีแอลกอฮอล์ไปล้างไขมันอุดตันในเส้นเืลือด...น่ะครับ..

-ได้ยินแล้ว...กะขำ  ๆ 

-หรือว่ามันจะจริงดัง"ขี้เหล้าหลวง"ว่าไว้หนอ???

-ขอบคุณครับ

มันเป็นเรื่องปกติสำหรับชีวิตมนุษย์จร้า แต่เชื่อไหมถึงแม้จะรู้ว่าเราจะตายกันทุกคนแต่ก็ไม่วายที่จะกลัวความตาย 

สวัสดีครับ   คุณครู Bonnie


ถ้าเป็นไปตามคิว  คนเราคงจะเศร้าโศกน้อยลงนะครับ

แต่ที่เราต้องเศร้าโศกและเสียใจกันมาก  ก็เพราะทุกอย่างไม่ได้เป็นไปตามคิว

บางทีลูกๆ เสียอีกที่ไปก่อนพ่อแม่  เลยทำให้พ่อแม่เสียใจและทุกข์ใจอย่างหนักเพราะความอาลัยอาวรณ์

สวัสดีครับ  คุณ prasertd


หวังว่าท่านยมทูตคงไม่เก็บ "ค่าหัวคิว" ด้วยนะครับ   555

สวัสดีครับ   อาจารย์ Wasawat Deemarn


ขอบคุณมากๆ ครับ  ที่กรุณาแวะเข้ามาอ่านและให้กำลังใจนะครับ

สวัสดีครับ  คุณมะเดื่อ


โลกเราก็เป็นแบบนี้แหละนะครับ  อะไรๆ ก็เป็นไปได้ทั้งนั้นแหละครับ 555

สวัสดีครับ   คุณ tuknarak


สำหรับคนที่มีความดีมากๆ จะรู้หรือไม่รู้ตัวล่วงหน้า  ก็คงจะทุกข์ใจมากพอๆ กันนะครับ

แต่คนที่มีความดีน้อย  ก็คงจะทุกข์หรือเศร้าใจน้อยมากกว่า  ไม่ว่าจะรู้หรือไม่รู้ตัวล่วงหน้าก็ตาม


สวัสดีครับ  คุณ เพชรน้ำหนึ่ง


ตอนนี้ขี้เหล้าหลวงของบ้านแม่ตาด ก็ยังเดินยิ้มแฉ่งอยู่เลยนะครับ  ทั้งๆ ที่เครื่องในชำรุดหมดแล้ว

แถมยังมีการกล่าวอย่างภาคภูมิใจอีกต่างหากว่า "เห็นไหม?  ไอ้พวกที่ว่ากูจะตายวันตายพรุ่ง  มันพากันแซงคิวกูไปหมดแล้ว  555"


สวัสดีครับ  คุณ chaipanha


ความกลัวเป็นสัญชาตญาณอย่างหนึ่งของมนุษย์นะครับ

ส่วนความตายก็เป็นสัจธรรมอย่างหนึ่งของชีวิตมนุษย์เช่นกัน

การกลัวตายจึงเป็นเรื่องธรรมดานะครับ

ถ้ามีคิวจริงแล้ว ไอ้พวกที่ชอบทำอะไรก็แซงคิวมันจะทำไง มันคงหาทางอ้อมคิว(เรียกไม่ถูกว่าอะไรดี) อีกจนได้ละน๊า

สวัสดีครับ  คุณ Yanyong-P


กรณีนี้คงไม่มีใครอยากเข้าคิวหรืออยากแซงคิวหรอกนะครับ

มีแต่จะรีบมอบสิทธิ์หรือมอบคิวของตนเองให้กับคนอื่นเสียมากกว่า

และถ้าหากเป็นเช่นนี้ ยมบาลคงรวยเละเลยนะครับ  เพราะคงมีคนติดสินบนกันทั้งวันแน่ๆ เลย  555

ขอให้ไปสู่สุคตินะคะ ชาติหน้าขออย่าได้ทำร้ายตนเองเหมือนชาตินี้เลย

..ความตายเป็น..ของแท้...จริง..ปลอมแปลงแลกเปลี่ยนไม่ได้...(อิอิ)...เมื่อเกิดมาแล้ว..ต้องยอมรับว่า..เป็น..ความสุข..สุดท้าย..(๕๕๕...ไม่เปลี่ยนแปลง..).....สวัสดีเจ้าค่ะ..ยายธี

ขอบคุณสำหรับเรื่องราวดีๆๆๆครับ  มีอะไรให้ผมได้ข้อคิดมากมายมหาศาล 



...คนเราถึงกลัวตาย...เพราะไม่มีลุ้น...ไม่สนุกค่ะ

สวัสดีครับ  คุณพี่ kunrapee


เอ่อ ! คือว่า....คนที่ตายไม่ใช่ "ขี้เหล้าหลวง" นะครับ พี่  แต่เป็นชาวบ้านอีกคนหนึ่งที่ขยันทำการทำงานนะครับ   555

สวัสดีครับ  คุณยายธี


สิ่งที่คุณยายธีกล่าวมาถูกต้องทั้งหมดเลยนะครับ  เป็นเช่นนั้นจริงๆ ครับ

สวัสดีครับ  ดร.pisutpong Endoo


ขอบคุณมากๆ ครับ  ที่กรุณาเข้ามาติดตามอ่านบันทึกนี้

ในอนาคตหวังว่าคงจะมีโอกาสได้อ่านบันทึกของท่านใน Gotoknow บ้างนะครับ

สวัสดีครับ   อาจารย์ ดร. พจนา แย้มนัยน


ลุ้นมากๆ ก็ไม่ดีเหมือนกันนะครับ  เดี๋ยวจะกลายเป็นฝ่าย "ลัดคิว" หรือ "แซงคิว" คนอื่นไปเสียเอง  555

จากดิน สู่ฟ้า สู่ดาว สุดท้าย ร่วงกราว สู่ดิน สว้สดีค่ะน้องชาย

สวัสดีครับ  พี่หมูจ๋า


ทุกอย่างเป็นเรื่องธรรมชาตินะครับ

ถ้าทำใจได้ก็เป็นเรื่องธรรมดาๆ ครับ

คนเรา ถ้าไม่ตายทางเนื้อหนังละก็แย่เลยครับ

ผมว่าทั้งขี้เหล้าและคนที่ร่างกายแข็งแรงต่างดูแลสุขภาพตนเองไม่เหียงพอ

ขี้เหล้าเสี่ยงกับสุขภาพตนเองในสิ่งที่รู้อยู่และมองเห็นความเสี่ยง

คนที่ร่างกายแข็งแรงเสี่ยงต่อสิ่งที่ตนเองมองไม่เห็น ไม่เข้าใจ การทำงานหนัก พักผ่อนน้อย 

แต่ในที่สุดก็ไม่มีคิวจริงๆ

สวัสดีครับ  คุณ nmintra


ที่เชียงใหม่แถวๆ บ้านผม มีหลวงปู่หลายรูปที่ท่านมรณะภาพทางเนื้อหนังไปนานแล้ว  หากแต่ลูกศิษย์ลูกหาไม่ยอมเผาร่างของท่าน พากันหาผลประโยชน์จากร่างของท่านอยู่อย่างต่อเนื่อง  แทนที่ร่างกายของท่านจะได้กลับคืนสู่ธรรมชาติ ก็กลับต้องมาเป็นเครื่องมือแสวงหาผลประโยชน์ของบรรดาลูกศิษย์ทั้งหลาย....เห็นแล้วก็ได้แต่ปลง และรู้สึกสงสารท่านจับใจเลยนะครับ

สวัสดีครับ  คุณ Suvidhya RuchiradhamrongThailand


ผมเห็นด้วยกับที่คุณสุวิทยากลับมาทั้งหมดเลยนะครับ  ซึ่งทุกอย่างเป็นอย่างนั้นจริงๆ

และสุดท้ายแล้ว "ความตาย" ก็ไม่มีคิวจริงๆ นะครับ   555

พี่ขอเสนออีกมุมค่ะ

คนไข้ตับแข็งจากเหล้าตายไม่เร็วค่ะ  แต่ทรมาณจากอาการหลายๆ อย่างที่ต้องเข้าๆ ออกโรงพยาบาล แต่ก็ยังไม่หยุดดื่ม  ทำให้หมอพยาบาลมีงานเยอะขึ้น  โรงพยาบาลใช้เงินมากในการรักษา

คนไข้สูบบุหรี่ในวัยหนุ่ม พอสูงอายุเป็นโรคถุงลมโป่งพอง และยังไม่หยุดบุหรี่  ค่าใช้จ่ายในการรักษาต่อคนเยอะมากเช่นกัน

อยากกลับไปที่จุดเริ่มต้น  คือ ไม่ให้มีคนดื่มเหล้า  ปิดโรงกลั่นเหล้าก็ทำไม่ได้

ไม่อยากให้คนหนุ่มสาวสูบบุหรี่  ปิดโรงงานยาสูบ ก็ทำไม่ได้

ทั้งเหล้า บุหรี่ เป็นยาเสพติดที่ถูกกฎหมาย  ทำให้พ่อค้่าร่ำรวย  แต่โรงพยาบาลยากจน

สวัสดีครับ พี่ nui


จากที่สังเกตเห็นทุกอย่างเป็นอย่างที่พี่กล่าวมาทั้งหมดเลยนะครับ

"ขี้เหล้าหลวง" ของบ้านแม่ตาดหลายคนเข้าออกโรงพยาบาลเป็นว่าเล่น หมดค่าใช้จ่ายแต่ละครั้งไม่ใช้น้อยๆ แถมยังเพิ่มภาระให้หมอและพยาบาลอีกต่างหาก

ส่วนชาวบ้านที่ตายแบบเฉียบพลัน กลับขยันทำการทำงานและไม่ได้ดื่มเหล้าบ่อย  เวลาไปก็ไปแบบง่ายๆ โดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาลแต่อย่างใด แม้ว่าลูกเมียอาจจะเศร้าโศกเสียใจหลายวัน แต่ก็ดีตรงที่ไม่ได้เพิ่มภาระให้กับลูกเมีย รวมทั้งหมอและพยาบาลด้วย

แต่ก็อย่างว่าแหละนะครับ  "อนิจจัง" คือ ความเปลี่ยนแปลงที่มีอยู่จริง  อะไรๆ ก็เลยสามารถเกิดขึ้นได้ทั้งนั้นเลยนะครับ

รูปํ ชีรติ มจฺจานํ นามโคตตํ น ชีรติ. คนเราตายแน่นอนแต่มีสิ่งหนึ่งที่ไม่ตายตาม ดังค่าวครับ

ปล๋ากล๋ายเป็นฮ้า  คนกล๋ายเป๋นหยัง   ต๋ายแล้วเหม็นดัง  กลิ่นกลบทั่วบ้าน

ถึงเป๋นเมียผัว  เปิ้นกะผ่าจ้าน  ตัดขาดวิญญาณ  เรียกร้อง

สิ่งตี่บ่าต๋าย  จื่อเสียงปี่น้อง  ดีชั่วติดต้องตั๋วไป  

แม้นว่าไปต๊ก   อยู่ห้องแหนไหน  จื่อเสียงบ่าไป   โตยใจ๋หนาเจ้า ๆ 

*ได้ความรู้สึกที่ดีอบอุ่นและเป็นสุขใจทุกครั้งที่ได้เข้ามาอ่านบันทึกของคุณอักขณิชครับ*

สวัสดีครับ  "พี่หนาน"


ขอบคุณมากๆ ครับ  ที่กรุณาแวะเข้ามาเยี่ยมและให้กำลังใจ

ขอหื้อปี้หนานมีความสุข เบิกบานใจ และพบเจอแต่สิ่งตี้ดีๆ ตลอดเวลาเน้อครับ

เรื่องตายเป็นเรื่องธรรมดาจริงๆๆครับ

สวัสดีครับ อาจารย์ ขจิต ฝอยทอง

เป็นเช่นนั้นจริงๆ นะครับ อาจารย์

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท