พาไปรู้จัก..........มาดากัสการ์ ขุมอัญมณีในแอฟริกา


ไทยกำลังจะเปิดสถานกงสุลใหญ่ที่มาดากัสการ์แล้ว

 

 

มาดากัสการ์ เกาะมหาสมบัติแห่งแอฟริกา ผมพาท่านไปยังเกาะแห่งหนึ่งที่ชื่อว่า  มาดากัสการ์ เป็นเกาะที่ใหญ่เป็นอันดับสี่ของโลก ผู้คนมีเชื้อสายแอฟริกัน-อินโด-มาเลย์ และที่สำคัญ เกาะนี้มีทรัพยากรธรรมชาติอุดมสมบูรณ์ โดยเฉพาะอัญมณีที่ล้ำค่าในปริมาณที่มากมายมหาศาล สมควรที่เราจะเรียกว่า เกาะมหาสมบัติแห่งแอฟริกา          มาดากัสการ์เป็นอีกประเทศหนึ่งที่ผมเห็นว่ามีศักยภาพในทางเศรษฐกิจ และธุรกิจ เป็นประเทศที่ไม่เหมือนประเทศในแอฟริกาทั่วไป เพราะมีเสน่ห์ที่ซ่อนเร้นมากมายให้ค้นหาทั้งในแง่ของผู้คนและผืนแผ่นดิน เป็นขุมทรัพย์ที่น่าจะเป็นอนาคตของนักธุรกิจไทยได้อย่างสบาย          มาดากัสการ์ทำไมคนถึงมีหน้าตาเหมือนอินโด…….ทำไมถึงมีอัญมณีเยอะมาก เยอะเสียจนคนจันทบุรีหลายร้อยคนพากันเดินทางเข้าไปทำมาหากินเป็นล่ำเป็นสัน ที่เมืองอันตานานาริโว………ทำไมถึงเป็นเกาะมหาสมบัติแห่งแอฟริกา…………….คนจันทบุรีเข้าไปมาดากัสการ์ทำไมมากมายหลายร้อยคน…….ทำไมผมถึงแนะนำมาดากัสการ์ว่าเป็นอนาคตของนักธุรกิจไทย…… 

ประเทศเกาะใหม่-เกิดใหม่

          สนามบินกรุงอันตานานาริโว เป็นสนามบินเล็กๆ คล้ายสนามบินเมืองเชียงใหม่ของบ้านเรา ผู้คนมากมายที่สนามบินคอยต้อนรับ ทั้งต้อนและรับ ได้ทราบว่าที่สนามบินก็มีชาวบ้านมารุมขายอัญมณีกันเป็นว่าเล่น เหมือนกับที่บ้านเรามีเด็กขายโอเลี้ยงตามสถานีรถไฟฉะนั้น มาเห็นเองก็ดูจะเป็นความจริงเสียด้วย          เกาะมาดากัสการ์แต่ดั่งเดิมนั้นเคยเป็นแผ่นดินส่วนหนึ่งของทวีปแอฟริกา แต่แตกแยกออกมาจากแผ่นดินใหญ่เมื่อประมาณ 165 ล้านปีที่แล้วเองและใช้เวลาอีกกว่า 45 ล้านปี จนมาอยู่ในจุดที่อยู่ในปัจจุบันในมหาสมุทรอินเดีย จากนั้น ว่ากันว่ามนุษย์คนแรกหรือพวกแรกที่มาอยู่ในเกาะนี้ได้แก่พวกอินเดีย แอฟริกันและอาหรับที่ล่องเรือมา จวบจนกระทั่งปี ค.ศ. 1500 โปรตุเกสได้มาพบเกาะมาดากัสการ์นี้ ข่าวการพบเกาะรู้ไปถึงประเทศยุโรปอื่นๆ ทำให้ประเทศมหาอำนาจทางเรือเช่นอังกฤษและฝรั่งเศสต่างพากันเข้ามาล่าอาณานิคมบนเกาะนี้ด้วยซึ่งก็มีการต่อสู้ระหว่างชนพื้นเมืองเรื่อยมาในปี ค.ศ. 1794 กษัตริย์ Andrianampoinimerina รวบรวมชนพื้นเมืองที่มีอยู่หลายเผ่า ตั้งเป็นอาณาจักรมาดากัสการ์ได้สำเร็จ ปกครองเกาะนี้มาจนถึงรุ่นลูก กษัตริย์ Radama ที่ 1 ในปี ค.ศ1817 ที่เริ่มเปิดรับอารยธรรมตะวันตกที่แผ่เข้ามาทางหมอสอนศาสนา จนทำให้ชนพื้นเมืองได้รับอิทธิพลทั้งทางศาสนา ภาษาและความเป็นอยู่อย่างมาก อย่างไรก็ดี เมื่อกษัตริย์ Radama สิ้นพระชนม์ ในปี ค.ศ  1828 ราชินี Ranavalona ขึ้นปกครองประเทศและได้ขับไล่หมอสอนศาสนาออกไปจากมาดากัสการ์จนหมดสิ้นในปี ค.ศ1883-1895 ฝรั่งเศสยึดมาดากัสการ์ได้ ยกเลิกระบบกษัตริย์และใช้ภาษาฝรั่งเศสเป็นภาษาราชการอย่างไรก็ตาม ภาษาพื้นเมืองที่นิยมใช้กันมากก็คือ  creoleในปี ค.ศ1958 เมื่อชาลส์ เดอ โกลได้รับเลือกเป็นประธานาธิบดีของฝรั่งเศส และได้ให้อิสรภาพแก่มาดากัสการ์ โดยมีประธานาธิบดี Tsiranana เป็นประธานาธิบดีคนแรก ปกครองจนถึงปี ค.ศ1972 นาย Didier Ratsiraka ได้เป็นประธานาธิบดีคนต่อมาและได้รับเลือกอีกเป็นครั้งที่สองในปี ค.ศ1991 และได้รับเลือกอีกเป็นครั้งที่สามหลังจากที่นาย Albert Zafy ได้เข้ามาเป็นประธานาธิบดีในช่วงเวลาสั้นๆ ในปี  ค.ศ 2001 มีการเลือกตั้งประธานาธิบดีครั้งใหม่มีคู่ชิงคนสำคัญได้แก่ นาย Ravalomanana อดีตนายกเทศมนตรีกรุงอันตานานาริโว ผลการนับคะแนนมีปัญหาไม่สามารถตกลงกันได้จนเกิดความวุ่นวายภายในประเทศเป็นเวลาหลายเดือนในที่สุด ในเดือนกรกฎาคม 2545 นาย Ravalomanana ได้รับการยอมรับจากมหาอำนาจเช่นสหรัฐฯ และหลายประเทศในยุโรปทำให้สถานการณ์คลี่คลายและยุติลงโดยมีนาย Ravalomanana เป็นประธานาธิบดีคนล่าสุด

