สุขภาวะในแบบที่ผมคิด

                ผมยอมรับว่าเป็นสิ่งที่ปิ๊งแว้บขึ้นมาจากการที่ได้เข้าสังเกตุการณ์ ระหว่างที่ทาง สคส.จัด Workshop ….บอกตรงๆ ไม่แน่ใจว่าจะถูกต้องหรือไม่.....
 
                เรื่องเกิดจากทั้ง Workshop เก่งดีและมีความสุขในตน ของ สภาการศึกษา และ Workshop การสร้างเสริมสุขภาวะในมหาวิทยาลัยราชภัฎ โดย สสส. ซึ่งทั้ง 2 กิจกรรมมีจุดเชื่อมอยู่ที่ การสร้างสุข และ สุขภาวะ เป็นสิ่งที่มีการพูดคุยทั้ง 2 เวที การนั่งฟังบรรยายของ ดร.อาจอง เรื่องการสร้างแรงบันดาลใจ การได้อ่านบันทึกของ อ.วิจารณ์ และ จากการบรรยายของ ลุงสุรินทร์ ระหว่างการทำ Workshop ผมจึงคิดว่า......

               สุขภาวะ ไม่ใช่แค่สุขภาพทางร่างกายที่แข็งแรง ไม่เจ็บป่วย แต่รวมถึง ความสุขทางจิตใจ การมีความสุขจากครอบครัว โรงเรียน สังคมรอบข้าง และการที่เราจะสร้างสุขภาวะ น่าจะเริ่มที่ การสร้างความสุขให้เกิดขึ้นในตัวก่อน เมื่อตัวมีความสุขก็จะส่งความสุขให้กับผู้อื่นได้ (เหมือนแนวคิด แบบหน่ออ่อนของ อ.วิจารณ์)

              หากมองจากมุมนี้ ผู้บริหารภาคธุรกิจที่รับผิดชอบงานบริการ หากสามารถสร้างความสุขให้เกิดขึ้นในตัวพนักงาน (ไม่ว่าด้วยวิธีการอย่างไรก็ตาม) ซึ่งเป็นผู้ให้บริการ ความสุขที่มีอยู่ในตัวพนักงาน จะถูกส่งต่อไปยังผู้รับบริการโดยไม่รู้ตัว จะเป็นการให้บริการที่มีพลังที่ออกมาจากใจผู้ให้บริการ และเชื่อแน่ว่าจะเป็นการบริการที่ลูกค้า หรือ ผู้รับบริการจะไม่พึงพอใจ แต่จะ ประทับและปลาบปลื้มใจ ซึ่งท้ายที่สุดก็จะส่งผลดีต่อตัวธุรกิจเอง

             เช่นเดียวกับ ครู-อาจารย์ เมื่อมีความสุขใจ ก็จะส่งผ่านความรู้ออกไปสู่นักเรียนด้วยใจที่เมมตา โดยไม่ต้องบอกให้อาจารย์ตั้งใจสอน

 การทำให้ผู้ที่ทำงานมีความสุขนี้ ผมเองคิดว่าเป็นกลวิธีในการบริหารที่ดีและน่าจะลองใช้  เพราะเมื่อพนักงานมีความสุขในตน งานก็จะออกมาดี ตรงตามที่ผู้บริหารต้องการ แบบไม่ต้องไปนั่งบ่น นั่งสอน นั่งว่า เลยทีเดียว......

---

              เมื่อตอนศุกร์ที่ผ่านมา(6 เม.ย. 2550) ได้แวะไป สัปดาห์หนังสือ ผมได้หยิบหนังสือ ชื่อ "ธรรมชาติบำบัด ศิลปะการเยียวยาร่างกายและจิตใจเพื่อสมดุลของชีวิต" ของหมอเจค็อบ วาทักกันเชรี สำนักพิมพ์สวนเงินมีมา จริงๆแล้วได้เคยเห็นหนังสือเล่มนี้ก่อนแล้วที่ อาศรมวงศ์สนิท แต่ไม่ยังไม่ได้ดูเนื้อหาภายใน มาที่งานสัปดาห์หนังสือ จึงได้หยิบขึ้นมาดู และขอบอกว่าติดใจจึงตัดสินใจซื้อติมือมาทันที(ฉบับที่มีอยู่เป็นการพิมพ์ครั้งที่3 แล้วครับ)...

               ในหน้า 3 ขึ้นต้นเลยครับว่า องค์การอนามัยโลกได้นิยามไว้ว่า "Health is the complete well being of the body, mind, social and spiritual" หมายถึงว่า สุขภาพหรือสภาวะที่เป็นสุขนั้นต้องมีความเป็นอยู่ที่ดีทั้งร่างกาย จิตใจ สังคม และจิตวิญญาณ" เลยอยากนำมาบันทึกต่อไว้....