เส้นทางชีวิตของอนงค์(ตอน1)เมื่อเรียนจบมัธยมปลาย


แรงจูงใจของอนงค์ ในการเรียนทางด้านจิตวิทยา และประกอบอาชีพทางจิตวิทยา

แรงจูงใจในการเรียนทางด้านจิตวิทยาและประกอบอาชีพทางจิตวิทยา

ครั้งเมื่อเรียนจบการศึกษา มัธยมปลาย (มศ.5)  ในสมัยนั้น เรียนจบมาทางสายวิทย์-คณิต   จากโรงเรียนบรบือวิทยาคาร จังหวัดมหาสารคาม  ผลการเรียนอยู่ในระดับปานกลาง  แต่ด้วยจิตสำนึกของตัวเองว่า ตระหนักอยู่เสมอว่าจะต้องเรียนหนังสือ  พ่อแม่ไม่บังคับ  มักจะให้ลูกคิดเองว่า จะเรียนต่อหรือไม่  แล้วแต่ลูกๆ

 ในครอบครัวมีพี่น้องด้วยกัน 8 คน ผู้หญิง 4 คน ผู้ชาย 8 คน  ตนเองเป็นคนที่ 5 ของครอบครัว   ครอบครัวค่อนข้างใหญ่  การที่พ่อแม่ให้ลูกตัดสินใจเองว่าจะเรียนต่อหรือไม่ ทำให้เป็นจุดอ่อนของครอบครัว ให้ความอิสระ แต่ก็ไม่ใช่ความผิดอะไร  ในสมัยนั้นในชุมชนที่อาศัยอยู่ ไม่มีแบบอย่างมากนักในการส่งลูกเรียนต่อ

          จึงทำให้ลูกๆแต่ละคนเลือกทางเดินของตนเอง  บางคนเลือกเรียนต่อ บางคนขอจบแค่มัธยมก็พอแล้ว   เมื่อมาทบทวนดูลูกๆคงไม่ได้รู้หรอกว่าการที่ไม่ได้เรียนแล้วจะเป็นอย่างไร หรือเรียนจบแล้วจะไปประกอบอาชีพอะไร  ที่สำคัญผู้ปกครองควรจะต้องชี้แนะแนวทางชีวิต   ให้กับลูกๆประกอบการตัดสินใจ   การศึกษาช่วยได้อย่างไร และเมื่อมองย้อนไปช่วงที่กำลังเรียนมัธยมพบว่า การใช้ชีวิตร่วมกับเพื่อนในชั้นเรียน เพื่อนๆมักจะมาพูดคุย  เล่าปัญหาชีวิต  ปัญหาส่วนตัว  ให้ฟังอยู่เสมอ และไม่ค่อยได้ชี้แนะอะไร มักจะเป็นคนที่ชอบรับฟัง  ให้ความเป็นเพื่อนมากกว่า  เวลาเพื่อนสุข เพื่อนทุกข์มักจะเป็นคนที่เข้าใจ ไม่ตัดสิน  เวลาคนที่มีปัญหาบางครั้งเขาก็ไม่ต้องการคำตอบอะไร  เพียงแค่อยากปลดปล่อย  ระบายอารมณ์ ความเครียดแล้วเขาก็จากไป.. บางครั้งยังไม่ได้มีการตอบรับอะไรเลย เพื่อนบอกว่าขอบคุณมาก ..ไปแล้ว..

 

ครั้งแรกในการเลือกเรียนต่อมัก  จะปรึกษาเพื่อนมากกว่า มีเพื่อนผู้หญิงอยู่คนหนึ่งเป็นคนภาคใต้ จังหวัดสงขลา พบกันที่กรุงเทพฯ ช่วงที่ไปทำงานด้านบัญชี ไม่ค่อยรู้เรื่อง แต่ต้องการที่จะเรียนรู้กับบริษัท  ลักษณะทำงานเป็นแบบครอบครัว จึงทำให้มีเวลาว่าง ช่วงเรียนหนังสือ จะเป็นคนที่ทำงาน และส่งตัวเองเรียนจนจบ  ก่อนที่จะสมัครเข้าเรียน  ได้รู้จักกับเพื่อนรุ่นพี่ เรียนอยู่ปี 2 รามคำแหง ชื่อ พี่หน่อย  พี่หน่อยมักจะเล่าให้ฟังอยู่เสมอว่าพี่สาวของเขา ... เป็นครูแนะแนว จบทางจิตวิทยา  และมักจะให้คำปรึกษากับเด็กนักเรียนอยู่เสมอ 

 

            การที่พูดให้ฟังอยู่บ่อยๆ  ทำให้ตัวเราเองเกิดความสนใจ  ใส่ใจ และอยากเรียนทางด้านจิตวิทยามาก  เมื่อมองย้อนไปในอดีต  ตัวเราเองมักจะเป็นที่พึ่งทางจิตใจให้กับเพื่อนๆ  จึงได้ตัดสินใจในการไปสมัครเรียน คณะศึกษาศาสตร์  ภาควิชาจิตวิทยา  มหาวิทยาลัยรามคำแหง  นี่...เป็นจุดแรก...ของการตัดสินใจเรียนจิตวิทยา เพราะมีเพื่อนที่ดีคอยชี้แนะแนวทาง   และยกตัวอย่างพี่สาวของเขาที่ประสบความสำเร็จคือเป็นครูแนะแนว   ในใจตัวเราเองรู้ถึงความต้องการของตนเอง ว่าตนเองต้องการเรียนทางด้านนี้  และทราบว่าตนเองจะก้าวไปจุดไหน แต่ก็ต้องพยายามด้วยตนเอง เรียนรู้ในการรู้จักตนเองก่อน

 

หมายเลขบันทึก: 94107เขียนเมื่อ 3 พฤษภาคม 2007 16:31 น. ()แก้ไขเมื่อ 14 มิถุนายน 2012 16:28 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (3)
P
แผ่นดิน เมื่อ พฤ. 29 มี.ค. 2550 @ 06:25 จาก 202.28.35.1 ลบ (206803)

พี่อนงค์เหมาะสมแล้วครับที่จะเรียนในทางสาขาเหล่านี้...เป็นนักพูดและนักฟังที่ดี  รวมถึงนักคิดนะครับ

ผมให้ความสนใจเรื่องนี้พิเศษ  สมัยที่เป็นหัวหน้ากลุ่มฯ  (ด้านนี้)  ก็มุ่งมั่นเหลือกเนที่จะให้มีงานที่ชัดเจนและเคลื่อนตรงไปสู่นิสิต  แต่มันก็ยากยิ่งนัก  เพราะเราไม่มีบุคลากรแม้แต่คนเดียว

มีแต่ใจ  แต่ไม่มีความรู้...

ยินดีต้อนรับสู่เวทีของ มมส อีกครั้ง.....ยิ้ม ๆ

P
กัมปนาท อาชา (แจ๊ค) เมื่อ พฤ. 29 มี.ค. 2550 @ 09:19 จาก 202.28.35.1 ลบ (206923)

ถึงพี่อนงค์

  • ผมเคยไปฝึกสอนที่โรงเรียนบรบือวิทยาคาร (เขียน-ขาว) ตอนเรียนอยู่ปี 4 เทอมแรก (ปี42) ซึ่งผมเห็นการเรียนการสอนนั้นไม่แตกต่างจากโรงเรียนในจังหวัดเลย เพียงแต่ภูมิหลังของผู้ที่มาเรียนนั้นแตกต่างกัน
  • ผมว่าการเล่าปัญหาส่วนตัวให้คนที่เราสนิท (เพื่อน) นั้นถือเป็นกลุ่มบำบัด ที่ผมเคยเห็นฝรั่งเขาชอบทำกัน เช่น กลุ่มผู้ติดสุรา
  • อีกประเด็นการเลือกในสิ่งที่ตนอยากทำเป็นสิ่งที่ถูกต้องครับ แต่ต้องมีข้อมูลประกอบครับ