เมืองหลวงแห่งเนินเขาศักดิ์สิทธิ์ 12 เนิน          เมืองอันตานานาริโวเป็นเมืองหลวงขนาดเล็ก มีประชากรเพียง 1 ล้านคน บ้านเรือนส่วนใหญ่สร้างตามเนินเขาซึ่งมีอยู่ถึง 12 เนินรอบเมือง บ้านทั่วไปสร้างด้วยอิฐโบกปูน ชั้นเดียว หลังคาปูด้วยกระเบื้องมีลักษณะเป็นหน้าจั่วเหมือนหลังคาในบ้านเรา ต้องนับว่าแปลกสำหรับบ้านเรือนในทวีปแอฟริกา เพราะเท่าที่ผมเคยไปเห็นมา ถ้าเป็นคนขาวก็จะสร้างบ้านเป็นตึกแบบยุโรป แต่ถ้าเป็นคนพื้นเมืองที่เป็นคนดำก็จะสร้างเป็นกระต๊อบ หรือบ้านก่อด้วยดิน หลังคาแบนราบมุงด้วยหญ้าคาหรือสังกะสี แต่บ้านเรือนในอันตานานาริโวกลับเป็นบ้านที่คล้ายกับบ้านในเอเชีย คือมุงหลังคาด้วยกระเบื้องและที่เป็นจุดเด่นคือที่หลังคาจะมีไม้ยื่นขึ้นไปคล้ายบ้านทรงไทยอย่างไรอย่างนั้น          คนมาลากาซี่นั้นก็ดูมีความปนเปของหลายเชื้อชาติ คือแอฟริกัน อินโดนีเซีย มาเลย์และแม้กระทั่งอินเดียก็มีให้เห็น ผมได้พูดคุยกับคนมาลากาซี่หลายคนไม่ถือว่าตัวเองเป็นส่วนหนึ่งของทวีปแอฟริกา แต่เป็นชาวเกาะเป็นชาวมาลากาซี่ ที่มีเชื้อสายเอเซีย ซึ่งถือว่าเป็นเอกลักษณ์เฉพาะ ก็เห็นจะจริงเพราะหน้าตา การแต่งตัวก็ไม่ค่อยเหมือนคนพื้นเมืองแอฟริกันเท่าใดนัก          เมืองอันตานานาริโวแม้จะเป็นเมืองหลวงแต่ก็ยังไม่เจริญนัก ร่องรอยของความเจริญในอดีตจากการตกเป็นอาณานิคมของฝรั่งเศส จะมีอยู่บ้างก็เฉพาะที่เห็นได้ เช่น ถนนหนทางผังเมืองในบางส่วน อาคารของรัฐที่ยังคงหลงเหลืออยู่ มีสไตล์ฝรั่งเศสอย่างชัดเจน เช่น สถานีรถไฟ ดูไปดูมา คล้ายหัวลำโพงของเรา ถนนกลางเมืองก็ดูคล้ายถนนราชดำเนิน ระบบสาธารณูปโภคยังไม่ค่อยดีนัก โดยเฉพาะน้ำประปา ดูเหมือนว่าคนมาดากัสการ์ไม่ค่อยจะขวนขวายในเรื่องวิถีชีวิตและความเป็นอยู่นัก ผมสังเกตว่าแทบทุกบ้านไม่มีระบบการเก็บน้ำเลย  นั่นคือหลังคาไม่มีรางน้ำให้เห็น บ้านไม่เห็นมีตุ่มเก็บน้ำเลย ถามได้ความว่า ไม่รู้จักวิธีเก็บ ก็ใช้น้ำประปาของรัฐ ซึ่งก็ไหลบ้างไม่ไหลบ้าง ถ้าไม่มีก็ไม่ใช้ หรือไม่ก็ใช้จากคลอง ที่กล่าวมานี้เป็นย่านคนธรรมดา ในส่วนที่คนมีฐานะก็มักจะอยู่ตามเนินเขาหรือที่สูง ราวกับจะแบ่งชั้นระหว่างคนเดินดินกับสวรรค์ บ้านบนเนินสร้างแบบยุโรป ดูน่าอยู่ดีเหมือนกัน          โรงแรมที่ดีที่สุดที่พอจะพักได้ในเมืองมีอยู่เพียง 2 แห่ง คือโรงแรมฮิลตันและโคลแบร์ของฝรั่งเศส ราคาประมาณ คืนละ 100 เหรียญสหรัฐฯ ขึ้นไป ผมบังเอิญได้เข้าพักที่ฮิลตัน จึงมีโอกาสได้สังเกตทิวทัศน์บ้านเมืองอันตานานาริโวผ่านหน้าต่างห้องโรงแรมสูงกว่า 16 ชั้นนี้ ซึ่งก็ถือว่าเป็นตึกที่สูงที่สุดในประเทศนี้ทีเดียว มองจากมุมสูงอันตานานาริโวเป็นเมืองที่แออัดที่ตั้งอยู่บนเนินเขาน้อยใหญ่ ถนนเล็กแคบคดเคี้ยววกวนไปมาแล้วยังจอแจไปด้วยรถยนต์และผู้คน อาคารริมถนนดูคล้ายตึกแถวบ้านเรา สินค้าส่วนใหญ่เป็นสินค้าจากประเทศจีนโดยมีชาวจีนเป็นพ่อค้า นอกนั้นก็มีร้านขายเพชรและเครื่องประดับก็จะมีชาวอินเดียหรือชาวเลบานอนเป็นผู้ขาย ส่วนชาวมาลากาซี่นั้นจะเป็นพวกขายของเล็กๆ น้อยๆ ข้างถนนหรือตามตลาด หรือไม่ก็เป็นพวกขับรถรับจ้างรถแท็กซี่ ซึ่งมีอยู่ทั่วเมือง สิ่งที่น่าดูอีกอย่างหนึ่งคือรถลากเหมือนรถเจ๊กในสมัยก่อน ยังมีให้เห็นอยู่ทั่วไปคนมาลากาซี่ทั่วไปเมื่อเทียบกับคนแอฟริกันหลายประเทศถือว่าแต่งตัวดี หน้าตายิ้มแย้มแจ่มใส ดูเป็นมิตร อิทธิพลของฝรั่งเศสนั้นยังคงมีให้เห็นอยู่มาก เพราะทั้งภาษา ประวัติศาสตร์ วัฒนธรรมล้วนเป็นฝรั่งเศสทั้งนั้น ผมเห็นร้านขายขนมปังและขนมสไตล์ฝรั่งเศสตั้ง อยู่เป็นระยะๆ มีคนอุดหนุนคับคั่ง รวมทั้งร้านอาหารฝรั่งเศส ร้านขายหนังสือก็เป็นภาษาฝรั่งเศสทั้งหมด          ผมบังเอิญได้พบคนอินโดนีเซียที่ไปทำงานที่อันตานานาริโวคนหนึ่งชื่อซาลิมา เธอเล่าให้ฟังว่าอินโดนีเซียให้ความสำคัญกับมาดากัสการ์เพราะมีความเกี่ยวโยงกันในทางประวัติศาสตร์ วัฒนธรรมหลายอย่างของอินโดได้ผสมกลมกลืนไปกับคนพื้นเมืองจนแยกไม่ออก เช่น อาคารบ้านเรือน อาหารและเครื่องแต่งกาย ปัจจุบันนี้คนมาลากาซี่เชื้อสายอินโดมีอยู่มากมายและเป็นกลุ่มคนที่ใหญ่กลุ่มหนึ่ง ไม่นับคนอินเดียและจีนที่จัดว่าเป็นอีกกลุ่มต่างชาติหนึ่งที่มีอิทธิพลในมาดากัสการ์

 

คนยากจนแต่แผ่นดินไม่จน

          มาดากัสการ์เป็นประเทศที่ยากจนค่อนข้างจะที่สุดประเทศหนึ่ง รายได้เฉลี่ยต่อหัวต่อปีประมาณ 800เหรียญสหรัฐฯ เท่านั้น แต่ทำไมผมถึงบอกว่าคนยากจนแต่แผ่นดินไม่จน เพราะว่าในแผ่นดินของมาดากัสการ์นั้นอุดมสมบูรณ์ไปด้วยทรัพยากรธรรมชาติเรียกว่าทั้งทรัพย์ในดินและบนดิน ยกตัวอย่างทรัพย์ในดินที่สำคัญที่สุดในขณะนี้คืออัญมณีซึ่งมีมากเหลือเกินโดยเฉพาะทางตอนใต้ของประเทศ ผลผลิตบนดินทางเกษตรที่สำคัญที่ส่งออกคือกาแฟ วานิลา กานพลู ไม้ สัตว์ทะเลมีเปลือก(กุ้ง หอย ปู) น้ำตาลทราย รวมทั้งผลิตภัณฑ์ปิโตรเลี่ยม นี่ยังไม่นับทรัพย์ในทะเลที่มีมากเหมือนกันอัญมณีที่ประเทศไทยต้องการจากมาดากัสการ์นั้นก็มีมาก โดยเฉพาะ topaz และ sapphires รวมทั้งพลอยหลากหลายชนิด ซึ่งไทยใช้วัตถุดิบเหล่านี้เพื่อเพิ่มมูลค่าอุตสาหกรรมอัญมณีและเครื่องประดับ เป็นที่รู้กันว่าผู้ค้าพลอยจันทบุรีของไทย ขุดพลอยในจังหวัดจนหมดเกลี้ยง ครั้นจะไปขุดที่ประเทศข้างเคียงซึ่งก็พอมี เช่นกัมพูชา หรือพม่า ก็เอาแน่ไม่ได้  ด้วยปัญหาชายแดน และปัญหาภายในประเทศของเขาเอง ทำให้ชาวจันทบุรีต้องคิดแล้วว่าจะหาอัญมณีจากที่ใดที่จะทำให้อุตสาหกรรมอัญมณีเครื่องประดับอยู่รอดต่อไป คำตอบอยู่ที่มาดากัสการ์ ผู้เชี่ยวชาญอัญมณีจันทบุรีบอกผมว่า พลอย topaz และพลอยแดงที่มาดากัสการ์นั้นคุณภาพดีมาก และมีแหล่งพลอยที่อุดมสมบูรณ์ ขุดอีกหลายสิบปีก็ไม่หมด และด้วยเหตุนี้ ผู้ค้าพลอยไทยจึงไปแสวงโชคที่อันตานานาริโวเป็นจำนวนหลายร้อยคนเป็นเวลานับสิบปีมาแล้ว 

ความมั่นคงของอุตสาหกรรมอัญมณีและเครื่องประดับไทย

            ความสำคัญของมาดากัสการ์ในเรื่องแหล่งอัญมณีนั้นมีมาก มากแค่ไหนก็ลองคิดดูว่ามูลค่าของอุตสาหกรรมอัญมณีและเครื่องประดับที่ไทยส่งออกไปขายทั่วโลกที่มีถึง 7 หมื่นล้านบาทต่อปี วัตถุดิบส่วนใหญ่ซึ่งได้แก่พลอยนั้น มาจากมาดากัสการ์นี่เองถามว่าถ้าไม่มีวัตถุดิบจากมาดากัสการ์จะเป็นเช่นไร หลายคนไม่อยากคิด เพราะอาจจะกระทบอุตสาหกรรมอัญมณี กระทบต่อบุคลากรและแรงงานที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมนี้นับหมื่นนับแสนคน กระทบการท่องเที่ยวและโรงแรม เนื่องจากชาวต่างชาติไม่น้อยที่เดินทางมาประเทศไทยโดยต้องการมาซื้อหาเครื่องประดับซึ่งไทยเป็นศูนย์กลางแห่งหนึ่งของโลก ได้มีการคาดประมาณกันว่า วัตถุดิบที่ใช้ป้อนอุตสาหกรรมอัญมณีและเครื่องประดับของไทยนั้น ร้อยละ 70-80 มาจากมาดากัสการ์โดยมีมูลค่าการนำเข้าขั้นต่ำประมาณ 10,000 ล้านบาทต่อปี            การนำเข้าอัญมณีเช่นพลอยจากต่างประเทศเข้าประเทศไทยนี้ ไม่มีการห้ามหรือจำกัด โดยเฉพาะหากเป็นการนำเข้ามาเป็นสินค้าตัวอย่าง ดังนั้นเราอาจประมาณการว่าการนำเข้าพลอยจากมาดากัสการ์น่าจะปริมาณมากกว่าที่หลายคนคาดคิดหลายเท่า 

แหล่งประมงและตลาดผู้บริโภคขนาดใหญ่

          มาดากัสการ์นั้นเป็นแหล่งประมงที่อุดมสมบูรณ์อีกแห่งหนึ่งในแอฟริกา โดยมีชายฝั่งทะเลยาวรวมกันถึง 4828 กิโลเมตร ซึ่งเรือประมงไทยเริ่มเข้าไปจับปลาแล้ว นอกจากนี้ ด้วยประชากรกว่า 16 ล้านคน ทำให้เป็นตลาดผู้บริโภคที่ใหญ่ ซึ่งเท่าที่ผมได้ไปเห็นมาคนมาลากาซี่มีความต้องการสินค้าพื้นฐานและอุปโภคบริโภคทุกขนิดซึ่งไทยมีครบครันในราคาที่แข่งขันกับบางประเทศ เช่นจีนได้อย่างสบายนอกจากนั้นในเรื่องก่อสร้างก็มีลู่ทางที่จะพัฒนาอีกมากในอนาคตอันใกล้ ที่เห็นชัดๆ ก็คือกรุงอันตานานาริโวยังขาดสิ่งต่างๆ อีกมาก ผมลองถามซาลีมาว่าเท่าที่เธออยู่ในมาดากัสการ์มานาน อยากให้อันตานานาริโวมีอะไรบ้าง เธอบอกว่า อยากให้มีถนนที่ดีและกว้างกว่านี้ มีโรงแรมห้าดาวดีๆ มีโรงพยาบาลที่ใหญ่มีคุณภาพ มีโรงเรียนที่เป็นมาตรฐานสากล มีร้านอาหารไทย .ฯลฯ สิ่งที่ซาลีมาบอกผมนั้นจดอย่างไรก็ไม่หมดเพราะต้องการแทบทุกอย่าง นักธุรกิจไทยไม่ต้องขนาดใหญ่เอาแค่กลางๆ หรือเล็กๆ ก็สามารถไปสร้างสิ่งเหล่านี้ให้เกิดได้ในมาดากัสการ์ โดยอาจจะเอาสินค้าแลกกับพลอยของมาดากัสการ์ในลักษณะ Account Trade การค้าแบบหักบัญชีระหว่างกัน ผมว่าเป็นสิ่งที่น่าตื่นเต้นที่จะบอกว่า ยังมีตลาดธุรกิจหลายชนิดรออยู่อีกมากที่มาดากัสการ์ สำหรับนักธุรกิจ นักค้าขายไทย ปัญหาอยู่ตรงที่ว่าเมื่อคุณรู้อย่างนี้แล้ว คุณจะตัดสินใจอย่างไรและจะกล้าไปหรือเปล่า 

โอกาสใหม่ มาดากัสการ์ยุคใหม่

เรื่องนี้คงจบไม่สมบูรณ์หากไม่พูดถึงรัฐบาลใหม่ของมาดากัสการ์ซึ่งได้ทำให้เกิดความหวังครั้งใหม่แก่เกาะแห่งนี้และอาจจะเป็นโอกาสใหม่ของคนไทยและนักธุรกิจไทยด้วยก็ได้ประธานาธิบดีคนใหม่ล่าสุด นาย Ravalomanana เป็นนักธุรกิจรุ่นใหม่ที่ประสบความสำเร็จในชีวิต ต่อสู้จากธุรกิจเล็กๆ ขายโยเกิร์ต(นมเปรี้ยว) จนสร้างเนื่อสร้างตัวได้เป็นผู้คุมธุรกิจนมดื่มและอาหารเสริมที่ใหญ่ที่สุดในมาดากัสการ์ รวมทั้งกิจการอื่นๆ อีกหลายอย่างดูจากประวัติของประธานาธิบดีคนนี้ซึ่งมีอายุเพียง 52 ปีแล้วต้องยอมรับว่าเป็นคนรุ่นใหม่ที่ไฟแรงและน่าจะสอดคล้องกับกระแสโลกที่ต้องการผู้นำและผู้บริหารที่มีวิสัยทัศน์โดยเฉพาะในเรื่องการบริหารการจัดการแบบใหม่หลังจากที่สหรัฐฯและอีกหลายประเทศในยุโรปรวมทั้งสหภาพยุโรปรับรองรัฐบาลใหม่ในเดือนกรกฏาคม 2545 ก็มีการประชุมกลุ่มเพื่อนของมาดากัสการ์ที่กรุงปารีส ฝรั่งเศส (ซึ่งเป็นประเทศที่ให้ความช่วยเหลือมาดากัสการ์มากที่สุด) โครงการความช่วยเหลือได้ถูกกำหนดอย่างเร่งด่วนภายใน 2 ปี โดยมีงบประมาณสนับสนุนมากมายนับพันล้านเหรียญสหรัฐฯผมมีโอกาสได้พบประธานาธิบดีคนใหม่นี้ในวันหนึ่งของเดือนกันยายน 2545 ซึ่งถือว่าพิเศษและโชคดีมาก เพราะตามปรกติประธานาธิบดีคนนี้ไม่ค่อยมีเวลาว่างเพราะเพิ่งขึ้นดำรงตำแหน่งใหม่และไม่ค่อยจะอนุญาตให้ใครเข้าพบได้ง่ายๆ เป็นคนที่มีความเป็นชาตินิยมสูงและจะไม่พูดภาษาต่างประเทศเวลาออกงานต่างๆ แต่สิ่งที่เกิดขึ้นที่ว่าพิเศษสุดก็คือในช่วงที่ผมไปเยือนมาดากัสการ์วันนั้น เอกอัครราชทูตไทยได้เข้ายื่นพระราชสาสน์ตราตั้งกับประธานาธิบดีในช่วงเช้าของวันนั้นพอดีและนับเป็นทูตต่างประเทศคนแรกที่ได้ยื่นสาสน์ตราตั้งกับประธานาธิบดีคนนี้และรัฐบาลชุดนี้ หลังจากยื่นสาสน์แล้วในช่วงบ่ายประธานาธิบดีได้อนุญาตให้คณะผู้แทนไทยซึ่งมีจำนวนถึง 26 คนเข้าพบทั้งหมดเป็นกรณีพิเศษถึง 30 กว่านาทีประธานาธิบดีได้ให้เกียรติและเป็นกันเองกับคณะผู้แทนไทยมาก ท่านได้แสดงความปรารถนาดีและพร้อมที่ร่วมกันส่งเสริมความสัมพันธ์กับไทยในทุกด้านรวมทั้งเชิญชวนให้นักธุรกิจไทยไปลงทุนในมาดากัสการ์ โดยเฉพาะด้านอัญมณีและประมงและหวังเป็นอย่างยิ่งว่าไทยจะให้ความช่วยเหลือในการพัฒนาประเทศมาดากัสการ์บ้าง ประโยคสำคัญที่ท่านประธานาธิบดีได้กล่าวต่อคณะผู้แทนไทยคือการร่วมมือระหว่างกันทั้งสองฝ่ายเพื่อที่จะสร้างผลประโยชน์ร่วมกันและถือเป็นศักราชใหม่ของความสัมพันธ์ระหว่างไทย-มาดากัสการ์ทีเดียวนักธุรกิจไทยสามารถที่จะเข้าไปมีส่วนร่วมในการฟื้นฟูมาดากัสการ์ได้อย่างไม่ยาก สิ่งที่ผมเห็นว่าสำคัญก็คือทัศนคติที่ดี ในยามที่ประเทศใดประเทศหนึ่งประสบความทุกข์ยาก ในฐานะมิตรประเทศและในฐานะที่ไทยเรามีผลประโยชน์อยู่อย่างชัดเจน และเราสามารถช่วยได้ ผมว่านั่นแหละโอกาสของเรา โอกาสที่จะได้สร้างน้ำใจ ไมตรีจิตในฐานะประเทศผู้ให้บ้าง บทบาทของไทยในขั้นแรกที่ชัดเจนก็คือการให้ความช่วยเหลือโดยเฉพาะด้านมนุษยธรรมแก่มาดากัสการ์ ผมดีใจที่คณะนักธุรกิจเอกชนที่ไปในครั้งนั้นได้แสดงน้ำใจบริจาคเวชภัณท์และรถพยาบาลแก่มาดากัสการ์มูลค่าเกือบสองล้านบาทซึ่งประธานาธิบดีมาดากัสการ์ก็ได้ขอบคุณต่อการบริจาคในครั้งนี้ นอกจากนั้นนักธุรกิจไทยก็ยังสามารถที่จะช่วยเหลือโดยอาสาเป็นที่ปรึกษาในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานให้ประเทศมาดากัสการ์ได้ซึ่งก็จะทำให้มาดากัสการ์สามารถยืนได้ด้วยตัวเองและเข้าสู่สังคมฐานความรู้ในยุคนี้ ผมเชื่อว่าด้วยความสามารถของนักวิชาการและ นักธุรกิจไทยที่มีประสบการณ์สูงจะเป็นที่ปรึกษาที่ดีสำหรับมาดากัสการ์ได้ ผมเชื่อด้วยว่าลึกๆ แล้วคนไทยมีเอกลักษณ์ของการเป็นคนที่มีน้ำใจ มีเมตตาปราณีอยู่แล้ว ซึ่งไม่ต่างจากคนมาลากาซี่ จึงขอให้เริ่มจากทัศนคติที่ดีเช่นนี้ ก็น่าจะทำให้การร่วมมือระหว่างทั้งสองประเทศเป็นไปอย่างยั่งยืน

ไปกันเถิดครับ มาดากัสการ์ ไปเริ่มศักราชใหม่ของความสัมพันธ์ซึ่งได้เริ่มมาอย่างดีแล้วในยุคนี้ แม้คุณจะไม่ใช่พ่อค้าพลอยจันทบุรี หรือไม่ใช่ชาวประมงที่ไปจับปลาอยู่ในขณะนี้ ถ้าคุณเป็นนักธุรกิจไทยไม่ว่าจะเล็กและใหญ่ หรือชาวไร่ ชาวนา ชาวสวน นักวิชาการ อาสาสมัคร  แรงงานฝีมือ……. ลองหาโอกาสไปมาดากัสการ์ ไปร่วมกันสร้างความสัมพันธ์ระหว่างนักธุรกิจและระหว่างประชาชนให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น

ปล.ไทยไปเปิดสำนักงานในมาดากัสการ์หลายปีแล้วและกำลังจะเปิดเป็นสถานกงสุลใหญ่ไทยในมาดากัสการเร็วๆ นี้ 

……………………………

หมายเลขบันทึก: 89018เขียนเมื่อ 7 เมษายน 2007 18:18 น. ()แก้ไขเมื่อ 22 มิถุนายน 2012 16:53 น. ()สัญญาอนุญาต: ไม่สงวนสิทธิ์ใดๆจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (18)
ขอบคุณครับท่าน ทำให้ผมมีความรู้เกี่ยวกับมาดากัสการ์ มีประโยชน์มากครับ

 

คุณ engineertelครับ

ขอบคุณครับสำหรับข้อคิดเห็น

ในปัจจุบันไทยเรามีสถานเอกอัครราชทูต/สถานกงสุลไทยใน 7 ประเทศครับ คือ โมร็อคโค อียิปต์ เซเนกัล เคนยา แอฟริกาใต้ ไนจีเรียและมาดากัสการ์

มาดากัสการ์เป็นประเทศเกาะที่น่าไปเที่ยวมากที่สุดครับ หากมีโอกาส อย่าพลาดนะครับ

ด้วยความปรารถนาดี

  • สวัสดีครับ
  • ท่านได้เปิดโลก  ข้ามประเทศ  ข้ามวัฒนธรรม  ซึ่งเป็นสิ่งที่ดีมากในโลกยุคปัจจุบัน
  • โลกทรรศน์ชาวไทยจะได้กว้างไกลมากขึ้นครับ
  • Think Globally, Act locally
  • ขอบคุณครับ
  • สวัสดีค่ะอาจารย์พลเดช 
  • ขอบคุณค่ะ สำหรับบันทึก บทความนี้ ทำให้ได้รับความรู้เกี่ยวกับเกาะนี้มากขึ้นจริงๆ และจากที่ได้อ่านแล้วน่าสนใจมาก  ถ้ามีโอกาสเกาะนี้ก็นับเป็นจุดหมายหนึ่งที่จะไปเยี่ยมเยียนค่ะ

เรียนคุณ TAFS ครับ

ขอบคุณครับสำหรับข้อคิดเห็น ผมจะพยายามทำหน้าที่นักการทูตกับคนในประเทศครับ เพราะในทุกวันนี้ ไม่ว่าเราจะอยู่ที่ใดในประเทศไทย  ความเป็นสากลเข้ามาสัมผัสคนไทยอย่างใกล้ชิด ทุกซอกทุกมุม จึงคิดว่าการทูตเป็นเรื่องที่ต้องเปิดกว้างสู่ประชาชนทุกระดับครับ

ด้วยความปรารถนาดี 

เรียนคุณ NUTIM

ขอบคุณครับและรอฟังเรื่องเล่านะครับ หากคุณได้ไปเยือนในวันข้างหน้า  ทราบว่าในปัจจุบันสายการบินมาดากัสการ์บินตรงจากกรุงเทพฯ -อันตานานาริโวสัปดาห์ละ 3 วัน........ขอให้โชคดีนะครับ

กราบนมัสการพระคุณเจ้า

ในมาดากัสการ์มีคนไทยไปทำธุรกิจเรื่องพลอยนับพันคน และมีคนจีนไปตั้งรกรากที่นั่เป็นจำนวนมาก ศาสนาพุทธจึงเป็นสิ่งหนึ่งที่สามารถไปเผยแพร่และเป็นประโยชน์กับคนมาลากาซีได้อย่างแน่นอน

ผมนึก(และเชื่อมั่น)อยู่เสมอว่า ในอนาคต การที่ไทยจะเป็นมหาอำนาจทางด้านวัฒนธรรมของโลกนั้น ส่วนสำคัญคงจะมาจากการส่งออกศาสนาไปยังนานาประเทศ ซึ่งที่ผ่านมาก็ถือว่าพระธรรมทูตไทยได้ไปทำหน้าที่ได้อย่างดีมากในหลายประเทศแล้วครับ สำหรับมาดากัสการ์ ผมสนับสนุนให้มีพระธรรมทูตไปจาริกและเผยแพร่ธรรมะที่มาดากัสการ์ครับ

กราบนมัสาร

ได้มีโอกาสอ่านมาดากัสการ์ของอาจารย์แล้ว มีความรู้กว้างขึ้นอีกมากมาย ถ้ามีโอกาสคงได้ไปเที่ยวเพื่อเป็นการเพิ่มประสบการ์ชีวิตบ้างค่ะ  ได้เรียนรู้ว่า บนโลกนี้มีประเทศน่าสนใจ น่าศึกษาเพื่อเป็นลู่ทางธุรกิจทั้งขนาดย่อมและขนาดใหญ่  ขอบคุณมากค่ะ

  • แวะเข้ามาเติมเต็มความรู้ค่ะ..
  • บันทึกนี้ช่วยเปิดโลกทัศน์ให้จริงๆค่ะ
  • ขอบคุณนะคะที่เขียนบันทึกดีๆให้พวกเราอ่านกันค่ะ

เรียนคุณยลลดาครับ

ขอบคุณครับ วันหน้าจะเอาภาพที่ถ่ายไว้มาให้ชมกันครับ

เสียดายที่นักธุรกิจไทยโดยเฉพาะใหญ่และขนาดกลางส่วนใหญ่ไม่ชอบผจญภัยไปทำธุรกิจในต่างแดนไกลๆ  โดยเฉพาะในทวีปที่ยังมีโอกาสสูงเช่นแอฟริกา จึงมีแต่จีน มาเลยเซีย อินโดนีเซียไปปักหลักอยู่.......คงสักวันหนึ่งครับ......ผมหวังในใจ

ด้วยความปรารถนาดี

เรียนคุณ อ.ลูกหว้าครับ

ขอบคุณครับ นักการทูตก็ต้องการกำลังใจเช่นกันครับและดีใจที่เป็นประโยชน์กับผู้อื่น

ด้วยความปรารถนาดี

ท่านคะอยากได้ภาพถ่ายของชุดประจำชาติและอาหารประจำชาติค่ะ พอจะมีไหมคะ

ขอบคุณสำหรับข้อมูลที่มีประโยชน์นะคะ

คุณ chicky...

วิธีการหนึ่งที่ผมเองก็ใช้เป็นประจำคือหาใน Google โดยเลือกหาภาพ โดยต้องใส่คำที่ตรงกับสิ่งที่เราต้องการให้มากที่สุด จะได้ภาพที่สามารถนำไปใช้ได้มากมายครับ

โชคดีครับ

ก่อนหน้านี้หนูลองดูแล้วค่ะท่าน แต่ภาพที่ได้ไม่ถูกต้องค่ะ ก็กะว่าจะลองหาจากผู้ที่เคยไปเที่ยวแล้วเก็บภาพไว้ สงสัยจะหายากจริงๆค่ะ

ขอบคุณมากนะคะ :D

chicky...
งั้นติดต่อนี่เลยครับ สถานทูตไทยในมาดากัสการ์

r
 
Address: ParkBatiment D1 1st floor Village des Jeux Ankorondrano u2013 Antananarivo 101
Phone: (261 20) 2255626
Fax: (261 20) 222-3839
Website: www.thaiembassy.org/antananarivo
Email: [email protected]
Office hours: Monday-Friday 8:30 a.m. to 5:30 p.m

สวัสดีท่าน พลเดช ครับ

แวะมาอ่านเรื่องราวสถานทูตไทยในมาดากัสการ์ครับ...

ขอบคุณครับ อาจารย์พลเดช ที่เนะนำเกี่ยวกับ มาดากัสการ์  เ็ป็นประเทศที่สวยงามมาก ผมเองโชคดีที่มีโอกาศได้ไปเยืนหลายครั้ง และ อยากแนะนำให้ผู้ที่ชอบผจญภัยไปเยือน มาดากัสการ์ สักครั้ง ครับ

อนุญาตให้แสดงความเห็นได้เฉพาะสมาชิก
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท