เช้าวันที่ 31 มีนาคม 2550 ผมออกจากโรงแรมที่พักกลางเมืองภูเก็ต ตั้งแต่เช้า เพื่อไปขึ้นรถร่วมกับนักศึกษาปริญญาโท สาขาพัฒนาสังคม ที่ ม.อ.ภูเก็ต โดยเป้าหมายแรก ของการเดินทางครานี้คือ การไปดูการจัดการวิสาหกิจชุมชนของบ้านบางโรง
ชุมชนบ้านบางโรงประชากรส่วนใหญ่เป็นชาวมุสลิม เดิมชุมชนแห่งนี้ประกอบอาชีพเกษตรกรรม ทำการประมงชายฝั่ง แต่หลักจากกระแสความเจริญเข้ามาทำให้วิถีชีวิตของคนในชุมชนเปลี่ยนแปลงไป อยากรวยมากขึ้น ขายที่ให้นายทุน บุกรุกทำลายธรรมชาติ โดยการทำนากุ้ง และมีการสัมปทานป่าชายเลนเพื่อทำถ่าน....และที่สำคัญมีความแตกแยกภายในชุมชนด้วยอิทธิพลของการเมือง
ด้วยความตระหนักในปัญหาของชุมชนที่กำลังถ่าโถม ได้มีสมาชิกของชุมชนเข้ามาร่วมจัดการแก้ไขปัญหา โดยใช้หลักของศาสนาทั้งพุทธ และอิสลามมาเป็นเครื่องยึดเหนี่ยว และใช้มัสยิดเป็นศูนย์กลางการพัฒนากิจกรรมเด่น ๆ ของชุมชนบ้านบางโรง เช่น การจัดตั้งกลุ่มออมทรัพย์ จัดตั้งกลุ่มอาชีพ มีการจัดสวัสดิการด้านการศึกษา การรักษาพยาบาล ซึ่งปัจจุบันมีเงินหมุนเวียนอยู่ในกลุ่มกว่า 20 ล้านบาท
หลังจากนั้นเราก็ขึ้นเรือที่ท่าเรือบ้านบางโรง เพื่อไปสู่เกาะเยาวน้อย เกาะยาว ซึ่งตั้งใช้เวลาเดินทางด้วยเรือโดยสารร่วม 2 ชั่วโมงเลยที่เดียวเกาะยาว เป็นอำเภอหนึ่งในจังหวัดพังงา มีพื้นที่เป็นเกาะสองเกาะด้วยกันคือ เกาะยาวน้อย และเกาะยาวใหญ่ ประชากรส่วนใหญ่นับถือศาสนาอิสลาม ประกอบอาชีพประมงชายฝั่ง เลี้ยงปลาในกระชัง ทำนา ทำสวนผลไม้ และยางพาราเป็นต้น
วิถีชีวตที่นี่อยู่อย่างเรียบง่าย ไม่เห็นภาพแห่งการแก่งแย่งแข่งขันมากนัก คนที่นี่จอดมอเตอร์ไซด์ไม่เคยถอดกุญแจ เพราะเขากลัวกุญแจหายมากกว่ารถหาย คดีความต่าง ๆ ก็แทบไม่มีเลย นอกจากนี้ เรายังจะได้เห็น “ควาย” หลายร้อยตัวในเกาะนี้ (ที่อื่นแทบไม่มีแล้ว)
เราไปดูการจัดการวิสาหกิจชุมชนของชาวเกาะยาว มีการรวมกลุ่มเพื่อผลิตสินค้าชุมชน เพื่อขายให้นักท่องเที่ยว มีการบริการที่พักแบบ Home Stayปัจจุบันเกาะยาวกำลังมีความเจริญอย่างรวดเร็ว
เพราะมีธรรมชาติที่สวยงามจึงดึงดูดนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างประเทศ ซึ่งชาวบ้านในพื้นที่ก็ต้องปรับตัวเองในหลาย ๆ เรื่องทั้งนี้เพราะวัฒนธรรมของนักท่องเที่ยว กับวัฒนธรรมของคนในพื้นที่ต่างกัน ดูง่ายๆ เช่นการแต่งกาย ชาวมุสลิมทั้งชายและหญิงต้องปกปิดร่างกายให้มิดชิด แต่นักท่องเที่ยวใส่กางเกงในตัวเดียวเดินทั่วเกาะอะไรแบบนี้เป็นต้น
นอกจากนี้นายทุนทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศเข้าทำมาหากินในพื้นที่มากขึ้น มีการกว้านซื้อที่ดินเพื่อทำรีสอร์ท บางคนยึดหาดทั้งหาดเป็นของตัวเองเลยก็ว่าได้ อีกไม่นานเชื่อเหลือเกินว่าชาวเกาะยาวแท้ ๆ ก็คงมีศักดิ์และสิทธิ์เพียงประชาชนชั้นสองของพื้นที่เท่านั้น.....
<h2 style="margin: 0in 0in 0pt" class="MsoNormal"></h2> <h2 style="margin: 0in 0in 0pt" class="MsoNormal"> คลองบางโรง แหล่งท่องเที่ยงเชิงนิเวศของชุมชน </h2> <h2 style="margin: 0in 0in 0pt" class="MsoNormal"></h2> <p style="margin: 0in 0in 0pt" class="MsoNormal"></p> <p style="margin: 0in 0in 0pt" class="MsoNormal"></p> <p style="margin: 0in 0in 0pt" class="MsoNormal"></p> <h2 style="margin: 0in 0in 0pt" class="MsoNormal"> ท่าเทียบขึ้นสู่เกาะยาวน้อย ฝั่งตรงข้ามเป็นเกาะยาวใหญ่ครับ</h2> <h2 style="margin: 0in 0in 0pt" class="MsoNormal"></h2> <p style="margin: 0in 0in 0pt" class="MsoNormal"></p> <p style="margin: 0in 0in 0pt" class="MsoNormal"></p> <h2 style="margin: 0in 0in 0pt" class="MsoNormal">ชายหาดอีกมุมหนึ่งของเกาะยาวน้อย</h2>
ผมเคยไปบางโรงเมื่อปี 2546 ตอนทำงานอยู่สถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน (องค์การมหาชน) เป็นชุมชนที่สามารถจัดการแก้ปัญหาของชุมชนได้ดีมาก ทั้งการแก้ปัญหาหนี้สิน การแก้ปัญหาที่ดิน การจัดการป่าชายเลน และการทำวิสาหกิจชุมชน เพราะที่นี่เขามีผู้นำที่เก่ง และมีชาวบ้านร่วมมือกันดีครับ
ผมว่าเป็นตัวอย่างของชุมชนๆ อื่นได้ดีทีเดียว และคิดว่าน่าจะเป็นประโยชน์สำหรับนักศึกษาสายพัฒนาสังคมที่อาจารย์สอนอยู่
เศร้าๆนะครับ -_-!
เวลาคนเมืองไปเที่ยวตามเกาะตามอะไร บางทีก็น่าจะสำนึกเรื่องนี้ด้วย