beeman 吴联乐
นาย สมลักษณ์ (ลักษณวงศ์) วงศ์สมาโนดน์

ปัจจัยที่ 5,6,7,8


ผมว่าปัจจัยที่ 5 น่าจะเป็น มันนี่ (Money) เพราะยุคปัจจุบันคนเป็นทาสของเงินกันมาก

    ตั้งแต่เริ่มเข้าเรียนหนังสือ ผมก็ได้ยินเรื่องปัจจัย 4 ในการดำรงชีวิต ซึ่งประกอบด้วย บ้าน/ที่อยู่อาศัย (น่าจะรวมอากาศบริสุทธิ์ด้วย), อาหาร(น่าจะรวมน้ำสะอาด), เครื่องนุ่งห่มและยารักษาโรค ต่อมาก็ได้เห็นปัจจัยที่ 5,6,7 จากข้อเขียนของ dhanarun เรื่องการจัดการเหรียญสตางค์ ที่สรุปว่าปัจจัยที่ 5 คือบัตรเครดิต ปัจจัยที่ 6 คือโทรศัพท์มือถือ และปัจจัยที่ 7 คือ กล้องดิจิตอล ผมจึงขอร่วมแจมด้วยการมองที่ต่างมุมไปบ้าง ผมว่าปัจจัยที่ 5 น่าจะเป็น มันนี่ (Money) เพราะยุคปัจจุบันคนเป็นทาสของเงินกันมาก ก็ที่เราทำงานกันอยู่นี่ไม่ใช่หาเงินหรือครับ.......  เงินนี่ผมหมายรวมถึงทุกอย่างที่ใช้แทนเงินด้วย เช่น เช็ค, ตั๋วแลกเงิน, บัตรเครดิต, หุ้น..... อาจจะหมายถึงทองคำด้วยซึ่งปัจจุบันราคาถึงบาทละ 10,000 บาท (ทองหนึ่งบาท หนัก 15.2 กรัม)  แล้ว

   ปัจจัย 4 นั้น คนที่อาศัยอยู่ในป่าหรือชาวเกาะก็จำเป็นตัองมี (คนส่วนใหญ่) แต่เริ่มตั้งแต่ปัจจัยที่ 5 จะเป็นของคนที่อยู่เป็นสังคมในเมือง บางคนอาจจะบอกว่าปัจจัยที่ 5 คือ รถยนต์ แต่ผมก็จะค้านว่าถ้ามีเงินซะอย่างก็สามารถซื้อรถยนต์ได้ และรถยนต์ก็มีเฉพาะคนในเมือง แต่ถ้าเราเปลี่ยนจากรถยนต์ เป็น "พลังงาน,ยานพาหนะและการขนส่ง" นี่ก็น่าจะใช้ได้  เช่น พลังงานคือพวกไฟฟ้า,แก๊ส,ถ่าน,ฟืน (รวมเตาด้วย) เป็นต้น  ส่วนยานพาหนะและขนส่ง ได้แก่ รถจักรยาน,จักรยานยนต์,สามล้อ,ขี่ม้า,รถไฟฟ้า,รถใช้น้ำมัน รวมยานโดยสารสาธารณะ ไม่ว่าจะเป็นรถทัวร์,รถไฟ,เครื่องบิน..ฯลฯ  อันนี้ขอให้เป็นปัจจัยที่ 6 ครับ,   ต่อจากนั้น ปัจจัยที่ 7 ก็น่าจะเป็นของใช้ประจำบ้าน ที่จำเป็นต้องมีของคนในเมืองหรือชนบทก็ตาม (ส่วนใหญ่) อย่างใดอย่างหนึ่งหรือจัดเป็นกลุ่มก็ได้ คือ พัดลม,วิทยุ,โทรทัศน์,เตารีด,ตู้เย็น ฯลฯ  ปัจจัยที่ 8 ก็คือ อุปกรณ์ที่ใช้ในการสื่อสาร (สำหรับคนเมืองหรือคนที่เรียนหนังสือ) ได้แก่ คอมพิวเตอร์, โทรศัพท์บ้าน, โทรศัพท์มือถือ และรวมเอากลัองดิจิตอล เข้าไปด้วย ฯลฯ

   ผมเปิดประเด็นไว้ให้ ท่านผู้ใดต้องการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ ขอเชิญแสดงความคิดเห็นมาได้ครับ ด้านล่างบันทึกนี้ครับ....

