บล็อก (Weblog, Web log,Blog)
Blogคืออะไร?
Weblog หรือเรียกสั้นๆว่า blog (บล็อก) มาจากคำ 2 คำ คือ " Web” ก็คือเว็บไซต์ กับคำว่า“Log” ที่หมายถึงสมุดที่ใช้บันทึกเรื่องราวที่เกิดขึ้นในแต่ละวันพอจับมารวมกันเลยออกเสียงควบเป็น Web–Blog ( เว็บ - บล็อก)บางครั้งก็ย่อเหลือเพียง Blog (บล็อก)และใช้ภาษาสคริปต์เช่น PHPอยู่เบื้องหลังการจัดการระบบบล็อก ให้อธิบายง่ายๆ blogคือไดอารี่ออนไลน์นั่นเอง เริ่มจากเราทำการสมัครสมาชิกของ blogหรือจะตั้งเซิร์ฟเวอร์เองก็ได้ โดย blogจะแสดงผลตามวันเหมือนกับไดอารี่ทุกประการ หลายคนอาจเกิดคำถามว่าแล้วจะเขียนเรื่องอะไรลงใน blog ของเราดีล่ะ อันนี้หลากหลายมาก(เหมือนกับเราเขียนไดอารี่นั่นแหละ)บางคนอาจจะบันทึกเรื่องที่เจอในแต่ละวันบางคนอาจจะเขียนวิจารณ์ข่าวสารบ้านเมืองบางคนอาจจะแนะนำเว็บไซท์ที่เจอมาในวันนั้น แต่งกลอนโพสต์รูปที่ไปเที่ยวมา หรือบางครั้งก็ร่วมกันเขียนเป็นทีมขึ้นกับเจ้าของ blog ว่าต้องการเขียนไปในทางไหน
ข้อแตกต่างระหว่าง Weblog กับ Webpage และWeblog กับWebboard
ความแตกต่างระหว่าง Weblog กับ Web Page คือ Blogมีเนื้อหาใหม่อยู่เรื่อยๆ เราสามารถดูแล Blogให้ใหม่ทันสมัยได้ง่ายกว่า และไม่ต้องใช้เครื่องมืออะไรพิเศษเลย แต่Web Page เนื้อหาจะคงที่ update ยาก ไม่ทันเหตุการณ์ ในส่วนของ Weblogกับ Web Board นั้น Web Board ควบคุมเนื้อหาได้ยาก ทุกคนเขียนได้หมดเพราะไม่มีเจ้าของชัดเจน ส่วน Blog นั้นมีเจ้าของชัดเจนเจ้าของสามารถจัดการเรื่อง Comment ได้ จะห้าม comment หรือ ลบcomment ก็ได้ Weblog นั้น คงไม่สามารถมาแทนที่ Web Board ได้แต่จะอยู่ร่วมกันไป เรื่องใดที่ต้องการควบคุมเนื้อหาได้ก็ใช้ Weblogส่วนเรื่องใดที่ต้องการให้มีการแสดงความคิดเห็นเยอะๆ ก็ใช้ WebBoard
ทำไม blogถึงมีค่าแก่การพูดถึง?
อ่านมาถึงตรงนี้แล้ว การเขียน blog ฟังดูธรรมดามากเลยใช่มั้ยครับแต่ตอนนี้มันกลายเป็นสิ่งที่ฮิตและอินเทรนด์ที่สุดบนอินเทอร์เน็ตไปแล้วสาเหตุที่น่าจะทำให้ใครๆ ก็ติด blog มีหลายประการดังนี้
1. เขียนblog เหมือนกับเล่นเว็บบอร์ด
กฎข้อแรกของการสร้างเว็บไซท์ให้ติดตลาด คือต้องทำให้ผู้ชมกลับมาเยี่ยมเว็บของเราอีกให้ได้และวิธีที่ง่ายและได้ผลที่สุดคือสร้างชุมชนของผู้ชม (Community)ให้เกิดขึ้นบนเว็บของเราเพราะเหตุนี้จึงทำให้เว็บที่เน้นการสนทนาผ่านเว็บบอร์ดอย่างPantip.com กลายเป็นเว็บไซท์อันดับหนึ่งของเมืองไทยมาหลายปี blogเป็นการแสดงความคิดเห็นของเราให้คนอื่นอ่านวิธีหนึ่งเพียงแต่เป็นเว็บบอร์ดส่วนตัวที่คนเขียนคือเจ้าของ blog เท่านั้น(ผู้ชมสามารถแสดงความเห็นได้เป็น comment)
2. เขียนblogไม่ต้องระวังเท่าเว็บบอร์ด
จุดอ่อนของเว็บบอร์ดคือคนเยอะและเมื่อเกิดความขัดแย้งกัน ก็จะทะเลาะกันใหญ่โต Pantip.comเจอปัญหานี้มากจนต้องตั้งระบบสมาชิกที่เข้มงวด ทำให้ลำบากในการสมัครblog เข้ามาทดแทนในจุดนี้ได้พอดี เราสามารถเขียนอะไรลงใน blogของเราก็ได้โดยไม่ต้องกลัวใครว่า ไม่ต้องกลัวข้อมูลมั่ว (เพราะว่าเป็นblog ของเรานี่นา) ทำให้หลายๆ คนเกิดความสบายใจในการเขียน blogมากกว่าเว็บบอร์ดที่มีคนมาคอยเถียงหรือจับผิด
3. blogมีเนื้อหาต่อเนื่อง
คนที่สนใจในเรื่องเดียวกันก็มักจะเข้าเว็บบอร์ดเฉพาะเรื่องแต่ปัญหาอีกอย่างของเว็บบอร์ดคือ กระทู้ตกเร็วและแต่ละกระทู้ไม่ต่อเนื่องกัน เพราะต่างคนต่างโพสต์ แต่ blogนั้นเป็นของเจ้าของคนเดียว เขียนคนเดียวสามารถควบคุมความต่อเนื่องของเนื้อหาได้สะดวกกว่า ยิ่งเจ้าของ blogนั้นเป็นผู้เชี่ยวชาญในเรื่องที่เราสนใจพอดี นี่จะสนุกมากเลยครับได้อ่านอะไรๆ ที่วงในเค้ารู้กันได้จาก blog นี่ล่ะ
4. มันก็เหมือนแอบอ่านไอดารี่คนอื่น
การแอบอ่านไดอารี่เป็นอะไรที่ไม่ดีแต่สนุกมาก blog นั้นกลับกันเป็นไดอารี่ที่อยากให้คนอื่นอ่าน ดังนั้นเจ้าของ blog จะประดิษฐ์ประดอยหาเรื่องที่น่าสนใจมาเขียนให้อ่าน ทำให้เรื่องใน blogนั้นก็น่าสนใจมากขึ้น
จะเขียน blogได้ที่ไหน?
หลายท่านคงอยากจะลองอ่านหรือเขียน blog กันบ้างแล้ววิธีที่ง่ายที่สุดคือสมัครสมาชิกของเว็บไซท์ที่ให้บริการ blog ซักแห่งโดยจะมีแนะนำ blog ของไทยตอนท้ายของเอกสารนี้ สำหรับ blogของต่างประเทศ ที่แนะนำและนิยมที่สุดคือของ blogger (www.blogger.com)ซึ่งเป็นบริษัทลูกของกูเกิล ใช้ง่ายและมีเครื่องมือค่อนข้างครบครันblog ที่สมัครกับ blogger สามารถจะฝากไว้ (ได้ชื่อเป็นusername.blogspot.com) หรือจะให้ส่งข้อมูลของ blogมาที่เซิร์ฟเวอร์ของเราเองก็ได้ในกรณีที่มีเซิร์ฟเวอร์รายละเอียดทางเกี่ยวกับ Weblog ปัจจุบันมีหนังสือภาษาไทยออกมาแล้วชื่อว่า “ทำเล่นให้เป็น blog” เขียนโดยคุณ เกรียงไกร วิชระอนนท์ ราคา195 บาท ISBN 974-91996-8-5 เนื้อหาละเอียดมาก
ปัจจุบัน blog เข้ามามีบทบาทในการสื่อสารมาก ขนาดที่บิลล์เกตส์ยังต้องออกมาพูดถึงว่า ในอนาคต การสื่อสารภายในองค์กรจะใช้ blogนี่ล่ะ โครงการโอเพ่นซอร์สใหญ่ๆ นักพัฒนาคนสำคัญจะมี blogไว้แสดงความก้าวหน้าในการพัฒนาโปรแกรมของตนเอง เมื่อนำมา blogของทุกคนมารวมกัน ก็จะได้ข่าวสารวงในที่อัพเดตไม่แพ้สื่ออื่นๆเลยครับ
การสร้างblog
Blog ที่จะสร้างนั้นในขั้นตอนการสร้าง จะคล้ายกันแต่จะแตกต่างกันในรายละเอียดของเจ้าของเวบผู้ให้บริการ blogโดยในการแนะนำวิธีสร้าง blog นี้ จะเป็นวิธีสร้างในเวบ http://gotoknow.org
รู้จักกับgotoknow.org
เป็นเวบผู้ให้บริการ blogที่มีเนื้อหาส่วนใหญ่ในด้านวิชาการ การทำงาน และแลกเปลี่ยนประสบการณ์มีบันทึก ทางด้านวิชาการเกิดขึ้นมากมายในแต่ละวันเราสามารถมาอ่านสร้างบล็อกหรือมาแสดงความคิดเห็นได้
เริ่มต้นเป็นเจ้าของblog
ก่อนอื่นเราต้องสมัครสมาชิกก่อนโดยเข้าไปที่ http://gotoknow.orgไปที่มุมขวาบน
คลิก “สมัครสมาชิก”
ก็จะเข้าสู่หน้าลงทะเบียนโดยใส่ข้อมูลดังนี้ซึ่งส่วนนี้เป็นข้อมูลที่จำเป็นต้องใส่และเป็นภาษาอังกฤษเท่านั้น
ชื่อผู้ใช้ : เป็นชื่อที่จะใช้เปิด URL เพื่อเข้ามาอ่าน Blogและ
แก้ไขบล็อก
รหัสผ่าน, รหัสผ่านเพื่อการยืนยัน : ใส่รหัสผ่านที่กำหนดขึ้นเอง
ให้เหมือนกัน 2 ช่อง
อีเมลล์ :เป็นอีเมลล์ที่ทางผู้จัดการระบบจะติดต่อสื่อสารกับเรา
ซึ่งจะต้องเป็นอีเมลล์ที่ยังใช้ได้
ส่วนที่เหลือจะเป็นข้อมูลส่วนบุคคล ที่บางช่องไม่จำเป้นต้องใส่ก็ได้และสามารถเข้ามาแก้ไขภายหลังได้
ชื่อแฝง : เป็นชื่อที่ถูกกำหนดขึ้นเพื่อใช้เรียกเจ้าของบล็อกโดยจะมีหรือไม่ก็ได้
ตรงช่อง link ของรูปถ่ายและเราสามารถ
เมื่อกรอกข้อมูลเรียบร้อยแล้วใส่ตัวเลข 5ตัวเพื่อยืนยันการกรอกข้อมูล
คลิกถูกที่ “ข้าพเจ้ายอมรับ”
คลิก “ สมัครสมาชิก”
กลับไปที่หน้าแรกอีกครั้งเพื่อ Login
- ใส่ชื่อผู้ใช้และรหัสผ่าน
- ใส่ตัวเลขที่กำหนด
- คลิกเข้าสู่ระบบ เมื่อเข้าได้แล้วจะพบกับ รูปร่างดังรูป
สร้างบล็อก
หน้าหลัก --> จัดการเกี่ยวกับบล็อก --> สร้างบล็อกใหม่
- Linkที่อยู่ของ blog : ตรงนี้ให้ใส่เป็นชื่อผู้ใช้เพื่อป้องกันความสับสน
- ชื่อบล็อกเป็นชื่อของบล็อกที่จะปรากฎหน้าแรกของบล็อกสามารถแก้ไขภายหลังได้
- รายละเอียดของบล็อก บล็อกนี้มีรายละเอียดอย่างไร เกี่ยวกับอะไรเป็นข้อมูลพื้นฐาน ใส่หรือไม่ก้ได้
- คลิก“สร้างใหม่”
- เราก็จะได้บล็อกขึ้นมาพร้อมที่จะบันทึกข้อความลงไป
การสร้างบันทึก
- คลิกที่ “ สร้างบันทึกใหม่”
- ใส่ชื่อบันทึก ซึ่งเป็นชื่อของบทความนั้น
- ประโยคเด่น บันทึกนี้มีประโยคเด่นอะไร (Key word)จะเป็นประโยชน์ในกรณีมีผู้ค้นหาข้อความจากหน้าแรกของ gotoknow
- ใส่เนื้อหาเราสามารถพิมพ์, คัดลอกมาวาง ก็ได้ซึ่งเมนูจะเหมือน wordprocessing
- ตีพิมพ์ทันที เราจะมีบันทึกไปปรากฎในหน้าแรกของบล็อกเราและจะปรากฎในหน้าแรกของเวบgotoknow เช่นกัน เป็นหัวข้อที่มีการบันทึกล่าสุด
- บันทึกเป็นร่าง เมื่อยังไม่พร้อมตีพิมพ์เราสามารถนำกลับมาแก้ไขและตีพิมพ์ในภายหลังได้
จัดการบันทึกที่มีอยู่
- คำที่ต้องการค้นหา เป็นประโยคเด่น,เป็นคำที่ปรากฎในเอกสารนั้น
- เลือก เลือกแก้ไขจากวันที่บันทึกข้อความนั้นในกรณีที่จำวันที่บันทึกได้
- ไปที่ข้อความที่ต้องการแก้ไข คลิก “แก้ไข”ที่ท้ายข้อความนั้น
- ก็จะเข้ามาสู่บันทึกที่ต้องการแก้ไขหรือพิมพ์ร่างไว้
- เมื่อแก้ไขแล้วคลิก ตีพิมพ์ทันที หรือบันทึกเป็นร่าง
การจัดการไฟล์ข้อมูลและรูปภาพ
1.การอัพโหลดไฟล์เป็นการนำไฟล์รูปภาพที่จะใช้ไปเก็บไว้ในบล็อกก่อนหลังจากนั้นจึงนำไปใช้ได้
- Brouse เลือกไฟล์ที่ต้องการ โดยที่ขนาดของไฟล์ไม่ควรใหญ่เกินไปขนาดไม่ควรเกิน 150 KB หรือขนาดกว้าง,สูงด้านใดด้านหนึ่งไม่ควรเกิน500 Pixel
2. สถิติการอัพโหลด จะแสดงรายละเอียด ถึงจำนวนไฟล์และจำนวนเนื้อที่ที่ใช้ไปโดยเนื้อที่เก็บรูปจะถูกจำกัดไว้ที่ 30MB
3. แสดงรายละเอียดของไฟล์รวมทั้ง URL ของรูป
4. เราสามารถลบรูปที่ไม่ต้องการได้โดยคลิก “ถูก” ในกล่องด้านหลังและคลิกลบทิ้งไฟล์ที่เลือกไว้ทางด้านล่าง
5. เมื่อจะนำรูปไปใช้ให้คัดลอก URL ใต้รายละเอียดรูปไปใช้
การใส่รูป
1. คลิกที่ไอคอนรูปต้นไม้
2.จะมีหน้าต่างสำหรับใส่รูปขึ้นมา 3. คัดลอก URL ของรูปมาใส่ในช่องบนสุด
4. คลิก Insert
5. รอสักครู่รูปที่ต้องการจะปรากฎในเอกสาร
Note : เราสามารถใส่รุปตรงไหนของเอกสารก้ได้โดยเลื่อน Curserไปบริเวณตำแหน่งที่ต้องการ
จัดการคำหลักของบล็อก
ประโยคเด่นในบล็อกว่าบล็อกเราเกี่ยวกับอะไรจะเป็นประโยชน์ในกรณีที่ผู้เข้าชม ค้นหาจากหน้าเวบของ gotoknow
จัดการเกี่ยวกับบล็อก
สร้างบล็อกใหม่ แก้ไขบล็อก สมัครเข้าชุมชนบล็อก ลบบล็อกทิ้ง
ลิงค์เวบที่เข้าบ่อย
เป็นส่วนที่จัดการลิงค์ที่เราคลิกเข้าไปดุบ่อยๆเมื่อเพิ่มลิงค์แล้วไม่ต้องจำURL นั้นอีก ให้เข้าเมนูนี้และคลิกลิงค์ไปเลย
นำบล็อกเข้าร่วมชุมชน
เป็นการนำบล็อกของเราเพื่อเข้าร่วมชุมชนที่เกี่ยวข้อง
1. ชุมชนที่บล็อกนี้ลิสอยู่ เป็นรายชื่อชุมชนที่มีทั้งเขามาเข้าร่วมชุมชนและเราไปเข้าร่วมชุมชนกับเขา
2. การชวนเชิญจากชุมชน เมื่อได้รับเชิญให้เข้าร่วมชุมชนจะมีรายชื่อชุมชนที่เขาเชิญเราปรากฎอยู่
3. กำลังรออนุมัติจากชุมชน เมื่อเราสมัครเข้าชุมชนใดๆแล้ว ทางเวบ gotoknow.orgจะส่งคำร้องขอไปที่ผู้จัดการชุมชนนั้นๆทางอีเมลล์เพื่อให้ผู้ดูแลชุมชนนั้นๆ อนุมัติ ให้เข้าร่วมชุมชน
4. ขอเข้าร่วมชุมชน ให้ใส่ชื่อชุมชนและกด “ค้น” เมื่อพบแล้วจะปรากฎรายชื่อชุมชนดังกล่าวเมื่อต้องการเข้าร่วมชุมชนให้กด “ขอเข้าร่วม”รายชื่อชุมชนนี้ก็จะไปปรากฎในช่อง กำลังรอการอนุมัติจากชุมชน
5. รายนามชุมชนที่ถูกปฏิเสธ เป็นรายชื่อชุมชนที่เราขอเข้าร่วมแล้วและถูกปฏิเสธกลับมาอย่างไรก็ตามเราสามารถขอเข้าร่วมใหม่ในภายหลังได้
สร้างชุมชนใหม่
1. รายละเอียดเหมือนการสร้างบล็อกใหม่
2. ใส่ลิงค์ของชุมชน, ชื่อชุมชนและรายละเอียดคร่าวๆเกี่ยวกับชุมชนนี้
3. คลิก “สร้างใหม่”เราจะได้ชุมชนใหม่ที่เราสร้าง
แก้ไขข้อมูลชุมชน : แก้ไขข้อมูลต่างๆของชุมชน
จัดการคำหลักของชุมชน: สร้าง/แก้ไข/ลบ คำหลักของชุมชนเพื่อที่สมาชิกในชุมชนจะได้เลือกเมื่อสร้าง
บันทึก
บริหารบล็อกในชุมชน : ชวนเชิญบล็อกร่วมชุมชนและอนุญาต/ถอดถอน/ปฏิเสธบล็อกที่สมัครเข้าร่วม
ชุมชน
จัดการด้านผู้บริหารชุมชน: เพิ่มหรือลบผู้บริหารชุมชน
ประวัติเจ้าของบล็อก :เราสามารถเปลี่ยนแปลงรายละเอียดที่ใส่ในครั้งที่สมัครได้ รวมทั้งใส่ภาพเจ้าของ
บล็อก โดยที่รูปดังกล่าวจะมีขนาดไม่เกิน 160 x 120 หรือ 120 x160 pixel
การดูผลลัพธ์ของบล็อกหลังจากตีพิมพ์บันทึกแล้ว
ให้เราพิมพ์ URL ในช่อง address bar ใน Internet explorerสามารถพิมพ์ได้ 2 รูปแบบ
1. http://ชื่อผู้ใช้.gotoknow.org หรือชื่อผู้ใช้.gotoknow.org
หรือ
2. http://gotoknow.org/ชื่อผู้ใช้ หรือ gotoknow.org/ชื่อผู้ใช้
เช่น http://dmbuddhachin.gotoknow.org หรือ http://gotoknow.org/dmbuddhachin
เมนูค้นหาในหน้าแรกของเวบgotoknow.org
สามารถใส่ keyword เพื่อค้นหา ได้ 4 กลุ่ม คือ ชุมชนบล็อก บล็อก บันทึก และ เจ้าของบล็อก
การจัดการภาพ
ในการนำภาพหนึ่งภาพใดมาใช้นั้นถ้านำมาใช้เลยโดยที่ยังไม่ตกแต่งก่อนเลยบางครั้งผลลัพธ์ที่ได้จะทำให้ตัวไฟล์มีขนาดใหญ่หรือได้ภาพแบบรวมโดยไม่สามารถสื่อถึงจุดที่สำคัญบนภาพได้ดังนั้นในการนำภาพมาใช้จึงจำเป็นที่จะต้องตกแต่งก่อนดดยในการนี้จะแนะนำส่วนที่สำคัญ 2 ส่วนคือ การลดขนาดภาพและการตัดภาพอ้างอิงโปรแกรม ACDSee Version 8.0
การลดขนาดภาพ
1.เปิดภาพที่ต้องการลดขนาด 2.ไปที่เมนู Modify --> Resize
3. เมนูทางด้านขวามือ สามารถเลือกได้ว่าต้องการลดขนาดแบบใด
- แบบ Pixel :สามารถใส่ตัวเลขได้ทันทีและอีกด้านหนึ่งตัวเลขจะปรับอัตโนมัติ
- แบบ Percent :ลดความกว้างหรือยาวให้เหลือเปอร์เซนต์ที่ต้องการ
- แบบกำหนดเป็น นิ้ว/เซนติเมตร/มิลลิเมตรสามารถตั้งต่าความละเอียดของภาพได้ว่าต้องการกี่จุดต่อนิ้ว
- นอกจากนี้ยังมีฟังก์ชั่นกำหนดอัตราส่วนของภาพเพื่อที่จะยืดให้ยาวออกหรือสูงขึ้นโดยที่อีกด้านหนึ่งความยาวยังคงที่ได้อีกด้วย
- โปรแกรมจะ Previewให้โดยอัตโนมัติเมื่อพอใจแล้วเลือก “ Done”
4. จะได้ขนาดภาพที่ลดลงตามต้องการ
5. เลือก File -->Save as -- > ตั้งชื่อที่ต้องการและคลิก “SAVE”
6.สามารถนำภาพดังกล่าวมาใช้ได้
การตัดภาพ
1. เปิดภาพที่ต้องการตัด
2. เลือกเมนู Modify--> Crop
3. จะพบกับเมนูการตัดภาพสามารถเลือกตัดภาพได้ 2 แบบ
- แบบเลือกเอง แบบนี้เราสามารถใช้ Mouseเลือกขนาดกรอบภาพเฉพาะที่ต้องการ
- แบบกำหนดเอง กำหนด ความกว้าง สูง เองได้ เป็น Pixel ,นิ้ว ,เซนติเมตร, มิลลิเมตร
นอกจากนี้ส่วนที่เป็นพื้นดำคือส่วนที่ไม่ได้เลือกสามารถปรับความสว่างได้
4. คลิก “Done” ก็จะได้ภาพที่ถูกตัดตามที่กำหนด
5. เลือก File --> Save as -- >ตั้งชื่อที่ต้องการและคลิก “SAVE” ; เหมือนการลดขนาดภาพ
6.สามารถนำภาพดังกล่าวมาใช้ได้
ตัวอย่างรายชื่อเวบไซต์ที่ให้บริการบล็อกในประเทศไทย
http://gotoknow.org
http://www.blogit.in.th/blogit/index.phphttp://blog.212cafe.com/formadduser.php
http://gblog.gmember.com/
http://blog.phrathai.net/
http://weblog.manager.co.th/
http://www.bloggang.com/register.php (กรณีที่เป็นสมาชิก Pantip.com)
http://www.exteen.com/
http://blog.freemac.net/
http://www.fridaycollege.org/blog.php
http://www.khwai.com/
http://blog.deedeejang.com/login.php
http://www.nokkrob.org/blog.php