กัมปนาท

ศูนย์พัฒนาและประกันคุณภาพ

P
กัมปนาท อาชา (แจ๊ค) เมื่อ พฤ. 29 มี.ค. 2550 @ 09:22 จาก 202.28.35.1 ลบ (206928)
ขอแก้ไข จาก (เขียน-ขาว) เป็น (เขีย-ขาว) ครับ สีประจำโรงเรียน
P
MSU-KM :panatung เมื่อ พฤ. 29 มี.ค. 2550 @ 10:53 จาก 202.28.35.1 ลบ (207051)

การสะท้อนและเป็นกระจกเงา เพื่อให้ตนเองกลับมารีเช็กตนเองเป็นสิ่งสำคัญมาก ขอบคุณค่ะแผ่นดิน และมีเจตนาที่จะสื่อให้รู้จักกันมากขึ้น และการเดินทางแต่ละบุคคลมีความแตกต่างกันแต่เป้าหมายเดียวกันคือ การได้ประกอบวิชาชีพตามที่ตนเองเรียนมา

P
MSU-KM :panatung เมื่อ พฤ. 29 มี.ค. 2550 @ 11:37 จาก 202.28.35.1 ลบ (207111)
  • ยินดีค่ะคุณกัมปนาท อาชา (แจ๊ค)  แวะมาทักทายและต่อยอดความคิด  เมื่อครั้งไปฝึกสอนที่โรงเรียนบรบือวิทยาคาร เด็กเกเรต่ออ.แจ๊คหรือเปล่า   
  •  พี่ว่าก็โอเคนะโรงเรียนระดับอำเภอ  ขึ้นอยู่กับตัวผู้เรียนเอง  เมื่อก่อนที่พี่เรียน นักเรียนและความเจริญยังไม่มากนัก  ขณะนี้โรงเรียนเปลี่ยนไปเยอะมาก ดูใหญ่ ไม่ว่าจะเป็นจำนวนครู จำนวนนักเรียนที่มากขึ้น การดูแลจะต้องเข้มงวดมากขึ้น
ไม่มีรูป
ไม่แสดงตน เมื่อ พฤ. 29 มี.ค. 2550 @ 11:50 จาก 202.28.35.1 ลบ (207131)
  • ดีค่ะ พี่...จะทำให้รู้จักหัวหน้างานแนะแนวฯ กองกิจการนิสิต มากขึ้น
P
กัมปนาท อาชา (แจ๊ค) เมื่อ พฤ. 29 มี.ค. 2550 @ 12:49 จาก 202.28.35.1 ลบ (207190)

ถึงพี่อนงค์

นักเรียนที่นั้นผู้ชายดุแล้วจะไม่ค่อยชอบผมนัก แต่นักเรียนผู้หญิง ผมดูสายตาแล้วคงจะชอบครับ

ไม่มีรูป
anong-panatung เมื่อ พฤ. 29 มี.ค. 2550 @ 17:30 จาก 202.28.35.1 ลบ (207510)

ถึงคุณแจ็ค..

ขอบคุณมาก  อาจจะเป็นช่วงของวัยรุ่น มักจะมีอารมณ์นำเหตุผล  ที่โดนอาจารย์ฝึกสอนดุ มักจะแสดงอาการค่ะ  

กว่าจะมาถึงวันนี้ ชีวิตมีเรื่องราวมากมาย ในโลกใบนี้ น่าติดตามมาก

สวัสดีค่ะ

  • ขอบคุณมากที่ ลปรร
  • ชีวิตคนเรา มีเรื่องราวมากมาย  ที่น่าศึกษาและน่าค้นหาค่ะ
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท