การปรับเปลี่ยนระบบการขอบำเหน็จของลูกจ้าง เป็นสามารถขอรับบำนาญได้


                ในการจัดสัมนาที่ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ สมาคมลูกจ้างแห่งประเทศไทยกำลังร่าง   พรบ.บำเหน็จบำนาญลูกจ้างประจำในส่วนราขการ เพื่อปรับเปลี่ยนการขอรับบำ...
มีต่อ

ฉบับที่ 113/2552 วันที่ 24 สิงหาคม 2552

กระทรวงการคลังเตรียมเสนอ ครม. ให้บํานาญลูกจ้างประจํา

__________________________________________

กระทรวงการคลังยกร่างแก้ไขระเบียบบําเหน็จลูกจ้าง เตรียมเสนอ ครม. กําหนดสิทธิให้ลูกจ้างประจําได้เลือกรับบําเหน็จรายเดือนได้ และจะเร็งให้มีผลใช้กับผู้เกษียณปีนี้

นายพฤฒิชัย ดํารงรัตน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลังเปิดเผยว่ากระทรวงการคลังได้ยกร่างระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยบําเหน็จลูกจ้าง (ฉบับที่ ..) พ.ศ. ....เพื่อกําหนดให้ลูกจ้างประจํามีสิทธิได้รับบําเหน็จรายเดือน (บํานาญปกติที่ลูกจ้างประจําได้รับเป็นรายเดือน) และบําเหน็จพิเศษรายเดือน (บํานาญพิเศษสําหรับลูกจ้างประจําที่ได้รับอันตรายเจ็บป้วย หรือถูกประทุษร้ายจากการปฏิบัติงาน) โดยเป็นสิทธิเฉพาะตัวของลูกจ้างไม่รวมถึงบุคคลในครอบครัว เนื่องจากเห็นว่าลูกจ้างประจํามีกําหนดเวลาการปฏิบัติงานเช่นเดียวกับข้าราชการคือเกษียณอายุเมื่ออายุครบ 60 ปี ปฏิบัติงานอยู่ในระบบราชการและทําคุณประโยชน์ให้กับทางราชการคล้ายคลึงกับข้าราชการมาเป็นเวลานาน รัฐบาลจึงควรดูแลโดยให้สิทธิประโยชน์ต่างๆ ตามสมควร จึงได้พิจารณาถึงสวัสดิการต่างๆ ที่ได้รับและควรปรับปรุงสิทธิประโยชน์ให้ เพิ่มมากขึ้นเมื่อลูกจ้างประจําออกจากราชการ ซึ่งปัจจุบันเมื่อออกจากราชการจะได้รับเงินบําเหน็จในคราวเดียว ทําให้ได้รับความเดือดร้อนเนื่องจากไม่มีรายได้เป็นรายเดือน เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนในเรื่องค่าครองชีพ จึงได้แก้ไขระเบียบดังกล่าว โดยหลักการของระเบียบ คือ ลูกจ้างประจําซึ่งมีเวลาทํางานตั้งแต่ 25 ปี บริบูรณ์ขึ้นไป หรือมีสิทธิได้รับบําเหน็จพิเศษ สามารถขอรับเป็นบําเหน็จรายเดือน หรือบําเหน็จพิเศษรายเดือนแทนก็ได้ โดยไม่สามารถเปลี่ยนแปลงเมื่อเลือกขอรับอย่างใดอย่างหนึ่งไปแล้ว จะได้รับตั้งแต่ออกจากงานจนกระทั่งผู้นั้นถึงแก่ความตายและยังกําหนดสิทธิการได้รับบําเหน็จพิเศษรายเดือนในกรณีที่ได้รับอันตรายหรือเจ็บป่วยเพราะเหตุปฏิบัติงานในหน้าที่ตามหลักเกณฑ์ที่กําหนดอีกด็วย

นายพฤฒิชัย ดํารงรัตน์ กล่าวเพิ่มเติมว่าปัจจุบันลูกจ้างประจําของทางราชการ มีจํานวน 205,478 คน จะออกจากราชการเมื่ออายุ 60 ปี ประมาณปีละ 8,660 คน โดยมีสิทธิได้รับบําเหน็จรายเดือนปีละ 6,260 คน เฉลี่ยเงินบําเหน็จรายเดือนคนละ 9,800 บาทต่อเดื อน จะใช้เงิ นงบประมาณปี ละ 6,001 ล้านบาท สําหรับภาระการคลังในระยะยาว ซึ่งประเมินจากลูกจ้างประจํากลุ่มสุดท้ายที่จะออกจากราชการในปี พ.ศ. 2576 และใช้อายุเฉลี่ยของประชากรไทยที่อายุ 80 ปีแล้ว ภาระงบประมาณรายเดือนต้องจ่ายสําหรับกลุ่มสุดท้ายจะสิ้นสุดประมาณในปี พ.ศ. 2595 รวมระยะเวลา 43 ปีซึ่งคาดว่าจะใช้เงินงบประมาณสําหรับ 43ปี รวมทั้งสิ้น 275,846 ล้านบาท “ ในส่วนของเงินงบประมาณที่ เพิ่มขึ้นนั้น ได้มีการหารือในประเด็นภาระการคลังแล้ว เป็นการผูกพันงบประมาณในระยะยาว เมื่อพิจารณาถึงภาระทางการคลังที่จะเพิ่มขึ้นปีละ 6 พันล้านบาท ถือว่าเป็นภาระที่พอรับได้ถือว่ามีความจําเป็นเมื่อเทียบกับประโยชน์ของกลุ่มคนที่ได้รับราชการมาถึง 25 ปี ให้ความเป็นอยู่มีรายได้พอต่อการดํารงชีพภายหลังออกจากราชการ” นายพฤฒิชัย กล่าว

ที่มาของแหล่งข่าว http://www.mof.go.th/News2009/113.pdf

สํานักกฎหมาย กรมบัญชีกลาง

โทร.02-273-9607

ผู้ช่วยเหลือคนไข้

ขอเพิ่มเติม 389 ลูกจ้างประจำโรงพยาบาล และขอให้ลูกจ้างประจำส่วนราชการอื่น ๆ แสดงความคิดเห็นและขอความยุติธรรมให้ ลจป.กระทรวงสาธารณสุขด้วย ลูกจ้างประจำตำแหน่ง ผู้ช่วยเหลือคนไข้ พนักงานขับรถ พนักงานเปล ทั่งประจำและชั่วคราวไม่ได้เงินค่าตอบแทน( ซึ่งพนักงานกลุ่มนี้ทำงานกันตั้งแต่ 10 ปี ขึ้นกันทั้งหมด) แต่ลูกจ้างชั่วคราว ซึ่งทำงานกัน 2-5 ปี ได้เงินจำนวนนี้กันทุกคน ในตำแหน่งซึ่งชื่อตำแหน่งเหมือนข้าราชการ เช่น นักวิชาการการเงิน พนักงานประชาสัมพันธ์ พนักงานเภสัช พนักงานโสต และอีกหลายตำแหน่ง ขอให้คุณ ม2ท 4/น ช่วยตอบกระทู้นี้ด้วย 389 หรือผู้ที่ทราบข้อมูลแจ้งให้ทราบด้วย หรือว่า รพ.ไหนได้เงินค่าตอบแทนนี้ แจ้งให้ทราบด้วย

อยากทราบว่าอายุลูกจ้างประจำกี่ปีขึ้นไปถึงจะได้รับบำนาญค่ะ

เรียน ท่านประธานสมาคมลูกจ้างประจำแห่งประเทศไทย พวกลูกจ้างถูกเอาเปรียบอีกแล้วครับท่าน ผมขอเล่าให้ท่านประธานฯ และเพื่อนลูกจ้างทราบกันทั่วประเทศ คือกระทรวงสาธารณสุขได้มีหนังสือราชการมาตามหน่วยงานโรงพยาบาลศูนย์ และ โรงพยาบาลทั่วไป โดยแจ้งว่าข้าราชการ ลูกจ้างประจำ ลูกจ้างชั่วคราว พนักงานของรัฐ ในสังกัดกระทรวงสาธารณสุข ให้เจ้าหน้าที่ ได้รับเงินค่าตอบแทน โดย วุฒิการศึกษา ป.ตรี ได้รับค่าตอบแทน 1,200 บาท ที่มีอายุราชการ 1-3 ปี แต่ถ้าอายุราชการ 3 ปีขึ้นไป ได้รับเงิน 1,800 บาท ถ้าต่ำกว่าปริญญาตรี อายุราชการ 1-3 ปี ได้รับเงินค่าตอบแทน 600 บาท ถ้าอายุราชการ 4 ปีขึ้นไป ได้รับเงินค่าตอบแทน 900 บาท แต่ที่สำคัญในโรงพยาบาลทุกแห่ง ทั่วประเทศ ได้ให้ เงินค่าตอบแทนดังกล่าว ให้เฉพาะข้าราช และลูกจ้างชั่วคราวตำแหน่งที่มีชื่อ เหมือนข้าราชชการ เช่น จนท.การเงิน ,จนท ประชาสัมพันธ์ ฯลฯ ส่วนลูกจ้างประจำ ไม่ได้รับ แต่ประการใด นี้เป็นเรื่องจริงที่เกิดขึ้นจริงครับ ท่านที่อ่านพบ ช่วยบอกต่อกันด้วยนะครับ ลูกจ้างประจำได้แต่นั่งมองชาวบ้านรับเงินเพิ่ม โดยข้าราชการก็มีเงินเดือนมากอยู่แล้ว แถมได้รับเงินค่าตอบท่านเข้าไปอีก แย่ชมัด อย่างนี้ ไม่ยุติธรรมกับลูกจ้างประจำครับ เพราะในหนังสือก็ระบุชัดว่าให้ทั้งหมดผมจึงร้องเรียนมายังท่านประธานลูกจ้างประจำแห่งประเทศไทย และเพื่อนลูกจ้างทุกคน โดยเฉพาะท่านที่ทำงานอยู่ในรั่วโรงพยาบาลฯ (ของรัฐ) ให้หาหนังสือที่ออกมาจากกระทรวงสาธารณสุข ที่ สธ 0201.042.11/ว 662 วันที่ 4 สิงหาคม 2552 เรื่อง หลักเกณฑ์การจ่ายค่าตอบแทนการปฏิบัติงานในโรงพยาบาลศูนย์และโรงพยาบาลทั่วไป ขอให้ท่านประธานฯ และเพื่อนลูกจ้างประจำ ได้ทราบ และเร่งให้ความเห็นโดยด่วนด้วย ครับจะเป็นพระคุณ ผมจะรอความหวังจากพวกท่านครับ ท่านประธานสมาคมลูกจ้างแห่งประเทศไทยครับพวกผมเดือดร้อนไม่รู้จะไปพึ่งพาใครเพราะหัวหน้าหน่วยงานโรงพยาบาลฯ ก็ไม่ให้ความสนใจกับลูกจ้างประจำเลยนี้เป็นเรื่องจริงที่เกิดขึ้นในบ้านนี้เมืองนี้จริงๆ เป็นเรื่องรีบด่วนนะครับ ขณะนี้กำลังวางฏีกาเพื่อรับเงินกันแล้วนะครับ (แล้วผมจะถ่ายเอกสารหนังสือมาให้ท่านดูอีกครั้ง) ลบกวนขอ E-mailadd ของท่านประธานนายกสมาคมลูกจ้างประจำแห่งประเทศไทย ด้วยของคุณครับ ใครทราบเบอร์ท่านประธานสมาคมฯ หรือ สมาชิกโปรดแจ้งด่วนด้วย ลูกจ้างโรงพยาบาลศูนย์ และโรงพยาบาลทั่วไป ไม่ได้รับความยุติธรรมครับ...............

สุดท้ายความฝันของลูกจ้างประจำก็เป็นจริงแต่จะได้รับสูตรแบบไหนก็ยังไม่มีรายละเอียดแต่รัฐบาลก็คงไม่เอาเปรียบลูกจ้างหรอกนะเพราะเงินเดือนก็น้อยอยู่แล้วสูตรคำนวณคงไม่ต่างกับข้าราชการหรอกนะ ไม่ใช่ว่าเอาเงินก้อนที่ได้มาเฉลี่ยเป็นรายเดือนให้ เอาละไหนๆก็จะได้บำเหน็จพิเศษรายเดือน ก็ขอขอบพระคุณผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหลายที่มีส่วนช่วยเหลือไม่ว่ารัฐมนตรี ผู้แทนลูกจ้างประจำ สมาคมลูกจ้างแห่งประเทศไทย ขอให้ท่านจงทำดีต่อไป

ความฝันไกล้จะเป็นความจริงจะได้รับบำนาจรายเดือน เพื่อนๆลูกจ้างประจำต่างดีใจไปตามๆกัน ต้องขอบคุณทีมงานสมาคมลูกจ้างแห่งประเทศไทย จงเดินหน้าต่อไปครับผมเป็นกำลังใจให้ครับ ขอบคุณครับ

ที่ รพ....? ผู้มีซีใหญ่อ้างว่าถึงทำงานมานาน(ลูกจ้างประจำ)แต่ไม่มีตำแหน่งที่ระบุก็ไม่ได้ แต่บางคนลูกจ้างชั่วคราว ทำงาน1-2 ปี ก็ได้เงิน งง..?

น่าเห็นใจลูกจ้างประจำหน่วยงานโรงพยาบาลของรัฐ ผมแนะนำว่าท่านหาหนังสือที่ออกมาจากกระทรวงสาธารณสุข ที่ สธ0201.042.11/ว 662 วันที่ 4 สิงหาคม 2552 เรื่อง หลักเกณฑ์การจ่ายค่าตอบแทนการปฏิบัติงานในโรงพยาบาลศูนย์และโรงพยาบาลทั่วไป ตามที่ท่านเขียนมาแล้วดูรายละเอียดของผู้มีสิทธิ์ที่จะได้รับเงินดังกล่าวว่าหลักการจ่ายเงินจ่ายให้ใครบ้าง หากมีระบุว่าลูกจ้างประจำมีสิทธิ์ที่จะได้รับ แต่พวกท่านไม่ได้ ลองสอบถามจากเพื่อนที่อยู่ในสายงานหรือสังกัดเดียวกันว่าได้หรือไม่ หากไม่ได้ให้รวมกลุ่มแล้วเรียกร้องสิทธิ์จากหน่วยงานต้นสังกัด หรือทำหนังสือสอบถามไปที่กระทรวงสาธารณสูข ( เป็นเพียงคำชี้แนะเท่านั้นครับ ) เพราะไม่เห็นหนังสือที่ว่านี้เหมือนกัน

ขอบคุณ ... คุณสมศรี มากมาย 4/น หายหน้าไปหลายวัน (สุขภาพทรุดอ่ะ) วันนี้ก็เข้ามาค่ำแล้ว ยังคิดถึงทุกท่านเสมอ พรุ่งนี้ขอให้พี่น้องติดตามข่าวจากทีวีทุกช่อง

เรื่องของพวกเรา จะนำเข้าพิจารณาในที่ประชุมครม.จริงหรือเปล่า วันที่ 25 ส.ค.52 ถ้าทุกสิ่งเป็นดั่งที่คาด โปรดจำไว้เถิดว่าวันนี้ เป็นวันประวัติศาสตร์ของพวกเรา หลายท่านอาจถึงกับหลั่งน้ำตา

เมื่ออ่านกระทู้ที่ 396 แล้ว 4/น ก็อดหวั่นใจไม่ได้ ลึกๆในใจเราคิดเหมือนกันเลย เหตุการณ์บ้านเมือง ทำไมมันวุ่นวายอะไรปานนี้หนอ เจ้าประคุณ ขอให้ผ่านพรุ่งนี้ไปก่อนได้ไหม อะไรจะเกิดก็ค่อยเกิดหลังจากนี้

ถึงพี่ ม2ท.. พี่คนหลงทาง.. ครูฝึกกรมพัฒน์.. คุณสมศรี.. คุณสมัย ..

พี่น้องผู้มีฝันร่วมกันทุกท่าน สัญญาน่ะ นับจากพรุ่งนี้ และวันต่อๆไป เราจะเข้ามามีส่วนร่วม แสดงความยินดี แสดงความรู้สึกดีๆต่อกันตลอดไป

แล้ว 4/น จะพยายามแวะเข้ามาอ่านทุกกระทู้เลย หวังในใจว่า นับจากพรุ่งนี้ไปจะได้อ่านแต่กระทู้ที่มีแต่ความรู้สึกอิ่มเอมใจ สุขใจ

สวัสดี และขอต้อนรับ คุณลุงนัส ณ พัทลุง และ(ขออนุญาตเรียก)คุณป้า มามูซิ ด้วยความเคารพ ด้วยความยินดียิ่ง ทั้ง2ท่าน นับเป็นผู้ใหญ่ที่พวกเราน้องๆควรให้ความนับถือเป็นอย่างสูง ดีใจกับคุณลุงและคุณป้า ด้วยใจจริงๆ

ถึง พี่คนหลงทาง.. วันนี้ 4/น ทราบจาก หน้าจอฯแล้ว บท.เขาแจ้งรายชื่อมา และ

4/น ก็แจ้งตอบรับยืนยัน ที่จะไปรับรางวัลเกียรติยศ(ครั้งหนึ่งในชีวิต)นี้แล้ว ส่วน 4/น จะเป็นใคร ในจำนวน 38 ท่านนี้ พี่คนหลงทาง..คงเดาได้ไม่ยาก

ถึงกระทู้ที่ 402 (ผู้ช่วยเหลือคนไข้) เรื่องดังกล่าว ถ้า 4/น จำไม่ผิด พี่ ม2ท (หรือใครจำไม่ได้) เคยพูดถึงเอาไว้ ว่างๆลองย้อนค้นอ่านกระทู้เก่าๆดูก่อนมั๊ย 4/น เข้าใจความรู้สึกท่านน่ะ จะพยายามสอบถามให้อีกที

....วันนี้ต้องอดทน นอนดูหยดน้ำเกลืออีกวัน ไว้ดีขึ้นจะพยายามแวะมา...

จากใจ 4/น ....

รอรุ้น เช่นเดียวกันครับ พรุ้งนี้ 25 สค 52 นี้ ว่ามติ ครม.จะว่าอย่างไร อดใจรออีก 1 วัน ผมว่าพวกเราน่าจะได้รับข่าวดีจากรัฐบาลนะ เป็นกำลังใจให้ลูกจ้างประจำทุกคน วันพรุ้งนี้ใครได้รับข่าวสารที่เร็วกว่าช่วยแจ้งให้ทราบด้วยครับ

1ใน 38 คนจากเจ้าหน้าที่ทั่วประเทศ ถ้าเดาไม่ผิดก็คงจะเป็นลำดับที่ 32 พี่ขอแสดงความยินดีด้วยใจจริงครับและด้วยความรู้สึกอย่างญาติซึ่งเกินเลยไปกว่าความเป็นเพื่อน พี่จะจดจำชื่อนี้ไว้ตลอดไป ว่าครั้งหนึ่งพวกเราคุณ 4/นและพี่ๆน้องๆกระดานนี้ทุกท่านว่าได้เคยร่วมทุกข์ร่วมคิดร่วมปรึกษาหารือและให้ความช่วยเหลือส่งข่าวให้แก่กันและกันจนกระทั่งถึงวันนั้น วันที่รอคอยกำลังจะมาถึง รออีกนิดเดียวนะครับ- อีกเพียงชั่วอึดใจเท่านั้น ถ้าทุกอย่างลงเอยได้จริง.พี่คงจะมีอะไรพูดกับพี่ๆน้องๆได้มากกว่านี้

รอลุ้นอยู่เช่นเดียวกัน พรุ่งนี้ความฝันของพวกเราจะเป็นความจริงหรือไม่ ...ก็ขออย่าให้มีโรคเลื่อนอีกต่อไปเลย....สุดท้ายนี้ก็ขอแสดงความยินดีกับเพื่อน ๆ ของเรา

ทั้งคุณ ม2ท และคุณ 4/น....

มาลุ้นมาชม มาเชียร์พี่น้องผองเพื่อน ให้ฝันเป้นจริง

ถ้าได้รับบำนาญจริงๆ ผมก็ไม่คิดอยากจะสอบอะไรแล้วและจะเป็นลูกจ้างประจำในแบบพอเพียงต่อไป

พรุ่งนี้แล้วครับพี่น้อง สิ่งศักสิทธิ์ จงเป็นพยานในสิ่งที่รัฐบาลนี้จะให้กับพวกเรา ลูกจ้างเล็กๆจะไม่อดตายยามแก่ชราอีกต่อไปแล้ว สมกับเป็น ข้าของแผ่นดิน ที่มีศักศรีเยี่ยงมนุษย์ทุกคน

ขอเป็นกำลังใจให้พี่น้องลูกจ้างประจำทุกท่าน

กระทรวงการคลังยกร่างแก้ไขระเบียบบำเหน็จลูกจ้าง เตรียมเสนอ ครม. กำหนดสิทธิให้ลูกจ้างประจำได้เลือกรับบำเหน็จรายเดือนได้ และจะเร่งให้มีผลใช้กับผู้เกษียณปีนี้

นายพฤฒิชัย ดำรงรัตน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า กระทรวงการคลังได้ยกร่างระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยบำเหน็จลูกจ้าง (ฉบับที่ ..) พ.ศ. ....เพื่อกำหนดให้ลูกจ้างประจำมีสิทธิได้รับบำเหน็จรายเดือน (บำนาญปกติที่ลูกจ้างประจำได้รับเป็นรายเดือน) และบำเหน็จพิเศษรายเดือน (บำนาญพิเศษสำหรับลูกจ้างประจำที่ได้รับอันตรายเจ็บป่วย หรือถูกประทุษร้ายจากการปฏิบัติงาน) โดยเป็นสิทธิเฉพาะตัวของลูกจ้างไม่รวมถึงบุคคลในครอบครัว เนื่องจากเห็นว่าลูกจ้างประจำมีกำหนดเวลาการปฏิบัติงานเช่นเดียวกับข้าราชการคือเกษียณอายุเมื่ออายุครบ 60 ปี ปฏิบัติงานอยู่ในระบบราชการและทำคุณประโยชน์ให้กับทางราชการคล้ายคลึงกับข้าราชการมาเป็นเวลานาน รัฐบาลจึงควรดูแลโดยให้สิทธิประโยชน์ต่างๆ ตามสมควร จึงได้พิจารณาถึงสวัสดิการต่าง ๆ ที่ได้รับ และควรปรับปรุงสิทธิประโยชน์ให้เพิ่มมากขึ้นเมื่อลูกจ้างประจำออกจากราชการ ซึ่งปัจจุบันเมื่อออกจากราชการจะได้รับเงินบำเหน็จในคราวเดียว ทำให้ได้รับความเดือดร้อนเนื่องจากไม่มีรายได้เป็นรายเดือน เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนในเรื่องค่าครองชีพ จึงได้แก้ไขระเบียบดังกล่าว โดยหลักการของระเบียบ คือ ลูกจ้างประจำซึ่งมีเวลาทำงานตั้งแต่ 25 ปีบริบูรณ์ขึ้นไป หรือมีสิทธิได้รับบำเหน็จพิเศษ สามารถขอรับเป็นบำเหน็จรายเดือน หรือบำเหน็จพิเศษรายเดือนแทนก็ได้ โดยไม่สามารถเปลี่ยนแปลงเมื่อเลือกขอรับอย่างใดอย่างหนึ่งไปแล้ว จะได้รับตั้งแต่ออกจากงานจนกระทั่งผู้นั้นถึงแก่ความตาย และยังกำหนดสิทธิการได้รับบำเหน็จพิเศษรายเดือนในกรณีที่ได้รับอันตรายหรือเจ็บป่วยเพราะเหตุปฏิบัติงานในหน้าที่ตามหลักเกณฑ์ที่กำหนดอีกด้วย

นายพฤฒิชัย ดำรงรัตน์ กล่าวเพิ่มเติมว่า ปัจจุบันลูกจ้างประจำของทางราชการ มีจำนวน 205,478 คน จะออกจากราชการเมื่ออายุ 60 ปี ประมาณปีละ 8,660 คน โดยมีสิทธิได้รับบำเหน็จรายเดือนปีละ 6,260 คน เฉลี่ยเงินบำเหน็จรายเดือนคนละ 9,800 บาทต่อเดือน จะใช้เงินงบประมาณปีละ 6,001 ล้านบาท สำหรับภาระการคลังในระยะยาว ซึ่งประเมินจากลูกจ้างประจำกลุ่มสุดท้ายที่จะออกจากราชการในปี พ.ศ. 2576 และใช้อายุเฉลี่ยของประชากรไทยที่อายุ

80 ปีแล้ว ภาระงบประมาณรายเดือนต้องจ่ายสำหรับกลุ่มสุดท้ายจะสิ้นสุดประมาณในปี พ.ศ. 2595 รวมระยะเวลา 43 ปี ซึ่งคาดว่าจะใช้เงินงบประมาณสำหรับ 43ปี รวมทั้งสิ้น 275,846 ล้านบาท

“ในส่วนของเงินงบประมาณที่เพิ่มขึ้นนั้น ได้มีการหารือในประเด็นภาระการคลังแล้ว เป็นการผูกพันงบประมาณในระยะยาว เมื่อพิจารณาถึงภาระทางการคลังที่จะเพิ่มขึ้นปีละ 6 พันล้านบาท ถือว่าเป็นภาระที่พอรับได้ ถือว่ามีความจำเป็นเมื่อเทียบกับประโยชน์ของกลุ่มคนที่ได้รับราชการมาถึง 25 ปี ให้ความเป็นอยู่มีรายได้พอต่อการดำรงชีพภายหลังออกจากราชการ” นายพฤฒิชัย กล่าว

สำนักกฎหมาย กรมบัญชีกลาง

โทร.02-273-9607

ลุงขอขอบคุณ คุณ 4\น ที่ให้กำลังใจและแสดงความยินดีวันนี้แล้วจะได้รู้ว่าพวกเราจะได้ เฮ หรือว่าได้ โฮลุงอยู่หาดใหญ่จะพยายามส่งใจและขอภาวณาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ให้ระเบียบบำเหน็จบำนาญลูกจ้างผ่าน ครม.ไปด้วยดี

ได้ติดตามอ่านกระทู้ ทุกๆ กระทู้ อ่านแล้วชื่นใจ ที่อย่างน้อยพวกเราลูกจ้างประจำก็ยังมีสมาคม มีพี่ มีน้อง ซึ่งคอยเห็นอกเห็นใจกันอยู่ ทั่วทุกภาค มีอะไรจะคอยช่วยเหลือซึ่งกันและกัน จะขอเป็นแนวหลังและเป็นกำลังใจให้ทุกฝ่าย และขอแสดงความดีใจ กับพี่น้องทุกคน

อย่าลืมเรื่อง ฐานเงินเดือนเพราะคนที่อยู่อยู่แบบไร่ความหวังยิ่งอยู่นาน ๆ ยิ่งเจ็บๆและทรามาร

เพราะมองไปทางหน้ามันมีแต่ทางตันถ้าไม่เรียกร้องขอความเป็นทำให้กระผม ผมก็จะไม่ไปรัฐสภา แต่กระผมจะไปร้องต่อ ศาลไคฟง ให้มันรู้เลยว่าไผเป็นไผ สวัสดี

พี่น้องครับ วันนี้คือวันสำคัญ(25สค.)  ต้องติดตามดูว่านักการเมือง พรรคการเมืองจะมีความจริงใจให้พวกเราหรือไม่ หรือมีแค่ยาหอมมาปลอบใจ ขอร้องพี่น้องช่วยกัน จัดตั้งเครือข่ายในแต่ละองค์กร ให้มีข้อมูลที่ชัดเจน เพื่อการต่อรอง.........ถ้าเทวดาไม่ปราถนาในวิถีทางเดิม

เรื่องบำนาญลูกจ้างประจำนั้นเป็นระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยบำเหน็บรายเดือนลูกจ้าง ( ฉบับ ที่ พศ...)ชึ่ง นพ.พฤติชัย ดำรงรัตน์ รมช. กระทรวงการคลังกล่าวไว้ในสื่อต่าง ๆเช่นหนังสือพิมพ์ไทยรัฐประจำวันที่ 25 สิงหาคม 2552 หน้าที่ 8 ใครอยากทราบรายละเอียดอ่านได้ และจะเข้า ครม. วันนี้ ผมคิดว่า คงจะผ่าน 100 เปอร์เชนต์ ความชัดเจนนั้นรอฟังตอนบ่ายๆ มีความคืบหน้าจะบอกอีกที นะครับ ขอบคุณครับ

กำรอฟังข่าวอยู่ไม่รู้จะได้รับข่าวดีหรือเปล่าวก็ไม่รู้ เพราะรัฐบาลก็สั่นคลอนเหลือกำล้ง จะคิดถึงหัวอกลูกจ้างเรามัยหนอ ขอให้ผ่านทีเถอะจะได้สบายใจเสียที

ลูกจ้าง สพท.พข.เขต 3

กำลังรอฟังข่าวเหมือนกัน ก็ขอภาวนาให้ผ่านเพราะลูกจ้างเมื่อเกษียณอายุราชการแล้ว

จะได้สบายเสียที

ประชุม ครม.ถึงวาระที่เท่าไรแล้วผ่านหรือยัง รีบเข้ามาดูเพราะรอลุ้นมานานแล้ว

ขอแสดงความเห็นอีกครั้ง...

เรื่องค่าตอบแทนของลูกจ้างประจำเงิบงบประมาณ ในโรงพยาบาลสังกัดกระทรวงสาธาณสุขนี้ เป็นเรื่องใหญ่ครับ มันเป็นเรื่องหลักการและแนวคิดของผู้มีอำนาจด้านงานบริหารบุคลากรภาครัฐ ที่มีต่อลูกจ้างประจำเงินงบประมาณ

ก่อนอื่น เรายอมรับการเกิดขึ้นของลูกจ้างประจำก่อนว่า ว่ามันเกี่ยวพันกับการจำแนกตำแหน่งตามคุณสมบัติ คือคุณสมบัติของลูกจ้างประจำเน้น งานแรงงาน งานแรงงานกึ่งฝีมือ งานฝีมือ ซึ่งเป็นงานซึ่งเกิดจากประสบการณ์ที่สั่งสมมา ไม่เน้นความรู้พื้นฐาน (ประถม - มัธยม) หรือไม่เน้นความรู้ด้านวิชาชีพต่างๆตามหลักสูตรที่กำหนด ส่วนมากจะเป็นงานช่าง งานฝีมือต่างๆ งานที่ต้องใช้ความชำนาญในเชิงช่างและฝีมือต่างๆ

( ทางราชการจำเป็นต้องมีบุคลากรด้านช่าง หรืออื่นๆ แต่บุคลากรกลุ่มนี้ ส่วนมากมีแต่ความชำนาญ ไม่มีความรู้พื้นฐาน หรือความรู้ทางวิชาชีพเฉพาะที่ต้องศึกษาตามหลักสูตรและมีประกาศนียบัตร -ปริญญาบัตรรับรอง ซึ่งเป็นคุณสมบัติสำคัญของบุคลากรในระบบราชการ จึงจัดลูกจ้างประจำไว้กลุ่มหนึ่ง ซึ่งมีสิทธิประโยชน์ที่ไม่เท่าเที่ยมกับข้าราชการ)

แต่คุณสมบัติของข้าราชการ เป็นงานที่ใช้ความรู้ทางวิชาชีพต่างๆ ที่ต้องศึกษาเล่าเรียนตามหลักสูตรที่กำหนด เช่น ปวช - ปวส(บัญชี,การขาย,เลขา ,ช่างยนต์ , ช่างโลหะเป็นต้น) ประกาศนียบัตรต่างๆ(เช่นผู้ช่วยพยาบาล) ปริญญาตรีสาขาต่างๆ (นิติศาตร์ ,ศึกษาศาสตร์,วิศวกรรมศาตร์เป็นต้น) จึงจัดไว้อีกลุ่มหนึ่ง

ส่วนลูกจ้างชั่วคราว ทั้งที่ตำแน่งเดียวกับข้าราชการและไม่ใช่ ส่วนมากส่วนราชการ จะจ้างเองโดยใช้เงินรายได้ของตนเอง ไม่ได้ใช้เงินจากกระทรวงการคลัง ดังลูกจ้างประจำเงินงบประมาณและข้าราชการ ) มีส่วนหนึ่งที่ปฏิบัติงานเช่นเดียวกันกับข้าราชการ ( ส่วนราชการต่างๆนิยมจ้างกันมากเพราะ ไม่ต้องขออัตราและตำแหน่งจาก กพ.และส่วนหนึ่งเกิดจากนโยบายคุมกำเนิดข้าราชการตั้งแต่ปี 2540 จึงจ้างเป็นลูกจ้างชั่วคราวแทน)

ว่าที่จริงแล้ว ลูกจ้างชั่วคราว มีสิทธิประโยชน์ต่างๆน้อยกว่าลูกจ้างประจำมาก (ที่จริงน่าเห็นใจมาก)เช่น ค่ารักษาพยาบาลต้องใช้ประกันสังคม , ออกจากงานไม่มีทั้งบำเหน็จและบำนาญ

ที่ผ่านมาจนถึงปัจจุบัน กพ., กรมบัญชีกลาง จึงมองลูกจ้างประจำเงินงบประมาณเป็นบุคลากรชั้น2 ของระบบราชการ

( คงมองว่ามีคุณค่า และประโยชน์ด้อยกว่าข้าราชการ ไม่สมควรมีสิทธิประโยชน์ต่างๆเท่าเทียมข้าราชการ ที่ยอมให้เป็นคนของราชการก็นับว่าดีแล้ว ...ประโยคท้ายนี้ผมคิดเองนะ)

ระเบียบต่างๆ หรือสิทธิประโยชน์ต่างๆมักจะออกมาเพื่อเอื้อประโยชน์ไปที่ข้าราชการ การกำหนดค่าตอบแทนต่างๆจึงเป็นตำแหน่งตามข้าราชการเป็นหลัก

ปัญหานี้เป็นปัญหาใหญ่ ต้องปรับแนวคิดหรือมุมมองของผู้บริหารบุคลากรภาครัฐใหม่...เรื่องนี้ยังไม่รวมลูกจ้างประจำที่ไปทำงานต่างๆเช่นเดียวกับข้าราชการด้วย...คิดแล้วยุ่งกันใหญ่...เฮ้อออ เหนื่อย..แต่ไงโอกาสหน้าคงต้องผลักดันกันบ้าง

ฝากความคิดถึงไปยัง 4/น ขอให้หายป่วยเร็วๆ

.............ม2ท

ข่าวล่า...มาเร็ว............สดๆๆจาก ที.วี.

ต้องช่วยกัน ไชโย้ เสียงดังๆแล้วพวกเรา.....................

ครม. ผ่านร่างระเบียบกระทรวงการคลังฯ เรื่องบำนาญลูกจ้างแล้ว....

พวกเราชาวลูกจ้างประจำเงินงบประมาณ ฯ มีสิทธิเลือกรับบำนาญได้แล้วค้าบบบบ....

...........ม2ท

ไชๆๆๆโยๆๆๆ ดีใจจัง ดีใจสุดๆ ครับผมมมมมมมมมมม

ขอบคุณ ...........ม2ท

สำหรับการ Up Date ข่าวล่าสุดๆ ดีใจมากๆ รอมานานแล้ว ... ( ชัวร์แน่นอนแล้วใช่มั้ยครับ )

ความฝันของลูกจ้างประจำเป็นจริงแล้วผ่านมติ ครม.แล้ว ขอให้ทุกคน ฝันอีกต่อไปในสิ่งที่เราต้องการ

ลูกจ้างหน่วยงานราชการเฮ!! ครม.อนุมัติสิทธิรับเงินบำนาญ

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 25 สิงหาคม 2552 15:03 น.

ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีเห็นชอบให้ลูกจ้างประจำของหน่วยงานราชการ ได้รับสิทธิของเงินบำนาญ

คิดว่าชัวร์ครับ......ได้ให้คน..เฝ้าจอทีวีไว้ทั้งวัน

ได้โทรฯมาแจ้งและแสดงความยินดี..เมื่อตอน 15.10 น.

ว่าข่าวต้น ชั่วโมง ช่อง 7 สี.....ได้รายงานข่าวว่า

รัฐบาลได้ให้ลูกจ้างประจำ รับบำนาญได้แล้ว.........

ผมเองยังไม่มีโอกาสเช็คข่ายด้วยตนเองเลย

ยังไงพวกเราลองติดตามข่าวเพื่อความชัวร์...ด้วยตนเอง..อีกครั้งนะครับ

แล้วช่วยยืนยันด้วยนะครับ..........

( วันนี้ต้องเข้าอบรมทั้งวันน่ะครับ ทราบข่าวตรงกับเบรคพอดี ก็รีบแว่บมาPOST )

..................ม2ท

ดีใจแก่ลุง+ป้าที่จะเกษียณปีนี้ เดี๋ยวช่วยโต๊ะจีน1โต๊ะ

ขอบคุณ ...........ม2ท อีกครั้งตรับสำหรับข้อมูล

ผมนั่งเฝ้าช่องหอยม่วง (สทท 11 หรือ NBT เดิมไม่มีข่าวเลย ณ ตอนนี้ ) แต่ค้นหาข่าว ON Line ได้เห็นข่าวของ ASTVผู้จัดการออนไลน์ 25 สิงหาคม 2552 15:03 น เลยเก็บมาฝาก ชัวร์แน่นอนตามที่ ...........ม2ท แจ้งข่าวให้เพื่อนๆทราบ

ลูกจ้างหน่วยงานราชการเฮ!! ครม.อนุมัติสิทธิรับเงินบำนาญ

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 25 สิงหาคม 2552 15:03 น.

ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีเห็นชอบให้ลูกจ้างประจำของหน่วยงานราชการ ได้รับสิทธิของเงินบำนาญ

เป็นเรื่องที่น่ายินดีที่สุดในรอบปี 52 และตลอดเวลาที่รับราชการเป็นลูกจ้างประจำมา ขอขอบคุณรัฐบาลและสมาคมลูกจ้างฯและเพื่อนพ้องน้องพี่ชาวลูกจ้างฯทุกท่านที่ร่วมต่อสู้กันเป็นเวลาอันยาวนาน เพื่อสิทธิประโยชน์อันชอบธรรมของพวกเรา ขอบคุณมากๆ ขอคารวะด้วยหัวใจอันเต็มเปี่ยม อนาคตคงมีเงินกินยามแก่ชราแล้วพวกเรา ไม่ต้องตกเป็นภาระของสังคม

จะทำงานรับใช้แผ่นดินของพ่อหลวงแห่งปวงไทยตราบชีวิตจะหาไม่

เอามาฝากให้เพื่อนๆลูกจ้างประจำทุกคน...

ที่ประชุม ครม.เห็นชอบเปลี่ยนบำเหน็จเป็นบำนาญ ให้ลูกจ้างทั่วประเทศ หากเกษียณ รับบำนาญรายเดือน คนละ 9,800 บาทต่อเดือน แต่ต้องรับหน้าที่ราชการไม่น้อยกว่า 25 ปี เผย ปีแรกใช้เงิน 1 พันล้านบาท ให้ลูกจ้างเกษียณ 6 พันคน

วันนี้ (25 ส.ค.) นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี แถลงภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า ครม.เห็นชอบกรณีของลูกจ้างประจำในหน่วยงานราชการทั่วประเทศ ซึ่งได้เคยมีการเรียกร้องในเรื่องของสิทธิประโยชน์เกี่ยวกับบำนาญ ก็จะได้รับบำนาญตามข้อเสนอของกระทรวงการคลัง

นายกรณ์ จาติกวณิช รมว.คลัง กล่าวว่า งบประมาณปีละ 3 พันล้าน ที่จะให้กับลูกจ้างประจำของหน่วยงานราชการ กระทรวงการคลัง สามารถรองรับได้ เพราะจะเป็นสวัสดิการที่ยุติธรรมกับลูกจ้างประจำ ในเกณฑ์ที่รับหน้าที่เกินกว่า 25 ปี ทั้งนี้ งบประมาณในปีแรกจะใช้ 1 พันล้านบาท โดยปีแรกมีผู้เกษียณอายุ 6 พันคน

ปัจจุบันลูกจ้างประจำของทางราชการ มีจำนวน 205,478 คน จะออกจากราชการเมื่ออายุ 60 ปี ประมาณปีละ 8,660 คน โดยมีสิทธิ์ได้รับบำนาญรายเดือนปีละ 6,260 คน เฉลี่ยเงินบำนาญรายเดือนคนละ 9,800 บาทต่อเดือน จะใช้เงินงบประมาณปีละ 6,001 ล้านบาท สำหรับภาระการคลังในระยะยาว ซึ่งประเมินจากลูกจ้างประจำกลุ่มสุดท้ายที่จะออกจากราชการในปี พ.ศ.2576 และใช้อายุเฉลี่ยของประชากรไทยที่อายุ 80 ปีแล้ว ภาระงบประมาณรายเดือนต้องจ่ายสำหรับกลุ่มสุดท้ายจะสิ้นสุดประมาณในปี พ.ศ.2595 รวมระยะเวลา 43 ปี ซึ่งคาดว่าจะใช้เงินงบประมาณสำหรับ 43 ปี รวมทั้งสิ้น 275,846 ล้านบาท

นายวัชระ กรรณิการ์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ค่าใช้จ่ายเบื้องต้นประมาณปีละ 6 พันล้านบาทนั้น รมว.คลัง แจ้งในที่ประชุมว่า ปีแรกๆ อาจจะไม่ต้องใช้เงินมากขนาดนี้ เพราะลูกจ้างประจำจะไม่มีการรับเพิ่มอีก และเปลี่ยนจากลูกจ้างประจำรายเดือน

ทั้งนี้ นายกฯ ยังสอบถามว่า ร่างฉบันนี้จะซ้ำซ้อนกับกฎหมายบำเหน็จบำนาญของข้าราชการหรือไม่ ซึ่งเลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกา แจ้งว้า กฎหมายเป็นคนฉบับไม่เกี่ยวกับลูกจ้างประจำ จึงสามารถทำได้ ซึ่งนายกฯ สอบถามว่า ทำไมถึงใช้คำว่ารายเดือน ซึ่งไม่ต้องการที่จะให้ซ้ำซ้อนกับบำเหน็จรายเดือนของข้าราชการ ดังนั้นจึงขอให้เปลี่ยนให้ใช้คำว่า บำนาญลูกจ้างแทน

สำหรับ สาระสำคัญของร่างระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยบำเหน็จลูกจ้าง (ฉบับที่ ..) พ.ศ. ....เพื่อกำหนดให้ลูกจ้างประจำมีสิทธิ์ได้รับบำเหน็จรายเดือน (บำนาญปกติที่ลูกจ้างประจำได้รับเป็นรายเดือน) และบำเหน็จพิเศษรายเดือน (บำนาญพิเศษสำหรับลูกจ้างประจำที่ได้รับอันตราย เจ็บป่วย หรือถูกประทุษร้ายจากการปฏิบัติงาน) โดยเป็นสิทธิเฉพาะตัวของลูกจ้างไม่รวมถึงบุคคลในครอบครัว เนื่องจากเห็นว่าลูกจ้างประจำมีกำหนดเวลาการปฏิบัติงานเช่นเดียวกับข้าราชการคือเกษียณอายุเมื่ออายุครบ 60 ปี ปฏิบัติงานอยู่ในระบบราชการและทำคุณประโยชน์ให้กับทางราชการคล้ายคลึงกับข้าราชการมาเป็นเวลานาน รัฐบาลจึงควรดูแลโดยให้สิทธิประโยชน์ต่างๆ ตามสมควร

ทั้งนี้ สวัสดิการต่างๆ ที่ได้รับ และควรปรับปรุงสิทธิประโยชน์ให้เพิ่มมากขึ้นเมื่อลูกจ้างประจำออกจากราชการ ซึ่งปัจจุบันเมื่อออกจากราชการจะได้รับเงินบำเหน็จในคราวเดียว ทำให้ได้รับความเดือดร้อนเนื่องจากไม่มีรายได้เป็นรายเดือน เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนในเรื่องค่าครองชีพ จึงได้แก้ไขระเบียบดังกล่าว โดยหลักการของระเบียบ คือ ลูกจ้างประจำซึ่งมีเวลาทำงานตั้งแต่ 25 ปีบริบูรณ์ขึ้นไป หรือมีสิทธิได้รับบำเหน็จพิเศษ สามารถขอรับเป็นบำเหน็จรายเดือน หรือบำเหน็จพิเศษรายเดือนแทนก็ได้ โดยไม่สามารถเปลี่ยนแปลงเมื่อเลือกขอรับอย่างใดอย่างหนึ่งไปแล้ว จะได้รับตั้งแต่ออกจากงานจนกระทั่งผู้นั้นถึงแก่ความตาย และยังกำหนดสิทธิการได้รับบำเหน็จพิเศษรายเดือนในกรณีที่ได้รับอันตราย หรือเจ็บป่วย เพราะเหตุปฏิบัติงานในหน้าที่ตามหลักเกณฑ์ที่กำหนดอีกด้วย

ที่มาของแหล่งข่าว

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 25 สิงหาคม 2552 15:33 น.

หรือ http://www.manager.co.th/Politics/ViewNews.aspx?NewsID=9520000096839

4/น......

ทราบข่าวแล้ว (แทบหายป่วยเลยล่ะ) ไว้พรุ่งนี้ ถ้าค่อยยังชั่วแล้วจะเข้ามาร่วมแชร์ความรู้สึกดีๆ..........

ขอบคุณ พี่คนหลงทาง.. พี่ ม2ท..และเจ้าของกระทู้ที่ 412 ลป.กห. ที่เป็นหว่งและส่งปรารถนาดีมาให้ ขอบคุณจริงๆ

บ้าน..โก ทู โนว์ บ้านที่พักพิงใจของพวกเรา หลังนี้ จากนี้ไปคงมีแต่ความรู้สึกอิ่มเอิมใจ มีรอยยิ้มเกลื่อนใบหน้า ขอให้มีความรักและปรารถนาดีต่อกันตลอดไป

วันนี้... วันที่จะจารึกไว้ในประวัติศาสตร์.......

ขอให้มความสุขกับวันที่รอคอยนี้..ทุกท่าน...

4/น.

ขออีกนิด..

ถึงคุณลุงนัส.. ที่เคารพ ...

4/น.คนนี้ยินดีกับลุงมากจริงๆ

จากใจ..4/น

ขอแสดงความยินดีกับลุง ๆ ป้า ๆ ที่เกษียณปีนี้จริง ๆ ครับ ..... ในที่สุดความฝันของลูกจ้างเราก็เป็นจริงจนได้ ....ขอบคุณมาก ๆ ครับสำหรับทุกท่านที่มีส่วนช่วยผลักดันเรื่องนี้

ขอแสดงความยินดีกับเพื่อนๆ ลูกจ้างประจำผู้ที่จะเกษียณในปีนี้ และผู้ที่ต้องการเปลี่ยนสายงานเพื่อความเจริญก้าวหน้าในหน้าที่การงาน ขอให้มีความสุขกับการใช้เงินบำนาญรายเดือน ระวังดูแลรักษาสุขภาพด้วย...

กรณีลูกจ้างทำงานมาไม่ครบ 25 ปี อาจจะ 23 หรือ 24 ปี ไม่มีสิทธิ์ได้รับบำนาญตัวนี้ใช่หรือไม่

ลูก ของลูกจ้าง และเคยเป็นข้าราชการ

ผมดีใจมากแทนพ่อของผม ซึ่งตอนนี้ท่านป่วยอยู่

พ่อผม ทราบ ข่าวแล้วท่านก็ ดีใจมาก เหมือนกัน

พ่อผมทำงานรับใช้แผ่นดิน รักในหลวงมาก

ทำงานด้วยความ ซื่อตรง ขยันขันแข็ง มาตลอด

ช่วยเหลือผู้อื่นมาตลอด คุณความดีของพ่อผม

ประกอบ ความ มุ่งมั่นของคุณ ลุง ๆ ที่เกี่ยวข้อง

ทุกท่าน ที่ช่วยกันในครั้งนี้ ตลอดชีวิตนี้ผมจะไม่ลืมครับ

ปีนี้พ่อจะเกษียณ แล้วครับ

ครั้งหนึ่งที่เราเคยมีใจร่วมทุกข์ต่อกัน ครั้งหนึ่งที่เราเคยร่วมคิดเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน ครั้งหนึ่งที่เราให้ความรักความเคารพกันฉันพี่น้อง ครั้งหนึ่งที่เรามอบสิ่งของรางวัลให้แก่กันด้วยการส่งข่าว ครั้งหนึ่งที่เราเคยคิดจะร่วมกันต่อสู้หากไม่เกิดผลโดย เราต่างเดินไปข้างหน้าพร้อมๆกันโดยไม่มีใครอวดใหญ่แสดงตัวเป็นพระเอก จนวันนั้นมาถึง วันที่เราต่างก็มีความสุขร่วมกันอีกครั้ง ความสุขอันยิ่งใหญ่ในชีวิตของพวกเราทุกคน ผมขอมอบน้ำตาของลูกผู้ชายที่ใหลออกมาจากความตื้นตันใจให้กับพี่น้อง ขอขอบคุณ. คุณมนูญ และทีมงานเจ้าของกระดานนี้ ขอบคุณ. คุณอรรถพล งามดี และคณะกรรมการสมาคม ขอบคุณทุกคนในคณะรัฐบาล ขอบคุณผู้หลักผู้ใหญ่ในกรมบัญชีกลางและกระทรวงการคลัง ท่านเหล่านี้ล้วนมีพระคุณที่ผมจะจดจำจนวันตาย

ครม.ไฟเขียวลูกจ้างประจำเลือกรับบำนาญแทนบำเหน็จ มีผลตั้งแต่ ก.ย.52 สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- 1 ชั่วโมง 54 นาทีที่แล้ว

นายกรณ์ จาติกวณิช รมว.คลัง เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.)มีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงการคลังเสนอในร่างแก้ไขระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยบำเหน็จลูกจ้าง(ฉบับที่..)พ.ศ... ซึ่งร่างระเบียบดังกล่าวเป็นการให้สิทธิลูกจ้างประจำสามารถเลือกรับผลตอบแทนหลังจากเกษียณอายุราชการเป็นบำเหน็จรายเดือน(บำนาญ)แทนบำเหน็จที่เป็นเงินก้อนได้ ผู้ที่ได้รับสิทธิ์ จะต้องเป็นลูกจ้างประจำที่มีอายุการทำงานมากกว่า 25 ปีขึ้นไป โดยรัฐบาลสามารถจ่ายเงินบำนาญรายเดือนให้กับลูกจ้างประจำที่เกษียณอายุในปีงบประมาณ 2552 ที่มีอยู่จำนวน 8,640 ราย ได้ทันที โดยใช้งบประมาณเพิ่มเติมจากงบในการจ่ายเบี้ยบำเหน็จให้กับลูกจ้างประจำเป็นเงินก้อนทั้งสิ้น 3,000 ล้านบาท ปัจจุบันลูกจ้างประจำของทางราชการ มีจำนวน 205,478 คน จะออกจากราชการเมื่ออายุ 60 ปี ประมาณปีละ 8,660 คน โดยมีสิทธิได้รับบำเหน็จรายเดือนปีละ 6,260 คน เฉลี่ยเงินบำเหน็จรายเดือนคนละ 9,800 บาทต่อเดือน จะใช้เงินงบประมาณปีละ 6,001 ล้านบาท สำหรับภาระการคลังในระยะยาว ซึ่งประเมินจากลูกจ้างประจำกลุ่มสุดท้ายที่จะออกจากราชการในปี พ.ศ. 2576 และใช้อายุเฉลี่ยของประชากรไทยที่อายุ 80 ปีแล้ว ภาระงบประมาณรายเดือนต้องจ่ายสำหรับกลุ่มสุดท้ายจะสิ้นสุดประมาณในปี พ.ศ.2595 รวมระยะเวลา 43 ปี ซึ่งคาดว่าจะใช้เงินงบประมาณสำหรับ 43 ปี รวมทั้งสิ้น 275,846 ล้านบาท ที่มาของแหล่งข่าว : http://www.ryt9.com/s/iq03/635025/

....................................................

วันที่ 25 สิงหาคม พ.ศ. 2552 เวลา 17:13:52 น. ประชาชาติธุรกิจออนไลน์ [อ่านล่าสุด 23 คน]

มติครม.25ส.ค.ที่น่าสนใจ จ่ายบำนาญลูกจ้าง 2 แสนคน 2.58แสนล้าน การประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 25 ส.ค. 2552 มีวาระเพื่อพิจารณา รับทราบ รวมทั้งสิ้น 56 วาระ ตามที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี และคณะโฆษก-รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงดังนี้ @จ่ายบำนาญลูกจ้างประจำ 2 แสนคน 2.58 แสนล้าน นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ครม.เห็นชอบร่างระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยบำเหน็จลูกจ้าง (ฉบับที่ ..)พ.ศ... ซึ่งเป็นมาตรการช่วยเหลือลูกจ้างประจำของส่วนราชการที่เคยเรียกร้องสิทธิประโยชน์การขอรับบำนาญตามข้อเสนอของนายกรณ์ จากติกวณิช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง การอนุมัติในครั้งนี้จะมีผลต่อลูกจ้างประจำที่จะเกษียณอายุในสิ้นปีงบประมาณ 2552 นี้ จำนวน 200,000 คน จะได้รับความมั่นคงในชีวิต และสามารถจะเลือกรับบำนาญได้ ตามเดิมที่รับบำเหน็จได้ก้อนเดียว ซึ่งจะทำให้ต้องใช้งบประมาณเพิ่มขึ้นต่อเนื่องปีละ 3,000 ล้านบาท จากภาระที่ต้องจ่ายค่าบำเหน็จอยู่แล้ว โดยสิทธิประโยชน์นี้จะให้กับลูกจ้างประจำที่ทำงานมาเกินกว่า 25 ปี ส่วนปีงบประมาณ 2553 ได้ตั้งเงินไว้ 3,000 ล้านบาทในรูปบำเหน็จแต่ก็เพียงพอเพราะบางรายจะรับเป็นบำนาญ โดยครม.ให้ใช้คำว่า “บำนาญ” โดยร่างระเบียบฉบับนี้จะไม่ซ้ำซ้อนกับกฎหมายบำเหน็จบำนาญของข้าราชการ ส่วนค่าใช้จ่ายที่รัฐบาลต้องนำมาดำเนินการจ่ายเงินบำนาญให้กับลูกจ้างประจำทั้งในส่วนของเงินบำเหน็จและเงินบำนาญ จะมีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น 275,846 ล้านบาท ภายในระยะเวลา 43 ปี โดยประมาณจากอายุเฉลี่ยคนไทยที่มีอายุ 80 ปี ซึ่งลูกจ้างประจำกลุ่มสุดท้ายออกจากราชการในปี 2576 และถึงแก่ความตายในปี 2595 แต่เมื่อลูกจ้างประจำมีสิทธิ์ได้รับบำนาญแล้ว จะทำให้รับประหยัดงบประมาณในการจ่ายเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุรายละ 500 บาทต่อเดือน ให้แก่ลูกจ้างประจำกลุ่มดังกล่าวได้ประมาณ 17,823 ล้านบาท คงเหลือค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นจริงประมาณ 258,023 ล้านบาท โดยการจ่ายเงินช่วง 4 ปีแรกจะมีค่าใช้จ่ายที่ลดลง เนื่องจากลูกจ้างประจำสามารถเลือกรับบำนาญแทนการจ่ายบำเหน็จปกติทั้งก้อนได้ ส่วนการจ่ายเงินตั้งแต่ปีที่ 5 ถึงปีที่ 9 จะเพิ่มขึ้นประมาณปีละ 417 ล้านบาท 1,115 ล้านบาท 1,812 ล้านบาท 2,509 ล้านบาท และ 3,207 ล้านบาท ตามลำดับ และจะเพิ่มสูงขึ้นในปีต่อๆ ไป จนถึงปี 2577 และเริ่มลดลงเรื่อย ๆจนถึงปี 2595 และเริ่มลดลงเรื่อย ๆ จนถึง 2595 ซึ่งเป็นปีที่ลูกจ้างประจำกลุ่มสุดท้ายเสียชีวิต รวมระยะเวลา 43 ปี และมีค่าใช้จ่ายรวมทั้งสิ้นเพิ่มขึ้นประมาณ 258,023 ล้านบาท หรือคำนวณเฉลี่ยได้ปีละประมาณ 6,001 ล้านบาท

ที่มาของแหล่งข่าว : http://www.prachachat.net/news_detail.php?newsid=1251195475&grpid=03&catid=00

บอกได้คำเดียวว่า มองเห็นความมั่นคงของบั่นปลายชีวิตแล้ว ไชไชไช โยโยโย

รอคอยวันนี้มานานแล้ว ชีวิตที่เหลือจะได้มีคุณค่าอีกต่อไป ขอแสดงความยินดีกับพี่ ๆ น้อง ๆ ลูกจ้างประจำทุกท่าน ดีใจจริง ๆ

ดีใจมากๆ และดีใจแทนพี่ชาย ผมที่เกษียรปีนี้ พีผมสุขภาพไม่ค่อยดี

ต่อไปจะได้มีเงินรายเดือนมารักษาสุขภาพต่อ ดีใจที่ลุกจ้างทุกคนจะได้มีเงินใช้จ่ายในปั้นปลายชืวิต รู้สึกว่ามีความสุขจริงๆ วันนี้

คือว่า 25 ปีขึ้นไปก็หมายความว่า 25ปี พอดีก็ไม่ได้ใช่ไหมคับ

แม่ของผมเกิดปี 2499 ปัจจุบันอายุ 53 ปี อายุเกษียณคือ 60 ก็เหลืออีก 7 ปี

ทำงานเป็นลูกจ้างมา ตั้งแต่ปี 2533 อยู่แผนกการเงินของกองทัพอากาศ

แต่เป็นลูกจ้างชั่วคราว 2 ปี และได้รับบรรจุเป็นลูกจ้างประจำในปี 2535

ซึ่งหมายความว่าอายุงาน ในปัจจุบันถ้านับตั้งแต่ปี 2533

จะมีอายุงานเท่ากับ 2552-2533 คือ 19 ปี ถ้าอีก 7 ปี ก็จะเป็น 26 ปี

แต่ถ้านับตั้งแต่บรรจุ 2552-2535 คือ 17 ปี ถ้าอีก 7 ปี ก็จะเป็น 24 ปี

ซึ่งถ้านับอายุงานตั้งแต่ได้รับบรรจุเป็นลูกจ้างประจำ คือปี 2535 แม่ของผมจะหมดสิทธิรับบำนาญใช่หรือไม่คับ (T-T)

ถึงคุณ 447. ภูวนาถ [IP: 124.157.134.98]

ต้อง 25 ปี 0 เดือน 0 วันขึ้นไป ถึงจะเข้าข่ายครับ

ลุงนัสรับราชการเป็นลูกจ้างประจำจนเกษียณอายุราชการเคยได้รับเครื่องราชฯมาทั้งหมด4ครั้งตั้งแต่ บ.ช.จนถึง จ.ช.เคยได้รับโล่เกียติยศและแหวนทองคำลูกจ้างประจำดีเด่นมา3ครั้งความภูมิใจและดีใจยังไม่เท่ากับครั้งนี้เพราะเมื่อก่อนลุงได้รับเพียงคนเดียวแต่ครั้งนี้พี่น้องลูกจ้างประจำจะได้รับบำนาญกันทุกท่านดีใจอย่างที่สุดลุงขอร้องให้น้องๆลูกจ้างประจำทุกท่านจงขยันทำงานและทำแต่ความดีผลแห่งความดีจะตอบสนองตัวท่านเองเหมือนกับลุงที่เคยทำมาและขอขอบพระคุณทุกๆท่านที่ให้กำลังใจและแสดงความยินดีกับผู้ที่เกษียณอายุราชการในปีนี้พร้อมกับคุณ 4/นขอให้หายป่วยเร็วๆโอกาศว่างเมื่อไหร่แวะมาเที่ยวสงขลาหาดใหญ่บ้างจะได้มีโอกาศพบปะพูดคุยกันลุงยินดีต้อนรับ

นายมนูญ บรรณวงศิลป์ กองการเจ้าหน้าที่ มหาวิทยาลัยขอนแก่น

นายกรณ์ จาติกวณิช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง แถลงผลการประชุม ครม. วันที่ 25 สิงหาคม 2552 ว่าที่ประชุม ครม. มีมติเห็นชอบร่างระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยบำเหน็จลูกจ้างประจำของส่วนราชการ ซึ่งจะส่งผลให้ลูกจ้างประจำที่มีอายุงานมากกว่า 25 ปี จำนวน 210,000 ราย สามารถเลือกขอสิทธิการรับบำเหน็จ หรือบำนาญในช่วงเกษียณอายุงานได้ เช่นเดียวกับข้าราชการ เริ่มตั้งแต่ปี 2553 สำหรับบำนาญที่จะได้รับต่อเดือนคำนวณแล้วจะอยู่ที่ประมาณ 9,800-10,000 บาท /เดือน ขอแสดงความดีใจกับลูกจ้างประจำทุกท่านด้วย และขอแสดงความยินดีและให้เคดิตกับสมาคมลูกจ้างแห่งประเทศไทย ที่มีส่วนในการผลักดันเรื่องนี้มาตลอด

ขอความชัดเจนจากท่านผู้รู้นะคะช่วยบอกทีนะคะว่าคนที่จะเกษียณในวันที่ 30 เดือนกันยายน 2552 นี้จะได้บำนาญด้วยใช่ใหมคะ และจะมีสิทธิเบิกค่ารักษาพยาบาลได้

เหมือนเดิมที่เคยได้ตอนยังทำงานอยู่ใช่ใหมคะ ท่านผู้ใดทราบขอความกรูณาตอบด้วยนะคะจะขอขอบพระคุณมากเลยค่ะ

นายมนูญ บรรณวงศิลป์ กองการเจ้าหน้าที่ มหาวิทยาลัยขอนแก่น

นายกรณ์ จาติกวณิช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง แถลงผลการประชุม ครม. วันที่ 25 สิงหาคม 2552 ว่าที่ประชุม ครม. มีมติเห็นชอบร่างระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยบำเหน็จลูกจ้างประจำของส่วนราชการ ซึ่งจะส่งผลให้ลูกจ้างประจำที่มีอายุงานมากกว่า 25 ปี จำนวน 210,000 ราย สามารถเลือกขอสิทธิการรับบำเหน็จ หรือบำนาญในช่วงเกษียณอายุงานได้ เช่นเดียวกับข้าราชการ เริ่มตั้งแต่ปี 2553 สำหรับบำนาญที่จะได้รับต่อเดือนคำนวณแล้วจะอยู่ที่ประมาณ 9,800-10,000 บาท /เดือน สำหรับสิทธิผลประโยชน์ที่เคยได้รับ หลังรับบำนาญจะได้หรือไม่ ขอดูร่างระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยบำเหน็จลูกจ้างประจำของส่วนราชการ ก่อนว่าได้กำหนดสิทธิส่วนนี้ไว้หรือไม่ ใจเย็นๆ

ลูกจ้างประจำนครพนม

กระผมขอกราบขอบพระคุณ ฯพณฯนายกรัฐมนตรี ฯพณฯรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง รัฐมนตรีช่วย และขอกราบขอบพระคุณคณะรัฐมนตรีชุดนี้เป็นอย่างมากที่เห็นความสำคัญของลูกจ้างประจำเพราะลูกจ้างประจำก็ทำงานหนักและทำงานเหมือนกับข้าราชการ และขอความอนุเคราะห์ฝากผู้ที่รับผิดชอบแก้ไขร่างระเบียบค่าเบี้ยเลี้ยงของลูกจ้างประจำด้วย ยกตัวอย่างเข่นกระผมทำงานมา 25 ปีแล้ว เมื่อไปราชการก็จะได้เบี้ยเลี้ยงเท่ากับข้าราชการระดับ 1-2 อยู่ ขอกราบขอบพระคุณอีกครั้งครับ

ผู้ช่วยเหลือคนไข้

ดีใจสุด ๆ ขอกราบขอบพระคุณทุกท่าน มีอะไรจะให้สนับสนุนส่วนไหนก็ขอให้บอกในกระทู้มานะคะ ช่วยเต็มที่คะ

คุณคนหลงทาง ข้อความ 442 ของคุณ คนพิษณุโลกอ่านแล้ว ซึ้งจนน้ำตาคลอเลย

ทุกคำพูดของคุณในกระทู้ ขอใช้ข้อความนี้มอบให้พี่น้องลูกจ้างประจำทุกท่าน ขอให้ทุกท่านมีสุขภาพแข็งแรงนะค่ะ ดีใจมาก ๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ

คุณจีจี้(ลูกจ้างประจำคนหนึ่ง)

ความเห็นที่ 425 ไม่สมควรที่จะมองแบบนั้นนะ ควรมองมุมคนอื่นบ้างไม่ใช้มองมุมตัวเองอย่างเดียวปัจจุบันลูกจ้างประจำจบปริญญาตรีเยอะแยะ ดิฉันก็จบ ป.ตรีคะ ปัจจุบันอายุ 43 ปี ด้าน IT ก็สามารถใช้งานได้ไม่ได้ด้อยไปกว่า คนที่จบ ปวช - ปวส บัญชี,การขาย,เลขา ,ช่างยนต์ , ช่างโลหะเป็นต้น) ประกาศนียบัตรต่างๆ(เช่นผู้ช่วยพยาบาล) ปริญญาตรีสาขาต่างๆ (นิติศาตร์ ,ศึกษาศาสตร์,วิศวกรรมศาตร์เป็นต้น)ที่คุณมองหรอกนะ เพราะโลกมันไร้พรมแดนแล้ว (ความเห็นของคุณที่บอกว่า กรมบัญชีกลางคงมองว่าลูกจ้างประจำมีคุณค่า และประโยชน์ด้อยกว่าข้าราชการ ไม่สมควรมีสิทธิประโยชน์ต่างๆเท่าเทียมข้าราชการ ที่ยอมให้เป็นคนของราชการก็นับว่าดีแล้ว ...ประโยคท้ายนี้ผมคิดเองนะ ถือว่าแย่มากคะ)อย่าดูถูกคนอื่นสิ ควรจะช่วยส่งเสริมจึงจะถูกเพราะแต่ละคนมีหน้าที่ความรับผิดชอบไม่ด้อยไปกว่าใคร ถ้าทุกคนรู้จักหน้าที่และความรับผิดชอบของตัวเอง

ขอขอบคุณนายกรัฐมนตรี และทุกท่านที่ได้ดำเนินการให้ลูกจ้างประจำได้รับบำนาญ อยากถามว่าถ้าลาออกก่อนจะเกษียณ จะขอรับบำนาญได้หรือไม่ ตอบด้วยคะ

ขอขอบคุณรัฐบาล และผู้เกี่ยวข้องเรื่องการอนุมัติบำนาญให้ลูกจ้างประจำทุกท่าน ดิฉันมีพ่อที่มำงานเป็นลูกจ้างประจำ พ่อทำงานงานหนักมาก ไม่ค่อยมีเวลาพักผ่อน ค่าตอบแทนก็ได้ไม่มาก แต่พอรัฐบาลอนุมัติให้เงินบำนาญกับลูกจ้างประจำ ก็ถือเป็นของขวัญชิ้นใหญ่ที่พ่อ และเพื่อนร่วมงานจะได้รับ ดิฉันเชื่อว่า ทุกท่านจะมีกำลังใจเพื่อการทำงานอีกเยอะ

เจ้าของกระทู้ที่ 425

เมื่ออ่านกระทู้ของคุณแล้ว รู้สึกว่าคุณจะเข้าใจและแปลเจตนารมณ์ของเจ้าของกระทู้ที่ 425(ม2ท)ผิดไปหรือเปล่า เราก็อ่านกระทู้นั้นหลายครั้งน่ะ แต่ก็ยังมองไม่เห็นอยู่ดีว่าเจ้าของกระทู้เขาได้แสดงกิริยา วาจา หรือข้อความใด ที่ส่อให้เห็นว่าได้ดูถูกคนอื่นออกไป แต่กลับทำให้เรามองเห็นภาพในวงกว้างและภาพโดยรวม มากกว่า

เราเองยอมรับ และหลายๆคนในกระดานแห่งนี้ก็คงคิดเหมือนกัน ว่าเจ้าของกระทู้ที่ 425 คนนี้ ค่อนข้างจะมีวิสัยทัศน์ และรอบรู้ พอตัวเลยทีเดียว

(ถ้าว่าง)ทุกท่านลองย้อนกลับไปอ่านกระทู้ที่425 อีกครั้ง แล้วลองวินิจวิเคราะห์ดูแล้วกัน

แต่ก็น่ะ หลายคนก็หลายความคิด เราไม่ว่าอะไรกัน ทุกท่านมีสิทธิ์แสดงความคิดเห็น

ที่เรามองคือความเป็นกลางต่างหาก

ขอแก้ไขเป็น คุณเจ้าของกระทู้ที่ 456

ศราวุฒิ วดีศิริศักดิ์

เรียน   ท่านอธิบดีกรมบัญชีกลาง

            ตามที่ได้มีการปรับปรุงอัตราเงินค่าจ้างลูกจ้างส่วนราชการ ประมาณเดือนตุลาคม 2550 ซึ่งได้กำหนดฐานเงินเดือนขั้งสูง-ต่ำของลูกจ้างประจำตำแหน่งต่าง ๆ นั้น เพียงแค่ปีเศษ  ส่วนใหญ่ลูกจ้างที่มีอายุงานจ้างประมาณ 20 ปีเงินเดือนก็เต็มขั้นแล้ว  ถ้าปรับแค่ 15 % ไม่ถึง 2 ปี เงินเดือนก็เต็มขั้นอีก ทั้งที่อายุราชการยังเหลืออีก 10 ปีเศษ เงินเดือนก็เต็มอีกตั้งหลายปี สำหรับเงินค่าตอบแทนพิเศษร้อยละ 2-4 นั้นก็ไม่สามารถที่จะนำมาคำนวณบำเหน็จบำนาญได้  ทางที่ดีควรที่จะขยายฐานเงินเดือนไว้รองรับอนาคตข้างหน้ามากกว่านี้  ซึ่งอันที่จริงเมื่อเงินเดือนเต็มขั้นก็ได้ 2-4 % รัฐก้ต้องจ่ายเงินให้อยู่แล้ว แต่เงินนี้ก็ไม่เท่ากันในแต่ละครั้งที่มีการปรับปรุงเงินเดือน  จากสภาวะเศรษฐกิจอย่างปัจจุบันค่าครองชีพสูงเงินเดือนหมื่นเศษบ้านก็เช่า ข้าวก็ซื้อ ลูกก็เรียน ฯลฯ จิปาถะ  ทางกรมบัญชีกลางควรที่จะขยายฐานเงินเดือนให้สูงไปเลย  ไม่ใช่ปรับทีแค่ 15 % ไม่กี่ปีก็ตั้นแล้ว

ฐายเงิค่าจ้างขั้นสูง - ขั้นต่ำที่ใช้อยู่ในปัจจุบัน

1.หมวดแรงงาน ได้แก่ตำแหน่งนักการฯ ยาม คนครัว คนงาน ขั้นต่ำ 5,080 ขั้นสูง 12,440

2. หมวดกึ่งฝีมือ ได้แก่ตำแหน่ง พี่เลี้ยง พนักงานพนักงานเข้าและเย็บเล่ม พนักงานบริการอัดสำเนาบริการ หัวหน้าหมวดสถานที่ หัวหน้าคนครัว ขั้นต่ำ 5,080 ขั้นสูง 14,140

3. หมวดฝีมือ ได้แก่ตำแหน่ง พนักงานขับรถยนต์ ช่างไม้ (1) ขั้นต่ำ 5,080 ขั้นสูง 15,260

4. หมวดฝีมือพิเศษระดับต้น ได้แก่ตำแหน่ง หัวหน้าหมวดรถยนต์ ช่างครุภัณฑ์ ชั้น 3 ช่างไม้ ชั้น 3 ขั้นต่ำ 6,470 ขั้นสูง 18,190

5. หมวดฝีมือพิเศษระดับกลาง ได้แก่ตำแหน่ง ผู้สอนช่างประดิษฐ์ดอกไม้และผลิตภัณฑ์ผ้า ขั้นต่ำ 7,170 ขั้นสูง 22,220

   แต่ก๊ต้องขอบพระคุณที่ทางรัฐบาลได้กำหนดให้ลูกจ้างประจำได้มีบำนาญ  แต่อยากจะขอฝากเกี่ยวกับการขยายฐานเงินค่าจ้างให้มากกว่านี้  ขอบพระคุณครับ..

อยากทราบว่า คนที่เกษียณ ปีงบประมาณ 52 หรือ 53 ที่ได้บำเหน็จรายเดือน

กันแน่ งง เห็นบอกว่าจะจัดสรร งปม ปี53 ไว้ลอตแรกให้ลูกจ้างประจำอายุราชการปีงบประมาณ 52

แล้วแนะนำได้ไหมว่า จะไปดูร่างงบประมาณที่ไหน โทรไปกลุ่มงานกฎหมายและระเบียนด้านเงินเดือน ค่าจ้าง บำเหน็จบำนาญ เขาบอกว่าร่างออกประมาณ 90 วัน และ มีแต่ ข่าวในทีวีว่า ได้สิทธิค่ารักษาพยาบาล แต่โทรไปใน ฝ่ายกฎหมายบอกว่า ไม่มีค่ารักษาให้ ตอนนี้อยากได้ข้อมูลที่แท้จริง โทรถามฝ่ายเบิกเงินเดือน ค่าจ้าง บำเหน็จ บำนาญ ในกรมบัญชีกลางยังไม่รู้เรี่องนี้ บำเหน็จรายเดือนเลย

ตลกดีนะ ข่าว ก้อหรือข่าว จริง เอาแน่เอานอน ไม่ได้ พุทธธัง อนิจัง

****** ที่ลุ้น มากมาย เพราะว่า จะเกษียณ ปี งบประมาณ 52*******

ได้หรือไม่ได้ตอบที่

ท่านคุณมนูญ บรรณวงศิลป์

แต่อย่างไร ขอบคุณท่านที่ต่อสู้ให้ลูกจ้างประจำอย่างสูง ไม่ต้องเป็น สีแดง สีเหลือง หรอก ต่อสู้แบบนี้ ซิ Hero man

ลูกจ้างประจำกรมอุทยานฯ

ท่านกรณ์ และท่านอธิบดีกรมบัญชีกลางคงไม่ใจดำหรอกเพราะข่าวก็ออกไปทางสื่อหมดแล้ว ท่านคงรู้ดีว่าพวกเราลำบาก กะอีแค่เงินบำเหน็จแล้วเอามาแบ่งจ่ายให้เราเป็นรายเดือนให้ดูเหมือนบำนาญน่ะมันคงไม่ใช่อย่างนั้นหรอก ถ้าเป็นอย่างนั้นก็เหมือนนิทานหลอกเด็กมันจะมีประโยชน์อะไร ใช่มั้ย ถ้าไม่มีสวัสดิการค่ารักษาพยาบาลมันก็ไม่มีอะไรใหม่สิคะลองคิดดู แล้วถ้าท่าน รมต. และ อด.กรมบัญชีกลางทำอย่างนั้นท่านจะทำไปทำไมเสียเวลาท่านน่ะแล้วก็ไม่เห็นมีอะไรดีขึ้นมา เอาเถอะอย่างน้อยสวัสดิการค่ารักษาพยาบาลนี่แหละคือหัวใจสำคัญใช่มั้ยที่พวกเราต้องการเรียกร้องมานาน ไม่ใช่เอาเงินก้อนบำเหน็จของพวกเรามาจ่ายเป็นเดือนหรอกน่า

รออีกซักนิดนะเราคงได้คำตอบที่ดี

ลูกจ้างประจำกรมอุทยานฯ

ความจริงสวัสดิการหากให้แต่ตัวลูกจ้างเราว่าไม่น่านะเพราะหากมาคิดดูอายุของลูกจ้างเกษียณก็ 60 หากมีพ่อแม่ที่ต้องดูแล ก็อายุเยอะแล้วอย่างน้อยก็เกิน 80 คงไม่เป็นภาระให้หลวงมากมายนักหรอกนะ

คุณ ม2ท กล่าวได้ชัดเจนดีแล้ว คุณจีจี้ กรุณาอ่านให้ครบทุกข้อความแล้วค่อยตีความพวกเราได้แสดงความคิดเห็นในกระดานนี้บ่อย ๆ และมักจะเห็นชอบกับกระทู้ของคุณ ม2ท เนื่องจากแนวคิดของท่านมีหลักการและเหตุผลที่สามารถหักล้างกันได้ อย่าน้อยใจไปนะ คุณ ม2ท

ใจเย็นๆครับพี่ๆ เดี๋ยวก็รู้หลักเกณฑ์ในการคิดบำนาญและสวัสดิการต่างๆ ขอให้รออย่างมีความสุขดีกว่า ถ้าเราคิดรายละเอียดไปกันมากเดี๋ยวจะโดนว่าได้คืบจะเอาศอก ช่วงนี้ผมว่าคงไม่มีใครมีความสุขและกินอิ่มนอนหลับเกินลุง+ป้าที่เกษียณปีนี้หรอก

ลูกจ้างประจำอุบลฯ สพท.

เพื่อน ร่วมอาชีพลูกจ้างประจำทุกท่านครับ

ร่างระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยบำเหน็จลูกจ้าง (ฉบับที่..) พ.ศ.

ที่คณะรัฐมนตรีให้ความเห็นชอบให้ลูกจ้างประจำได้รับบำเหน็จรายเดือนหรือ

บำเหน็จพิเศษรายเดือน วันที่ ๒๕ สิงหาคม ๒๕๕๒ เป็นการปรับปรุงแก้ไข

ระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยบำเหน็จลูกจ้าง พ.ศ. ๒๕๑๙ สาระมีดังนี้

ผู้มีสิทธิรับบำเหน็จรายเดือน

๑. ลูกจ้างประจำที่รับราชการมาตั้งแต่ ๒๕ ปีบริบูรณ์ขึ้นไป

๒. คำนวณจากค่าจ้างเดือนสุดท้าย คูณด้วยจำนวนเดือนที่ทำงาน หารสิบสอง

ผลลัพธ์เป็นเท่าใดให้หารด้วยห้าสิบ

ผู้มีสิทธิรับบำเหน็จพิเศษรายเดือน(พิการและทุพพลภาพจากการปฏิบัติหน้าที่)

๑. ในเวลาปกติ ให้คำนวณจาก ๖ ถึง ๒๔ เท่าของค่าจ้างเดือนสุดท้าย

ผลลัพธ์เป็นเท่าใดให้หารด้วยห้าสิบ

๒. ในเวลาที่มีการรบ,ประกาศกฎอัยการศึกและสถานการณ์ฉุกเฉิน ให้คำนวณ

จาก ๓๖ ถึง ๔๒ เท่าของค่าจ้างเดือนสุดท้าย ผลลัพธ์เป็นเท่าใดให้หารด้วยห้าสิบ

บทเฉพาะกาล ลูกจ้างประจำที่รับบำเหน็จปกติ ไปแล้วสามารถเปลี่ยนเป็น

บำเหน็จรายเดือนหรือบำเหน็จพิเศษรายเดือนได้ โดยการนำเงินบำเหน็จปกติ

ที่รับไปแล้วมาคืนส่วนราชการเจ้าสังกัดทั้งจำนวน ภายใน ๙๐ วันนับแต่วันที่

ระเบียบนี้มีผลใช้บังคับ

สำหรับระเบียบกระทรวงการคลังฯ ฉบับจริง กระทรวงการคลังจะแจ้งให้

ทุกส่วนราชการทราบเป็นหนังสือราชการต่อไป

ใครทราบเบอร์โทรสมาคมลูกจ้างประจำแห่งประเทศไทยบ้างครับ กรูณาช่วยตอบทีครับฝามมาที่เมลผมเลยนะครับอยากได้เพื่อหารือเรื่องขยายฐานเงินเดือนลูกจ้างประจำครับ [email protected]

คนที่พ่อเกษียณปีนี้

ถ้าเป็นไปได้เรื่องสิทธิการรักษาพยาบาล อยากให้ผ่านด้วยค่ะ เพราะว่าลูกจ้างประจำก็มีเป็นส่วนน้อยแล้ว สมัยนี้ตำแหน่งลูกจ้างประจำปรับเป็นพนักงานราชการหมดแล้ว คนเกษียณวัย 60 มองสุขภาพเป็นส่วนสำคัญอันดับแรกนะคะ

ลูกจ้างประจำชุมพร

เห็นด้วยกับกระทู้ที่ 453 คะ เพราะเราเป็นลูกจ้างประจำที่ทำงานลักษณะเดียวกับข้าราชการเวลาไปราชการเบิกค่าเบี้ยเลี้ยงจะได้เบี้ยเลี้ยงเท่ากับข้าราชการระดับ 1-2 เหมือนกัน

ผู้ช่วยเหลือคนไข้

คุณ 456 คุณเริ่มกระทู้ครั้งแรกคุณก็มองคนโน้น คนนี้ ไม่ดีแล้ว คุณ ม2ท คุณคนนี้แหละคือ หัวเรือใหญ่ ที่พาพวกเรา ลจป. สู่ความสำเร็จในชีวิตครั้งใหญ่ ทุกคนที่คุยกันในสมาคมนี้จะรู้ดี

ลูกจ้างประจำ กรมชลประทาน

ขอขอบคุณท่าน กรณ์ และนายกรัฐมนตรี ที่เห็นใจลูกจ้างประจำ

ลูกจ้างประจำอุบลฯ สพท.

เพื่อนร่วมอาชีพครับ

ร่างระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยบำเหน็จลูกจ้าง (ฉบับที่..) พ.ศ. ได้เฉพาะ

บำนาญอย่างเดียวครับ สวัสดิการอื่นไม่มี ผมอยากจะถามเพื่อนร่วมอาชีพว่าพอใจ

หรือไม่ในการได้รับบำนาญ(ต้องรับราชการครบ ๒๕ ปี)เท่านั้น สวัสดิการไม่มี

เช่น ค่ารักษาพยาบาล,บำเหน็จตกทอด ถ้าเราเกษียณแล้วเลือกรับบำนาญ ถ้าเสีย

ชีวิตภายใน ๖ เดือน หรือ ๑ ปี จะทำให้เราเสียโอกาส ถ้าไม่มีสวัสดิการดังกล่าว

ข้างต้น เพราะ บำนาญ,ค่ารักษาพยาบาลและบำเหน็จตกทอด มันไปด้วยกัน

ขอให้พวกเราได้เตรียมเดินทางเข้ากรุงเทพฯ เพื่อขอความกรุณารัฐบาลอีกครั้งหนึ่ง

ขณะนี้รอแต่สัญญาณจากส่วนกลาง คราวนี้จะได้ทราบว่าเพื่อนร่วมอาชีพเรามี

ความจริงจังและจริงใจขนาดไหน ในการที่จะร่วมมือกันเพื่อให้ได้มาซึ่งสิ่งที่เรา

ต้องการและแจ้งว่าพร้อมทุกเมื่อ

จีรานันท์ (ลูกจ้างประจำ ม.บูรพา)

ไม่มีความคิดเห็นเลยคุณสมัย มึนตึบจะให้ทำอะไรบอกด้วยแล้วกัน

เรียน ลูกจ้างประจำอุบล ฯ สพท. และลูกจ้างประจำส่วนราชการทุกคน เราคงต้องช่วยกัน ร่วมใจเป็นหนึ่งเดียว ถึงว่าเรื่องบำนาญจะได้แล้ว แต่เรื่องสิทธิติดตามตัว ยังไม่ได้ ก็คือ ค่ารักษาพยาบาลและบำเหน็จตกทอด ผมได้สอบถาม ท่านนายกสมาคมลูกจ้างส่วนราชการแล้ว ท่านบอกได้เสนอไปทั้ง ๒ อย่าง โดยเฉพาะบำเหน็จตกทอด ได้เสนอไป ๕๐ เท่านของเงินเดือน ซึ่งถูกตัดออกไป ท่านได้เรื่องแล้ว กำลังดำเนินการเรียนผู้เกี่ยวข้อง เราต้องให้กำลังใจท่าน และคณะกรรมการ ฯ ตลอดจนผู้เกี่ยวข้อง (คุณ ม2ท, คุณไม่แสดงตน, คุณ 4/น, คุณสมัย) คงต้องเหนื่อยกันต่อไปอีก ซึ่งท่านนายกสมาคม ฯ รับปากจะรีบดำเนินการ ในทั้ง ๒ เรื่อง เพราะว่าเป็นเงินผู้เกษียณอยู่แล้ว สำหรับคนเกษียณปี 2552 ยังมีความกังวล ไม่รู้ว่าเลือกรับบำเหน็จปก หรือบำเหน็จรายเดือน ถ้าหากเลือกรับบำเหน็จรายเดือน เกิดเสียชีวิตใน 1 ปี หรือ 2 ปี ก็จะเสียโอกาสอย่างที่ลูกจ้างประจำอุบล ฯ ว่า เบอร์โทร สมาคมลูกจ้างส่วนราชการแห่งประเทศไทย 02-8345406

เรียน ท่านผู้ทราบด่วนเพื่อชี้แจงให้ชัดๆ กับลูกจ้างประจำ

1. ลูกจ้างประจำปลดเกษียณแล้วได้สวัสดิการค่ารักษาพยาบาลหรือเปล่า ?

2. ลูกจ้างประจำปลดเกษียณแล้วได้บำเหน็จตกทอดหรือเปล่า?

ถ้าข้อ 1 และข้อ 2 เราไม่ได้ พวกเราถูกหลอกซะแล้ว

ไอ้เอชักสังหรใจ

ถ้าต้องการสวัสดิการเพิ่มก็ขอเพิ่มในส่วนที่ยังขาดอยู่ เช่น

- เบี้ยเลี้ยงใช้ในการเดินทางไปราชการ

- ฐานเงินเดือนคิดใหม่ทำใหม่ได้แล้ว

เพิ่ม เงินทำงานอยู่นาน คิดแทนท่าน แทนเงินประจำตำแหน่ง หรือเงินชำนาญการ ต่าง ๆ ที่แจกให้ข้าราชการ แบ่งมาให้ ลูกจ้างประจำบ้าง เด๋อ

- โครงการจากกันด้วยดี ลูกจ้างอย่างเราก็ต้องการเหมือนกัน ณ เจ้านาย

ฝากพาเข้า กทม. ให้ด้วยผมไม่เคยมา

(บํานาญพิเศษสําหรับลูกจ้างประจําที่ได้รับอันตรายเจ็บป่วย หรือถูกประทุษร้ายจากการปฏิบัติงาน)

         ผมอ่านยกร่างในข้อความข้างต้นที่อยู่ในวงเล็บ ผม copy มาจาก คุณ 401 สมศรี ตีความให้ดี คำว่าลูกจ้างประจำที่ได้รับอันตรายเจ็บป่วย ถ้าแปลความก็น่าจะได้รับอุบัติเหตุให้เจ็บป่วย หรือประทุษร้ายถึงจะเบิกได้ ผมมันเป็นคนโง่การศึกษาน้อย การตีความอยู่ในวิถีคิดแคบๆ   แต่ผมสังหรใจชอบกล ใครก็ได้ช่วยให้ความกระจ่างในความหมายของคำที่ขีดเส้นใต้ ตัวอักษรสีแดง   ในยกร่างของกระทรวงฯ    ด้วย

 

                                   ไอ้เอ

*****ถ้ายังไม่ชัดเจนเรื่องสวัสดิการค่ารักษา และ บำเน็ญ ตกทอดจะให้ลูกจ้างประจำปลดเกษียณกันยานี้ ทำยังไง เลือกบำเหน็ด หรือ บำนาญ

แล้วถ้าเลือกบำนาญ ถ้าเกิดสวัสดิการค่ารักษาไม่ได้ ไปโรงบาลจะเอาสตังค์ที่ไหนไปให้หมอคิดกันง่ายๆ ไม่มีบำเหน็ดตกทอด ก็ตายฟรีเหมือนหมาตายตัวหนึ่งไม่มีอะไรไว้ให้ลูกหลานเลย

ทำยังงี้กับลูกจ้างประจำแบบนี้ได้ยังไง ยังงี้มันไม่ยุติธรรม

ไอ้เอ

คงต้องรอให้ระเบียบกระทรวงการคลังออกมาก่อนมั้ยคะ เพราะทุกอย่างยังไม่มีความชัดเจน พวกเราต้องการจริง ๆ ก็คือสิทธิประโยช์เดิมใช่มั้ย ส่วนบำเหน็จตกทอดก็สำคัญไม่น้อยทีเดียว ที่พวกเราต้องการบำนาญก็เพราะสิ่งนี้ใช่หรือไม่

ลูกจ้างประจำอุบลฯ สพท.

เพื่อนร่วมอาชีพลูกจ้างประจำครับ

ขณะนี้ ตัวแทนและกรรมการสมาคมลูกจ้างส่วนราชการแห่งประเทศไทย กำลัง

ประสานขอเข้าพบรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เพื่อขอให้เพิ่มเติมในระเบียบ

กระทรวงการคลังว่าด้วยบำเหน็จลูกจ้าง (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๒ ให้เพิ่ม

บำเหน็จตกทอดลงไปในระเบียบเพื่อเป็นหลักประกันความมั่นคง เพราะลำพังบำนาญ

อย่างเดียวไม่มีความมั่นคง ตัวอย่างถ้าเสียชีวิตหลังจากเกษียณภายใน ๑ หรือ ๒

เดือน ก็จะได้เฉพาะบำเหน็จรายเดือนแค่ ๑ หรือ ๒ เดือนเท่านั้น ในส่วนที่เหลือ

รัฐบาลก็เรียกคืน สมมติว่าถ้ารับบำเหน็จปกติได้ ๖๐๐,๐๐๐ บาท แต่ถ้าเลือกรับ

บำเหน็จรายเดือน ถ้าเสียชีวิตภายใน ๑ หรือ ๒ เดือนก็จะได้เงินเท่านั้นและอีก

๕ แสนกว่ารัฐบาลก็เรียกคืน ถ้ารัฐบาลไม่เพิ่มบำเหน็จตกทอด ก็ถือว่าไม่เป็นการ

ช่วยเหลือลูกจ้างประจำ แต่เป็นการซ้ำเติมลูกจ้างประจำ เพราะระเบียบดังกล่าว

จะนำเข้าที่ประชุมครม.ในวันทีอังคารที่จะถึงนี้ หลังจากนั้นประกาศใช้เลย

ที่ผ่านมาถือว่าที่ประชุมครม.อนุมัติในหลักการ ต้องรอฟังข่าวจากท่าน

นายกอรรถพล งามดีและกรรมการสมาคมฯอีกครั้งหนึ่ง

คุณภูวนาท(447) ครับ..........

ผมคิดว่าคุณแม่ของคุณ มีสิทธิเลือกรับบำนาญได้ครับ ลองดูข้อมูลย้อนหลังในเว็บนี้ดูนะครับ คุณ 4/น ได้เคยนำมาแสดงไว้แล้ว

กรณีการขอรับบำนาญเมื่ออายุราชการยังไม่ครบ 25 ปีนั้น เพื่อเปิดโอกาสให้ผู้ที่เข้ารับราชการเมื่ออายุมากแล้วและอยู่จนเกษียณ และเปิดโอกาสให้ผู้ที่เจ็บป่วยและจำเป็นต้องออกจากงานก่อนอายุราชการครบ 25 ปี เลือกรับบำนาญได้ครับครับ

คุณไอ้เอ (478)ครับ.................

การรับบำนาญพิเศษกรณีเจ็บป่วย เป็นการเปิดโอกาสให้ลูกจ้าง ที่จำเป็นต้องออกจากงานเนื่องจากเจ็บป่วยจากการทำงานได้มีโอกาสรับบำนาญได้ ทั้งที่อายุราชการยังไม่ถึง 25 ปีครับ ไม่มีวาระแอบแฝงอะไรครับ สบายใจได้............ม2ท

คุณจีจี้ (456) ครับ............

ที่ผมแสดงความเห็นมานั้นไม่ได้มีเจตนาดูถูกพวกเรานะครับ ผมเพียงแต่อ้างอิงตามหลักการบริหารบุคคลภาครัฐ เกี่ยวกับคุณสมบัติประจำตำแหน่งและการเข้าสู่ตำแหน่งนะครับ

มุมมองต่างๆที่ผมอ้างอิงในกระทู้นั้น ถ้าคุณอ่านให้ดีๆ จะเห็นว่ามันไม่ใช่มุมมองของผมนะครับ ผมประเมินว่ามันเป็นมุมมองของผู้มีอำนาจในการบริหารงานบุคคลภาครัฐมองพวกเรานะครับ พวกเราจึงได้รับการปฏิบัติดังที่ผ่านมาในอดีต แต่นับตั้งแต่ 25 ส.ค.2552 ที่ผ่านมานี้ ผู้บริหารได้ปรับเปลี่ยนมุมมองพวกเราดีขึ้นแล้ว อนาคตของพวกเราดูสดใสขึ้น

ถ้าคุณ จีจี้ ได้มีโอกาสได้อ่านกระทู้ความคิดเห็นต่างๆ ของผมผ่านเว็บนี้ คงจะเข้าใจผมดีครับ ผมเองก็คงเช่นเดียวกับคุณและเพื่อนๆลูกจ้างนั่นแหละ ความรู้สึกไม่ได้รับความเป็นธรรมฝังอยู่ในใจตลอดมา พวกเราทำงานกันหนัก ใช้ความรู้ ความสามารถมากกว่าค่าตอบแทนกันมานานแล้ว บางคนมีความสามารถมากกว่าข้าราชการเสียอีก

กระทู้ที่ผมแสดงความคิดเห็น คุณผู้ช่วยเหลือคนไข้ ได้แสดงความสงสัยมา เรื่องไม่ได้รับค่าตอบแทนพิเศษ สำหรับเจ้าหน้าที่ในโรงพยาบาลชุมชน เหมือนข้าราชการคนอื่นๆในโรงพยาบาล เพราะสาเหตุ กระทรวงสาธารณสุข ให้ค่าตอบแทนเฉพาะตำแหน่งทุกตำแหน่ง ที่เป็นตำแหน่งที่เป็นของข้าราชการ แต่ตำแหน่งของลูกจ้าง (เช่นเหลือผู้ป่วย,เวรเปล,พนักงานขับรถ)ทำงานในโรงพยาบาลเหมือนกันกลับไม่ได้ค่าตอบแทนพิเศษ

เท่านี้ก่อนนะครับ โอกาสหน้าเรามาแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันอีกนะครับ ผมดีใจครับที่พวกเราลูกจ้าง เต็มไปด้วยผู้มีความสามารถ มีคุณภาพ สู้เขาได้ ไม่อายใคร

.................ม2ท

ผมบรรจุตั้งแต่ปี20 จะเกษียน61 เงื่อนไขเข้ารับบำนาญแน่นอนแต่อยากถามว่า(เงินเดือนตันมา5ปีแล้ว)

ถ้า ผมรับบำนาญแล้วเสียชีวิต ทายาทจะได้รับ30เดือนเหมือนข้าราชการไหม

ขอบคุณ

จริงๆแล้ว 4/น เองก็ตั้งใจไว้ว่าจะรอดูหนังสือเวียนจากกระทรางการคลังดูก่อน ว่ารายละเอียดเป็นอย่างไรกันแน่ (เหมือนที่คุณสาวน้อยว่า) แต่ก็มีเพื่อนๆพี่ๆน้องๆของเราหลายท่านได้โพสต์ตั้งข้อสังเกตกันเข้ามามากมาย (ซึ่งเป็นที่น่าชื่นชมยิ่ง เพราะทุกท่านดูมีความกระตือรือล้นดีจัง)

แต่ถ้าหากข้อเท็จจริงเป็นอย่างที่พวกเรารับทราบข้อมูลกันอยู่ในขณะนี้ ว่าเรามีสิทธิรับได้เฉพาะ บำนาญ ส่วนสวัสดิการค่ารักษาพยาบาล เงินบำเหน็จตกทอด ไม่ได้

ในความเห็นของ 4/น รู้สึกว่ามันออกจะเป็นระเบียบที่ค่อนข้างแปลกแหวกแนวธรรมเนียมปฏิบัติอยู่กระไรชอบกล(เมื่อเทียบเคียงจากของข้าราชการเขา)

ทั้งนี้ ทั้งนั้น เราก็ต้องอดใจรอดูท่าทีของทางสมาคมฯก่อนด้วย ทราบว่าท่านเองก็กำลังติดตามเรื่องนี้ให้พวกเราอยู่ ขอยกร่างฯไปแล้ว ทำไมถึงถูกตัด คงมีเหตุผลมาอธิบายให้พวกเราได้ทราบต่อไป

ต้องขอความเห็นจากผู้ใหญ่ในกระดาน พี่ ม2ท พี่คนหลงทาง คุณสมศรี คุณสาวน้อย คุณสมัย คุณเอ ครูฝึกกรมพัฒ ลปจ.กห. เพื่อนพี่น้องที่รักทุกท่าน..เมื่อได้ข้อสรุปที่ชัดเจน และแน่นอนแล้ว เราค่อยมากำหนดท่าที ว่าจะเดินหน้ากันต่อไปอย่างไรดีไหม ขอความกรุณาทุกท่านช่วยโพสต์ความคิดเห็นเข้ามา เราจะได้ช่วยกันออกความคิดเห็น

4/น ขอนุญาตไปปฎิบัติหน้าที่แห่งเกียรติยศ หลายวัน แล้วจะรีบแวะมา

ถึง..พี่คนหลงทาง...ตกลงพี่ไปกรมฯหรือเปล่า เสื้อสีขาวสวยดีน่ะพี่ สท.ของ4/น เพิ่งได้รับวันนี้ ปัญหาตามมาคือ หลายท่านไม่ได้ตามที่สั่งไป ก็เกิดความวุ่นวายประมาณกับที่เกิดอยู่กระดานกรมนั่นแหละ... (ไม่รู้สิ จะขำก็ขำไม่ออก..)

พี่ที่ทำงานเล่าให้ฟังว่า เมื่อ คืนที่ผ่านมาได้ชมและฟังสำภาษณ์ของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ผ่านทีวีช่อง ทรูวิชั่น สรุปความได้ว่าขอให้เรื่องบำนาญ ผ่านไปก่อนเพราะต้องให้ทันผู้ทีจะเกษียณปีนี้ ส่วนเรื่องอื่นๆ (สิทธิประโยชน์อื่นๆที่สมาคมลูกจ้างร้องขอมา) ค่อยว่ากันภายหลัง

พี่เล่าต่อว่าเท่าที่ฟังดู มีกำลังใจขึ้นมาก เพราะว่าท่าทีของรัฐมนตรี ดูตอบรับและสนันสนุนเรื่องสิทธิประโยชน์ต่างๆของพวกเรามาก

ในความเห็นของผม ผมว่าการผลักดันต่างๆให้ได้ตามสิทธิแนวทางที่ 2 หรือมากกว่านั้น สมควรทำด้วยความนุ่มนวล ยังไม่ควรกดดันหรือแสดงพลัง และทำผ่านสมาคม เพราะสมาคมฯได้แสดงศักยภาพและ ความตั้งใจจริงให้เห็นแล้ว ถ้ายังล่าช้าหรือไม่ได้ผล เราค่อยแสดงพลัง (ถึงเวลานี้ผมคิดว่า ผู้มีอำนาจคงจะเห็นถึงความสามัคคีและพลังของพวกเราดีแล้ว )

ขณะนี้ท่าทีของฝ่ายรัฐ นับว่าดีมากๆ เราควรถนอมน้ำใจกัน และสิ่งที่เราร้องขอต่อไปควรต้องสมเหตุสมผล ยึดตามแนวทางที่ 2 ตามที่รัฐมนตรีเคยให้ความเห็นชอบก่อน แต่ก็สมควรต้องเร่งผลักดัน เพราะสถานการณ์ทางการเมืองขณะนี้ก็เป็นที่รู้ๆกันอยู่

ตามความเห็นของผม สิ่งที่เราจะผลักดันต่อไปคือ

1. ปรับฐานเงินเดือน 20 % (ข้อนี้ไม่ได้อยู่ในแนวทางที่ 2 แต่ควรทำก่อน เพราะเป็นประโยชน์ในปัจจุบัน ไม่ต้องรอจนเกษียณ ปัจจุบันเงินเดือนของพวกเราต่ำมาก)

2. สิทธิค่ารักษาพยาบาลหลังรับบำนาญ ( ของตนก่อน ถ้าถึง คู่สมรส ตามที่สมาคมได้ร้องขอเพิ่มเติมไปแล้ว ได้ด้วยก็ดี แต่ถ้าไม่ได้ก็ขอต่อร้องให้ใช้สิทธิส่วนเกินเท่ากับข้าราชการจากคู่สมรสได้ กรณีใช้สิทธิบัตรทอง )

3. ส่วนสิทธิประโยชน์อื่นๆ ค่าเช่าบ้าน ,ค่าเล่าเรียนบุตรหลังรับบำนาญ (คงมีผู้ใช้สิทธินี้กันน้อย) เป็นเรื่องรอง ๆ และยังรอได้ ไว้เมื่อสถานทางเศรษฐกิจดีขึ้นแล้วค่อยร้องขอภายหลัง ก็ได้

4. เรื่องแท่งเงินเดือน

(ถึงอย่างไร รัฐก็ต้องทำอยู่แล้ว เพราะขณะนี้ พวกเรายังไม่มีแท่งเงินเดือนใช้อ้างอิงเลย หากเราจะดูคงเป็นเรื่องฐานเงินเดือน และเพดานเงินเดือนที่จะกำหนดใหม่)

5. เรื่องปรับเปลี่ยนสถานภาพเป็นราชการ เรื่องปรับเปลี่ยนตำแหน่ง การปรับคุณวุฒิ เป็นเรื่องสำคัญและจำเป็นสำหรับพวกเรา แต่เป็นเรื่องใหญ่และยากมาก เพราะมันต้องเปลียนแนวคิดและปรับเปลี่ยนปรัชญาของความเป็นลูกจ้างประจำกับข้าราชการใหม่หมด ว่าเท่าเทียมกันแต่มีที่มาต่างกัน (ที่มาที่ไปและแนวคิดมันแยกและแบ่งระดับตั้งแต่ต้นแล้ว)มันเกี่ยวพันกับหลักการเข้าสู่ระบบราชการและการกำหนดและจำแนกตำแหน่งต้องว่ากันภายหลัง

ทั้งหมดนี้เป็นความเห็นของผมคนเดียวนะครับ และเสนอมาด้วยความบริสุทธิใจ ในเร็วๆนี้ ม2ท. คงได้แต่คอยเป็นกองเชียร์ เพราะจะต้องเปลี่ยนสถานภาพแล้ว ความก้าวหน้าและค่าตอบแทนอาจดีขึ้นมาก แต่ความมั่นคงเหลือนิดเดียว ทั้งนี้อยู่ที่ตัว ม2ท เองว่าจะทนแรงเสียดทานได้มากน้อยแค่ไหน

ถึงอย่างไรก็ยินดีช่วยเหลือเพื่อนๆลูกจ้างทุกอย่างเท่าที่สามารถทำได้ เพราะเข้าใจความรู้สึกของพวกเราดี ผมเคยผ่านความรู้สึกนั้นมาก่อนและความรู้สึกนั้นก้ฝังแน่นอยู่เกือบตลอดทั้งชีวิตการรับราชการเลยทีเดียว

เท่านี้ก่อนครับ........ม2ท

ความต้องการจริง ๆ ก็คือ ค่ารักษาพยาบาล กับบำนาญ แต่ได้แค่บำนาญอย่างเดียวคงไม่รับเหมือนกัน ถ้าเกิดเป็นไปอย่างที่พวกเราคิดกัน ก็ยินดีไปแสดงพลังให้ความร่วมมือเต็มที่ .......... แต่คิดว่าน่าจะลองดูท่าทีของทางสมาคม ฯ ก่อน เห็นว่ากำลังดำเนินการให้อยู่

เช่นเดียวกันครับ ผมเองก็รอฟังอยู่เหมือนกัน และที่สำคัญสาระความสำคญของร่าง เราก็ยังไม่เห็น ( รายละเอียดของร่างที่เสนอไป )ทีแรกยังเข้าใจว่าได้ตามแนวทางที่ 2 ตามที่ รมต.สมัยที่นายแพทย์สุรพงศ์ สืบวงศ์ลีได้เคยเห็นชอบเอาไว้ ขณะนี้รอฟังจากผู้รู้เช่นเดียวกัน แต่ถ้าได้เพียงบำนาญอย่างเดียวคงไม่เห็นดีด้วย..

ขอให้รอดูของจริงก่อนครับว่าเป็นอย่างไร และให้ทางสมาคมเป้นแกนนำในการต่อสู้และเรียกร้องครับ ตอนนี้คงต้องใจเย็นรอดูก่อนครับ

พี่ ๆ และเพื่อนลูกจ้างที่รักทุกท่านครับ

สรุปมติที่ประชุม ครม.เมื่อ 25 ส.ค.52 กับร่างระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยบำเหน็จลูกจ้าง (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (ไม่ได้ระบุบำเหน็จตกทอดไว้จริง)

ข่าวที่ 01/08 วันที่ 25 สิงหาคม 2552

วันนี้ เมื่อเวลา 09.00 น. ณ ห้องประชุมคณะรัฐมนตรี ชั้น 2 สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ทำเนียบรัฐบาล นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมคณะรัฐมนตรี

จากนั้น นายปณิธาน วัฒนายากร รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายศุภชัย ใจสมุทร รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายวัชระ กรรณิการ์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และนายภูมินทร์ ลีธีระประเสริฐ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ได้แถลงข่าวผลการประชุมคณะรัฐมนตรี สรุปสาระสำคัญได้ดังนี้

5. เรื่อง ร่างระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยบำเหน็จลูกจ้าง (ฉบับที่ ..) พ.ศ. ....

คณะรัฐมนตรีเห็นชอบร่างระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยบำเหน็จลูกจ้าง (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ โดยให้มีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2552 เป็นต้นไป

สาระสำคัญของเรื่อง

ร่างระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยบำเหน็จลูกจ้าง (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... เป็นการปรับปรุงแก้ไขระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยบำเหน็จลูกจ้าง พ.ศ. 2519 โดยกำหนดเพิ่มเติมให้ลูกจ้างประจำมีสิทธิได้รับบำนาญปกติและบำนาญพิเศษ แต่โดยที่การกำหนดให้เรียกชื่อเป็นบำนาญปกติและบำนาญพิเศษอาจเกิดความสับสนและซ้ำซ้อนกับข้าราชการ จึงกำหนดให้เรียกบำนาญปกติและบำนาญพิเศษเป็นบำเหน็จรายเดือนและบำเหน็จพิเศษรายเดือน โดยมีสาระสำคัญดังนี้

1. กำหนดให้ลูกจ้างประจำผู้มีสิทธิรับบำเหน็จปกติซึ่งมีเวลาทำงานตั้งแต่ยี่สิบห้าปีบริบูรณ์ขึ้นไป หรือมีสิทธิได้รับบำเหน็จพิเศษสามารถขอรับเป็นบำเหน็จรายเดือน หรือบำเหน็จพิเศษรายเดือนแทนก็ได้ ทั้งนี้ เมื่อลูกจ้างประจำได้รับเงินดังกล่าวจากส่วนราชการผู้เบิกแล้ว จะขอเปลี่ยนแปลงความประสงค์ในการขอรับอีกไม่ได้

2. กำหนดให้สิทธิในบำเหน็จรายเดือนและบำเหน็จพิเศษรายเดือนเริ่มตั้งแต่ลูกจ้างประจำออกจาก งานจนกระทั่งผู้นั้นถึงแก่ความตาย

3. กำหนดให้บำเหน็จรายเดือน คำนวณจากค่าจ้างเดือนสุดท้าย คูณด้วยจำนวนเดือนทำงานหารด้วย สิบสอง ผลลัพธ์เป็นเท่าใดให้หารด้วยห้าสิบ

4. กำหนดให้บำเหน็จพิเศษรายเดือน คำนวณโดยให้หัวหน้าส่วนราชการระดับกรม หรือเทียบเท่าเป็นผู้กำหนดตามจำนวนที่เห็นสมควรแก่เหตุการณ์ประกอบกับความพิการและทุพพลภาพของลูกจ้างประจำ ดังนี้

(1) กรณีปฏิบัติหน้าที่ในเวลาปกติ ให้คำนวณจากหกถึงยี่สิบสี่เท่าของค่าจ้างเดือนสุดท้าย ผลลัพธ์เป็นเท่าใดให้หารด้วยห้าสิบ

(2) กรณีปฏิบัติหน้าที่ตามที่กระทรวงกลาโหมกำหนดในระหว่างเวลาที่มีการรบ การสงคราม การปราบปรามจลาจล หรือในระหว่างที่มีการประกาศใช้กฎอัยการศึก หรือประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินให้คำนวณจากสามสิบหกถึงสี่สิบสองเท่าของค่าจ้างเดือนสุดท้าย ผลลัพธ์เป็นเท่าใดให้หารด้วยห้าสิบ

5. กำหนดให้ลูกจ้างประจำผู้มีสิทธิได้รับบำเหน็จปกติหรือบำเหน็จพิเศษที่มีสิทธิเปลี่ยนแปลงความประสงค์ขอรับเป็นบำเหน็จรายเดือนหรือบำเหน็จพิเศษรายเดือนได้ ที่ยังไม่ได้รับเงินบำเหน็จปกติหรือบำเหน็จพิเศษจากทางราชการในวันที่ระเบียบนี้มีผลใช้บังคับ สามารถแสดงความประสงค์ขอเปลี่ยนบำเหน็จปกติหรือบำเหน็จพิเศษเป็นบำเหน็จรายเดือนหรือบำเหน็จพิเศษรายเดือน แล้วแต่กรณีแทนได้

6. กำหนดบทเฉพาะกาล ให้ลูกจ้างประจำผู้มีสิทธิได้รับบำเหน็จปกติหรือบำเหน็จพิเศษที่มีสิทธิเปลี่ยนแปลงความประสงค์ขอรับเป็นบำเหน็จรายเดือนหรือบำเหน็จพิเศษรายเดือนได้ ซึ่งออกจากงานในปีงบประมาณ 2552 โดยได้แสดงความประสงค์ขอรับบำเหน็จปกติ หรือบำเหน็จพิเศษก่อนวันที่ระเบียบนี้มีผลใช้บังคับและได้รับเงินบำเหน็จปกติหรือบำเหน็จพิเศษไปแล้ว สามารถเปลี่ยนแปลงความประสงค์เป็นขอรับบำเหน็จรายเดือนหรือบำเหน็จพิเศษรายเดือนแล้วแต่กรณีได้ภายใน 90 วัน นับแต่วันที่ระเบียบนี้มีผลใช้บังคับ โดยต้องนำเงินบำเหน็จปกติ หรือเงินบำเหน็จพิเศษที่ได้รับไปแล้วมาคืนต่อส่วนราชการเจ้าสังกัดทั้งจำนวน

ขอถามว่าถ้าลาออกก่อนจะเกษียณจะขอรับบำนาญได้หรือไม่ ช่วยตอบให้ด้วยคะ ขอบคุณนะคะ

ลาออกก่อนเกษียณก็ได้บำนาญเหมือนกันแต่ถึง 25 ปีบริบุรณ์ขึ้นไป

ถ้าสมาคมลูกจ้างมีการผลักดันครั้งต่อไปให้ใช้ความคิดเห็น

ข้อความ 486 เป็นวาระแห่งชาติลูกจ้างประจำ เพราะการเปลี่ยนแปลงในโลกปัจจุบันมันเร็ว ผมตามไม่ทัน ขณะเก็บเงินแต่ง เมีย ยังไม่มีปํญญา เรื่องอื่น ๆ ไม่ต้องพูดถึง......................................... ๆๆๆๆๆๆๆๆ

ลาว E อืสาน คนบ้านเดียวกัน

พร้อมรับสัญญานรวมพล เหนื่อยใจแทนสมาคม.จริงๆ

ข่าวบำนาญลูกจ้างมันดังทะลุฟ้าจริง ๆ พี่ ๆ น้อง ๆ ดีใจกันยกใหญ่ หากเป็นไปตามที่ ครม.กำหนดคงจะอดกัน ในส่วนตัวแล้วจะขอร่วมสู้ต่อไป รอสัญญาณเช่นกันค่ะ

ประเด็นที่น่าสนใจจากร่างฯตามกระทู้ข้างบน น่าจะเป็นบทเฉพาะกาล ที่ระบุให้ผู้ออกจากงานในปีงบประมาณ 2552 ซึ่งได้รับบำเหน็จเปลี่ยนมารับบำนาญได้ แต่ต้องคืนเงินบำเหน็จก่อน (บทเฉพาะกาลนี้น่าจะออกมาเพื่อป้องกัน การประกาศใช้ร่างใหม่ไม่ทันผู้เกษียณปี2552)

จากบทเฉพาะกาล เขียนไว้เพื่อให้สิทธิย้อนหลังเฉพาะผู้เกษียนปีงบ 2552 ถ้าจะให้เป็นธรรมจริงๆ ต้องย้อนหลังถึงลูกจ้างประจำซึ่งเกษียณอายุในปีที่แล้วๆมาด้วย (แต่ต้องนำเงินบำเหน็จมาคืนก่อน)

เพราะหลักของกฏหมายทั่วไป หากมีการแก้ไขกฏหมาย(ระเบียบ)อันเป็นคุณย่อมมีผลย้อนหลังและต้องครอบคลุมกับผู้รับผลกระทบทั้งหมดด้วย

พี่ คนหลงทาง มีความเห็นว่าไงครับ ผมว่าพี่ๆลูกจ้างประจำเงินงบ ฯที่เกษียณไปก่อนปี 2551 น่าจะได้รับประโยชน์จากร่างนี้ด้วยนะครับ บทเฉพาะกาลน่าจะเขียนให้ครอบคลุมมากกว่านี้

หากผมเป็นพี่ๆลูกจ้างประจำเงินงบฯ ที่ได้เกษียณไปก่อนปี 2551 และประสงค์จะรับบำญ ผมคงต้องขอความเมตตาหรือขอความเป็นธรรมแน่ หรือถึงขั้นต้องฟ้องศาลหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแน่ๆ

..........ม2ท

..............ม2ท

ยอมรับว่าตอนนี้เริ่มคิดช้าลง ตามความคิดเห็นที่นึกได้ในขณะนี้ เห็นว่า"ร่างระเบียบกระทรวง..." มีความสำคัญเท่ากับข้อบังคับ.. ไม่ใช่กฏหมาย จึงไม่มีผลย้อนหลัง ตอนนี้ก็กำลังคิดๆเรื่องนี้อยู่เหมือนกัน ถ้าคิดอะไรออกได้ดีกว่านี้ จะเพิ่มเติมมาอีกทีครับ

ถ้ารัฐจะให้เพียงเท่านี้ เราคิดว่าแทบจะไม่ได้ช่วยอะไรพวกเราเลยน่ะ (เรื่องสวัสดิการ)

คิดได้อย่างไร เพียงแค่นำเงินก้อนบำเหน็จของเรา มาแตกออก จ่ายให้เป็นรายเดือน แล้วเรียกชื่อใหม่ให้โก้หรูกว่าดิมว่า บำเหน็จรายเดือน /บำเหน็จพิเศษรายเดือน (โครงการทำนองนี้ เราทำกับธนาคารออมสินก็ยังได้)

ที่พวกเราต้องการและให้ความสำคัญจริงๆ คือเรื่องสวัสดิการหลังจากเกษียณอายุด้วย(ตอนนี้ที่เรายังทำงานอยู่ ได้รับเป็นปกติ จะไม่ค่อยรู้สึกอะไร)แต่ต่อไปในอนาคต เมื่อเราเกษียณไปแล้ว หลายท่านอาจยังต้องมีภาระที่ต้องรับผิดชอบอยู่มากมายใครจะไปรู้

และโดยเฉพาะที่สำคัญ เรื่องของสุขภาพอนามัย คนแก่ ก็ต้องมีบ่อยครั้งที่จะต้องเจ็บไข้ได้ป่วย(ซึ่งแน่นอนทุกท่านต้องเจออยู่แล้ว) หลักประกันการเบิกจ่ายไม่มี ไม่มีความมั่นคงในชีวิต เงินที่รับแต่ละเดือนก็น้อยนิดอยู่แล้ว

ขอให้พวกเราลองตรองดู ที่แสดงความคิดเห็นมานี้ มิใช่ว่าได้คืบจะเอาศอกหรอกน่ะ แต่อยากร้องขอให้ผู้ที่มีหน้าที่เกี่ยวข้องได้ช่วยพิจารณา ปรับปรุง แก้ไขเพิ่มเติม (เพราะไหนๆ ก็จะมีการแก้ไข ปรับเปลี่ยน เพื่อยกร่างฯกันอยู่แล้ว ก็ควรปรับปรุงเสียเลยทีเดียวให้ครอบคลุม)นึกถึงหลักและสภาพความเป็นจริงบ้าง

ขอให้ได้บำนาญอย่างเดียวก็น่าจะพออยู่หรอก เพราะสิทธิ์ค่ารักษาพยาบาล เดี๋ยวนี้บัตรทอง(ฟรี) ก็คงจะไม่แตกต่างกันสักเท่าไร จะดีกว่าสิทธิเบิกได้เสียอีก ค่าเล่าเรียนบุตรนั้น กว่าจะอายุ 60 ปี คงจะไม่มีลูกเรียนแล้วมั้ง แต่ถ้าได้สิทธิทุกอย่างที่พวกเราต้องการกัน ก็เป็นสิ่งที่ดีที่สุดแล้ว ขอเป็นกำลังใจให้ทุก ๆ คน รักเพื่อน ๆ สมาคมลูกจ้างประจำทุกคน (จริง ๆ นะ)

คุณหนุ่มเหลือน้อยครับ ใช่ว่าจะโต้แย้ง.แต่เป็นความจริงที่พบมากับตัว ภรรยาผมเป็นโรคมะเร็งเต้านมครับ ผ่าตัดแล้วและกำลังทานยาอยู่ หลังการผ่า.หมอจะให้ยาต้านโรคมะเร็งกินทุกวันและนัดพบหมอทุกระยะสามเดือน อยู่มาวันหนึ่งหมอประจำตัวไปดูงานต่างประเทศก็เลยฝากไข้ไว้กับหมออีกคน หมอรับฝากก็สั่งยาให้กินวันนั้นบิลแจ้งค่ายา 3,600(เม็ดละ18) ก็เออะใจว่าปกติจะหมื่นกว่า(เม็ดละ60)แต่ทำไมวันนี้ถูกลงมากทั้งที่ปริมาณยาเท่ากันคือ200เม็ด กลับไปถามหมอสั่งยา.หมอบอกว่าลืมดูไปว่าเบิกได้ก็เลยสั่งยาตัวใหม่ให้ และบังเอิญคนที่นั่งอยู่ข้างๆกับเราก็ได้รับยาราคาถูกเช่นเดียวกันทั้งที่เขาใช้สิทธิ์ประกันสังคม อย่างนี้แล้วสิทธิ์ราชการกับบัตรทอง(ฟรี)อย่างไหนดีกว่ากันครับ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท