เมื่อวานเพิ่ง เอา maxnet มาใช้ที่บ้าน เล่นเมื่อคืนเกือบตี1 ตื่นเต้นกับการ loadbit  มีของให้ load เยอะเลย

งานนี้เลยกลุ้มใจว่าบ้าเน็ตแล้วจะหาเวลาที่ไหนอ่านหนังสือสอบเนี่ย

วันนี้ลอยกระทง วันนี้จะไปลอยกะ พ่อ แม่ หลานสาว ครบทีมเมื่อคืนยายนั่งทำกระทงให้ จนดึกดื่น เป็นความสุขคนแก่... ความสุขของเราคืออ่านหนังสือเล่นเน็ต เย้

ไม่ได้เข้ามาเขียนหลายวัน ...วันนี้เพิ่งกลับจากแพร่มาไปงานกับเจ้านาย กลับมาก็ นั่งรีดผ้าเป็นกอง พรุ่งนี้ต้องไปลำพูน ช่วงนี้ชีพจรลงเท้า เดินทางตลอด เมื่อสัปดาห์ก่อนก็ไป กทม.มาไปรับหลาน และก็ไป shop ที่ platinum ได้เสื้อมาหลายตัว ไปรับนุ้ยที่ชลบุรี มีงานสหพัฒน์ และก็ไปส่งข้าราชการแอ๊ดที่บ้านบึง ขับรถจนเมื่อยเลย  กลับมาเลยต้องไปนอนนวดที่ศูนย์สมุนไพรลำปาง  สัปดาห์หน้าจะ ชิลๆ ซะหน่อย ไปนั่งร้านกาแฟเจ้าเก่าอ่านหนังสือ ดู วิว น่าจะดี เพราะเดี๋ยววันที่ 26 พย. ก็ต้องไปงานรับปริญญาน้องที่ มอ น. พิดโลกอีก

บางครั้งเหมือนจะเหนื่อย แต่ก็คิดว่ายังน้อยเราก็ยังมีมือมีเท้า มีรถ สามารถเดินทางไปดูโน่นนี่เรื่อยๆ  ความสุขดีกว่า นั่งจมอยู่กะที่

แต่ตอนนี้ต้องบอกตัวเองว่า เหลือเวลาแค่ 2 เดือนกว่าจะสอบ แล้วเราจะต้องจบ กม.ภายในปีนี้ให้ได้ เอาละ ต้องเริ่มอ่านหนังสือตั้งแต่ วันนี้เป็นต้นไป สู้ๆ

วันนี้ตอนเช้าอ่าน The Top Secret จบละ สรุปสุดท้ายก็คือ Possitive thinking แบบ ไม่ fake ด้วยนะ ต้องจากใจจริงๆ  และก็ให้มีสติรู้ ถึงทุกการกระทำ ความคิด คำพูด เสมอ สังเกตุจากหลังๆ พออายุเยอะมักลืมโน่นนี่ วางกุญแจรถต้องหาทุกวันว่าวางตรงไหน ปัญหาเกิดจากไม่มีสติในการกระทำไง ..ถ้าเพียงแค่จะวางก็บอกว่า วางหนอ วางหนอ เท่านั้นแหละเราก็จำได้ว่าเราวางตรงไหน แล้วทำยังไงจะมีสติ ก็ให้นั่งวิปัสนากรรมฐาน หรือ ที่จิ๋งเรียกว่านั่งสมาธิ นั่งวันละ 15 นาทีอย่างน้อย รับรองจะรู้ถึงการเปลี่ยนแปลง และจะมีสติตามความคิดได้

เรื่องนี้เรื่องจริง จิ๋งเจอมากับตัวเอง การนั่งสมาธิที่ทำอยู่คือ ตามลมหายใจเข้า ออก ถ้าจิตวอกแวกก็ทักว่าคิดหนอ คิดหนอ แล้วเรื่องที่คิดจะหายไป แรกๆ ก็งงๆ หลังๆ จะ OK เลย พอเราตามลมหายใจเรื่อยๆ ได้ยินเสียงอะไรก็ทักว่า ได้ยินหนอ ได้ยินหนอ (จริงๆ ไม่ต้องเติมหนอก็ได้ ส่วนใหญ่เค้าจะสอนมาให้มีหนอ จิ๋งเองไม่ค่อยเติมหนอ เพราะรู้สึกว่ามีหนอแล้วแก่ ^__^) พอนั่งเสร็จให้ค่อยน้อมจิต แผ่เมตตาให้ให้ตัวเอง เทวดาที่คุ้มครอง พ่อ แม่ ... คนอื่นๆยิ่งเยอะยิ่งดี รวมถึงเจ้ากรรมนายเวร  ทำแบบนี้ทุกวัน ถ้าพรุ่งนี้จะตื่นเวลาไหนสั่งจิตไปได้เลย รับรองพรุ่งนี้เวลาดังกล่าวจิตจะปลุกเราตื่นตรงเวลา (เรื่องนี้จริงหลายคนพูดตรงกัน) หลังจากนั่งแล้ว หลับสบายเหมือนปิดสวิทช์ เลย

วันนี้มีเรื่อง แปลกๆ เกิดขึ้น คือมีเบอร์โทรหาจิ๋งแล้ววาง จิ๋งก็โทรกลับเนื่องจากนึกว่าเป็น dealer ติดต่องาน แต่ก็มีชายนิรนามเสียงเหมือนนังบอลเพื่อนจิ๋งเลย บอกชื่อจริง นามสกุลจริง จิ๋งถูกหมดเลย และถามจิ๋งว่าจิ๋งเชื่อเรื่องดวงมั้ย รู้มั้ยดวงจิ๋งถูกผูกอยู่ (อะไรประมาณนี้ ก็ไม่รู้เหมือนกันเพราะไม่ชอบดูดวง) พูดไปพูดมาทักจิ๋งว่าจิ๋งเพิ่งผิดหวังเรื่องความรักมาใช่มั้ย จิตใจคงอ่อนแอเพราะเรื่องนี้ เค้าทักให้เข้มแข็ง ..จิ๋งก็บอกเค้าไปว่าจิ๋งไม่ได้ซีเรียสเรื่องความรัก หรือเรื่องอะไรเลย จิ๋ง happy มีความสุขดี เพราะจิ๋งรู้ว่าความสุขที่แท้จริงของคนคืออะไร เค้าหาว่าจิ๋งหลอกตัวเองซะนี่... เฮ้อ ไม่เชื่อก็แล้วปายยย  ก็ยังเข้าใจว่าเป็นเพื่อนโทรมาอำอยู่ ไปๆ มาๆ มาทักเรื่องไม่ค่อยดี จิ๋งเลยขอตัววางหูเลย

แปลกจัง สมัยนี้มีอะไร แปลกๆเข้ามาเยอะ

จิ๋งคิดเอาเองนะว่า  เค้าก็คง สไตล์หมอดูทั่วไป  เบอร์โทรจิ๋งหาที่ไหนก็ได้ เพราะนามบัตรจิ๋งแจกไปทั่ว ภาคเหนือตอนบน และเรื่องห่างกะแฟน จิ๋งก็ ไม่ได้ปิดบังใคร ใครต่อใครก็รู้ว่าโสดมาครึ่งปีแล้ว  แต่เค้าคิดผิดตรงที่ว่าจิ๋ง เศร้า แย่ในชีวิต ซึ่งมันไม่จริงเล้ยยยย  เค้าคงกะว่าเราคงอึ้งๆ ที่เค้ารู้เรื่องเราห่างกะแฟน และโดยมาผู้หญิงทั่วไปก็คงเฮิร์ท ก็เลยคิดว่าเราคง เฮิร์ท ก้อเลย กะว่าเราเชื่อแน่ เลยทักเรื่องไม่ดีๆ ให้เราต่อกะว่าเราจะขอวิธี แก้เคล็ด หรือ แก้ดวง อะไรประมาณนี้มั้ง   5555 ฝันไปเหอะ 

เออ จะเล่าอีกเรื่อง เรื่องนี้ถูกมิสฉาชีพกะจะหลอก เพิ่งผ่านมา 1 เดือน

ลาพักร้อนไปชลบุรีมา ขับรถป้ายลำปางไปจอดรอเพื่อนพ่อที่หน้าสวนเสือศรีราชา

พอจอดรถ ใต้ต้นไม่ปุ๊บ ก็ มี มอไซด์ขี่มาจอดด้านหลังและ ลงมา บอกที่ข้างกระจกรถว่า รถเราไฟช็อต ควันออกจากด้านหลังเยอะเลย

เราก็ตกใจ ลงรถมาดูท้าย เค้าบอกว่าไฟช็อตควันออกจากไฟท้าย ตอนที่เราเลี้ยวเข้ามาจอด รถที่ตามมาแต่ละคันหันมามองรถเราหมด เพราะเหมือนรถจะไฟไหม้

ให้เปิดกระโปรงหน้ารถ ดูฟิวด์ ด่วน เค้าก็ดึงฟิวด์ออกมาดู และเอามือจับที่ขาฟิวด์บอกว่าร้อนมาก ... (ในใจเราก็คิดว่าร้อนมากแล้วจะจับทำไม)

สงสัยว่าช็อตไหม้ เค้าก็ ยื่นให้ดู (เราก็ งง ว่า มันไหม้ตรงไหน)

เค้าก็เดินไป เปิดประตูรถ ทำเป็นเหยียบเบรคบอกว่า ไฟเบรคก็ไม่ติด ( พี่สาวอุ้มลูก เดินตามเล็ง กลัวเค้าจะหยิบของในรถ)

ปี)

แม่ย่านางรถคันนี้ดี นะเนี่ยทำให้เค้ามาเจอและมาช่วย บ้านเค้าอยู่ใกล้ๆ นี่เอง รับซ่อมรถด้วย ประมาณนี้

(ทุกอย่าง เค้า พูด และทำด้วยความรวดเร็ว อาศัยช่วงที่ทุกคนกำลังตกใจ)

เรื่อง ประมาณนี้ ให้อ่านมาก่อน เราบอกเค้าไปว่าเพื่อนเราอยู่ใกล้ๆนี้ กำลังขับรถมาหา

เพื่อนเค้าเป็นช่างพอดี ยังไงต้องขอบคุณเค้ามากๆ ที่อุตส่าห์ ขี่ตามมาบอก ไม่ต้องห่วงเพราะเพื่อนเก่งเรื่องช่างยนต์มากๆ

เค้า ก็ เงอะ งะ แล้ว ก็ สตาร์ท มอไซด์ไปเลย หลังจากนั้น เราก็ มาเช็ครถเอง

ก็ไม่มี ปัญหาอะไร ทั้งนั้น ก็ ขับ กลับ กทม. และ กลับลำปาง อย่างปลอดภัย

วันนี้ อ่านหนังสือต่อเกือบจบละ ...ได้ประเด็นเพิ่มเติมคือ "ความอยาก " คือกิเลส ควรจะเปลี่ยนความอยากเป็น"ความเชื่อ" แทน เช่น เราอยากเลื่อนตำแหน่งสิ้นปีนี้ เปลี่ยนเป็น เราเชื่อว่าเราได้เลื่อนตำแหน่งแน่นอน... ในความรู้สึกของเราเองคิดว่าเหมือนมันจะไม่ต่างกัน เป้าหมายคือการเลื่อนตำแหน่ง แต่ ถ้าเปลี่ยนความรู้สึกมาเป็นความเชื่อแทนจะทำให้ความรู้สึกในใจเรามั่นใจและ สดใสกว่าคำว่าอยาก

อีกเรื่องนอกจากความอยากคือ "ความกลัว" ความกลัว เช่น กลัวผี กลัวตกงาน กลัวอ้วน กลัวตาย ความกลัวทั้งหลายทำให้เรากังวลและเกิดทุกข์   ทางออกคือให้หาเหตุของความกลัวนั้นๆ หาสาเหตุของสิ่งนั้น เช่น กลัวผี ถ้าเห็นอะไร คิดว่าเป็นผีก็เดินไปดูให้รู้เลย ซึ่งอาจจะเป็นเงาไม้ ก็ได้ 

อีกอย่างความกลัวทำให้เราดึงดูดสิ่งที่กลัวเข้ามาหาเรา เช่นกลัวสามีนอกใจ จิตใจก็พร่ำคิดว่าเค้านอกใจ ทำให้ จิตคิดเป็นลบ ดึงดูดสิ่งที่เป็นลบเข้ามา ซึ่งการคิดดังกล่าว จะทำให้การแสดงออกของเราเป็นในทางลบ คือกลัวเค้านอกใจก็ จู้จี้ ถามโน่นนี่ ค้นกระเป๋า ทำให้เค้ายิ่งอยากนอกใจไปใหญ่

ดังนั้น การคิด การพูด การกระทำ ควรใช้ wording ดีๆ เหมือบเลี้ยงลูกบอกว่า "อย่ากลับดึกนะ" เปลี่ยนเป็น " กลับบ้านเร็วๆนะ" 

"อย่าดื้อนะ" เปลี่ยนเป็น  "เป็นเด็กดีนะ"

แค่เปลี่ยน wording นิดเดียว ก็ทำให้ทุกอย่างสดใส

สุดท้าย จงขอบคุณทุกอย่างที่เราได้รับหรือเกิดขึ้นในชีวิตเรา แม่เคยบอกจิ๋งเสมอว่าให้ขอบคุณเสมอกับทุกๆอย่าง เราเคยอกหักมา 2 ครั้ง ก็ไม่เสียใจกลับรู้สึกว่าขอบคุณที่เค้าเข้ามาให้เรารู้จักคำว่ารักและเคยทำให้เรามีชีวิตที่มีความสุขจากความรักในช่วงนึงของชีวิต วันนี้เค้าไปมีใคร เราก็ยังดีใจที่เราเคยมีเค้าเข้ามาในชีวิต

อีกอย่างเคยขอบคุณสมัยที่จบใหม่เมื่อสิบปีที่แล้ว ที่ทำให้เราสมัครงานที่ไหนก็ไม่ได้  ไปนิคม ก็ไม่รับ สมัครงานร้านค้าก็ไม่รับ ก็ขอบคุณที่เค้าไม่รับ ทำให้เราได้งานดีๆในวันนี้  คิดไปถ้าวันนั้น ที่แรกๆที่เราสมัครงานเค้ารับเรา เราคงจะไม่มีวันนี้ ดังนั้น ในทุกสิ่งที่เข้ามาในชีวิตเรามีทั้ง + และ - ในนั้น เรามองในมุม + แล้วขอบคุณกับสิ่งนั้นๆ ทำให้เรามีความรู้สึกดีๆ และจิตใจผ่องใส มีความสุขกับชีวิตได้ทุกๆวัน

วันนี้จบแค่นี้ก่อน

วันนี้บ่ายไปนั่งวาวีอ่านหนังสือ the top secret มา ก็คิดได้ว่าต่อไปเราจะพูดหรือคิดอะไรควรจะคิดและพูดเชิงบวกไว้เสมอ เช่นชั้นไม่ชอบคนดื่มเหล้า ก็เปลี่ยนความความคิดเป็นชั้นชอบคนที่รักษาสุขภาพ หรือคนที่อยู่ในศีล5 แทน... หรือ ให้คิดว่าเราชอบสันติภาพ ดีกว่าจะไปคิดว่าเราเกลียดสงครามและความขัดแย้ง  จะทำให้ อารมณ์ ความรู้สึกและจิตใต้สำนึกเราดีกว่า

และอีกเรื่องคือเราต้องรู้สึก + กับทุกเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับเราเพราะทุกสิ่งอย่างย่อมมีมุม + ในตัวของมันเอง ขึ้นอยู่กับว่าเราจะคิดแนวไหน

พรุ่งนี้จะไปอ่านต่อให้จบ วันนี้น้องเจี๊ยบที่ office ขอติดรถไปลง BigC  การที่เรามีโอกาสได้ช่วยเหลือหรือทำให้ใครมีความสุขหรือมีความสะดวกก็ทำให้เรารู้สึกดีมีความสุขไปด้วย

ตั้งแต่กลับจากเชียงใหม่วันที่ 25 ยังไม่ได้เข้ามาที่ blog เลย

เนื่องจากงานเยอะมาก... วันนี้งานพอจะคลี่คลายแล้ว แต่วันศุกร์ต้องเดินทางไป กทม.ไปรับแม่กับหลาน ก็ ต้องเหนื่อยอีก แต่ก็ยังดีที่เรายังได้เดินทางไปโน่นนี่ได้เรื่อย วันนี้บ่ายว่าจะไปนั่งวาวี กินโกโก้ อ่านหนังสือ พักผ่อนสมองซักหน่อย...

วันนี้ไปช่วยงานที่เชียงใหม่ มา 5 วัน

วันนี้ เตรียมงานกลับโรงแรมมาก็ สี่ทุม ฝนตกหนักมากมาก

พรุ่งนี้มีงานวันแรก ที่เซ็นทรัลแอร์พอร์ท เชียงใหม่ ต้องตื่นเช้าไปสรุปงานกับน้องแต่เช้า  ขอให้พรุ่งนี้ ฟ้าใส รับวันงานครั้งนี้ด้วย

วันนี้เป็นวันแรกที่อยากมี blog เป็นของตัวเอง ตื่นเต้นจัง