หมายเลขบันทึก: 9522เขียนเมื่อ 13 ธันวาคม 2005 13:05 น. ()แก้ไขเมื่อ 25 กรกฎาคม 2013 15:53 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (2)

ดิฉันเห็นด้วยกับอาจารย์ทุกประการค่ะ  สมัยก่อนเมื่อยังไม่มีบัตรเครดิต  พอใกล้สิ้นเดือน ใครที่ใช้เงินหมดก่อนเงินเดือนออก ก็มีทางออกด้วยการแลกของเป็นเงิน จากโรงรับจำนำ  หรือถ้าของไม่มีจะแลก ก็อาจใช้วิธีเปียแชร์  เพื่อให้ได้มาซึ่งเงิน  ที่นับเป็นปัจจัยที่ ๕ ไปเสียแล้ว นั่นคือไม่มีปัจจัยนี้ก็ดำรงชีวิตอยู่ไม่ได้

สมัยนี้  ถ้าใครมีบัตรเครดิต ก็ดีขึ้นมาหน่อย ที่สามารถใช้เงินล่วงหน้าได้  แม้เงินจะหมดจาก Bank ไปแล้ว เขาก็ยังอุตสาห์เชื่อใจ (ล่อใจ) ให้เราใช้เงินล่วงหน้า  ไอ้เจ้าบัตรเครดิตนี้สำมะคัญนัก  เพราะต่อไปในอนาคตอันใกล้  คิดว่าเขาต้องทำให้มันเป็นบัตรสารพัดนึก ใบเดียวเสกได้ทุกอย่าง ที่เขาเรียกว่า  Smart card งัยค่ะ  เช่นเป็นได้ทั้งบัตรประชาชน  ใบขับขี่  บัตร 30 บาทรักษาทุกโรค  บัตรประกันสังคม  บัตรประจำตัวข้าราชการ  บัตรประจำตัวนิสิต บัตรเติมเงินให้มือถือ  ฯลฯ (ดิฉันคิดเอาเอง)

พวกเทคโนโลยี IT ที่ทำให้เกิดการสื่อสารด้วยการลัดระยะทางให้สั้นเพียงปลายนิ้ว ก็กลายเป็นปัจจัยในการดำรงชีวิตไปด้วย เช่น กะเหรี่ยงคอยาวสามารถใช้มือถือเครื่องเดียว ฮัลโหล  โชว์ภาพ ค้าขายข้ามทวีปได้  เพื่อก้าวให้ทันชาวเขาเผ่าต่างๆ อีกหลายเผ่าในนานาอารยะประเทศ อีกหน่อยมือถืออันเดียวคงประกอบไปด้วย  โทรศัพท์  กล้องถ่ายรูป  เครื่องบันทึกเสียง  ทีวี  คอมพิวเตอร์  เซนเซอร์ตรวจวัดสุขภาพส่งอาการผ่านดาวเทียมไปให้แพทย์เยียวยาได้ทันที ฯลฯ

ทำให้นึกถึง เทพเจ้าในนิทานสมัยเด็กๆ  ใช้แค่นิ้วชี้นิ้วเดียว ก็เนรมิตรได้ทุกสิ่ง หากรักษาชีวิตได้ยืนยาว ดิฉันคิดว่าเราอาจได้ทันเห็นเทพเจ้าตัวจริงในชาตินี้ 

 

 

    ขอบคุณท่านอาจารย์มาลินีที่เข้ามาแสดงความคิดเห็นเป็นท่านแรก หลายวันก่อนผมดูข่าวว่ามีเด็กญี่ปุ่น ถูกลวงไปฆาตกรรม เขาก็เลยสร้างเครื่องมือชนิดหนึ่งแขวนไว้ที่คอเด็ก (จำไม่ได้ว่าเป็นเครื่องมืออะไร) เครื่องมือนี้ส่งสัญญานได้ ถ้าเด็กถูกลักพาตัวไปที่ไหน ตำรวจหรือคุณครู รวมทั้งพ่อแม่ก็จะทราบได้ ผมจึงนึกว่าเดี๋ยวนี้โจรมันก็เรียนจบมหาวิทยาลัย อาจจะจบตรี โท หรือ เอก มันไม่โง่หรอกครับ มันก็เอาเจ้าเครื่องมือที่แขวนอยู่ที่คอเด็กทิ้งไป แค่นี้เราก็จับฟิกัดเด็กไม่ได้แล้ว ไอ้เครื่องมือนี้มันก็เลยขายให้ผู้ปกครองที่กลัวได้ ราคารุ้สึกจะใกล้หมื่น แต่ผมว่ามันจะไม่ Practical เท่าไหร่นักหรอก คงใช้ได้กับพวกโจรปัญญานิ่มครับ...
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท