เมื่อวันเสาร์ที่ 28 เมษายน 2550 ดิฉันได้เข้ารับการฝึกอบรมโครงการพัฒนาผู้ประสานงานพัฒนาคลัสเตอร์ (CDA) ครั้งที่ 1 จัดที่โรงแรมเจ้าพระยาปาร์ค กรุงเทพฯ โดยสภาอุตสาหกรรม และสถาบันคีนันแห่งเอเซีย ที่มีกำหนดฝึกอบรม จำนวน 5 วัน (เฉพาะวันเสาร์ 5 เสาร์)
ในครั้งแรกของการเรียนรู้นั้นจะเป็นเนื้อหาเกี่ยวกับ
1) แนวคิด ความสำคัญ และประโยชน์ของคลัสเตอร์
2) วิธีการและขั้นตอนการพัฒนาคลัสเตอร์
3) เครื่องมือในการวิเคราะห์และประเมินคลัสเตอร์ ได้แก่ ศักยภาพ และอื่น ๆ
การฝึกอบรมมี คุณสุวิชา มิ่งขวัญ เป็นวิทยากรหลัก และมีทีมวิทยากรผู้ช่วย ประมาณ 3-5 คน โดยใช้วิธีการบรรยาย การใช้กรณีตัวอย่าง และการแบ่งกลุ่มฝึกปฏิบัติ
กระบวนการที่ผู้จัดฝึกอบรมใช้ก็คือ ให้ทุกคนแนะนำตนเอง แต่ละคนบอกความคาดหวังของการเข้าอบรมในครั้งนี้ แล้วแบ่งกลุ่มเพื่อระดมความคิดเกี่ยวกับความเข้าใจของคำว่า "คลัสเตอร์" แล้วให้ผู้แทนกลุ่มมานำเสนอ แล้ววิทยากรจึงสรุปรวม หลังจากนั้นวิทยากรก็จะบรรยายและเสริมความรู้ให้ โดยเปิดโอกาสให้ผู้เรียนซักถามเป็นระยะ ๆ เพื่อแลกเปลี่ยนความคิดระหว่างกัน สุดท้ายจึงมีการแบ่งกลุ่มเพื่อทดลอง วิเคราะห์คลัสเตอร์ "เครื่องหนัง" โดยใช้ เครื่องมือ Cluster Map และเมื่อแต่ละกลุ่มทำเสร็จก็ส่งผู้แทนออกมานำเสนอ แล้วจึงสรุปบทเรียนในครั้งนี้
ส่วนการเรียนรู้ในครั้งที่ 2 นั้นจะเป็นการไปดูงานนอกสถานที่ที่กำแพงแสน จังหวัดนครปฐม เพื่อให้เห็นของจริง เช่น Logistic การบริหารจัดการ ปัญหาอุปสรรคและการแก้ไข และขั้นตอนการปฏิบัติของคลัสเตอร์โดยใช้เหตุการณ์และสถานการณ์จริงในการเรียนรู้
ฉะนั้น ความรู้เรื่องคลัสเตอร์ เป็นองค์ความรู้ที่ดิฉันค้นหาและอยากจะพัฒนาตนเองมาได้ซักประมาณ 1 ปี ที่คิดเช่นนี้ก็เพราะว่า "ตอนนี้เราเจอภาวะด้านการลดอัตรากำลังคน งบประมาณลดลง ทรัพยากรลดลง และการสนับสนุนลดลง ฉะนั้น เราจะช่วยองค์กรได้อย่างไรดี? โดยเฉพาะการพัฒนาเจ้าหน้าที่" ดังนั้น วิธีการพัฒนาเจ้าหน้าที่และการช่วยเหลือซึ่งกันและกันนั้นก็คงมีแต่ "เครือข่าย" เท่านั้นที่จะช่วยเราได้ ส่วนหลักคิดของดิฉันก็คือ ถ้าเราจะเอาอะไรไปใช้หรือไปทดลองเราก็ต้องทำความเข้าใจกับมันก่อน และคลัสเตอร์ยังเป็น เทคโนโลยีการพัฒนาคน จึงนับว่า เป็นโอกาสดีที่ได้เข้ารับการอบรม โดยอยู่ในโควต้าของ คุณภาณี บุญญเกื้อกูล ค่ะ.
ฉะนั้น งานที่ดิฉันกำลังทำอยู่ตอนนี้ ไม่ว่าจะเป็น 1) เรื่องการจัดการความรู้ 2) เรื่องการทำวิจัยชุมชน 3) เรื่องการถอดบทเรียน และ 4) เรื่องเครือข่าย ถ้ามองให้ดี ๆ แล้วทำการวิเคราะห์ให้แม่น ๆ โดยใช้ภูมิรู้หรือภูมิปัญญาที่ดิฉันมีอยู่นั้น จะเห็นได้ว่า ดิฉันกำลังทำงานตามภารกิจของตนเองคือ การศึกษาค้นคว้าและเลือกสรรเทคโนโลยีที่เป็นไปได้เพื่อพัฒนาเจ้าหน้าที่และพัฒนางานให้กับองค์กรได้ตรงเป้าหมาย โดยหน่วยงานมีงบประมาณให้ดิฉันทำงาน ประมาณ 10,000 บาทต่อปี แต่ภารกิจงานที่กำลังจะเกิดขึ้นดิฉันใช้วิธีการไปเชื่อมโยงและทำงานร่วมกับเครือข่ายคือ เขาได้งานเราได้งาน แถมยังได้เพื่อนเพิ่มขึ้นอีกด้วย และยังได้พัฒนาตนเองอีกด้วยค่ะ
ฉะนั้น โลกกว้างของการเรียนรู้ให้กับตนเองยังมีอีกยาวไกล เพียงแต่เราเปิดประตูออกไปชมเราก็จะได้เห็นสิ่งสวย ๆ งาม ๆ อีกเยอะแยะมากมาย แต่ถ้าเราปิดประตูให้กับตนเองก็คงยากต่อการทำความดีให้กับส่วนรวมได้ค่ะ.