แค่อยากให้ศิษย์ตั้งใจทำงาน


ความภูมิใจมักเกิดขึ้นหลังความเครียด

ตลอดปีการศึกษา 2549 ที่ผ่านมาเด็กชั้นอนุบาล 1 / 2 มีนักเรียนทั้งสิ้น 20 คน แยกเป็น ชาย 10 คน ผู้หญิง 10 คน ได้สร้างทั้งความเครียดและรอยยิ้มให้เกิดขึ้นกับครูประจำชั้นไม่เว้นแต่ละวัน ซึ่งในจำนวนเรื่องปวดหัวที่สร้างขึ้นก็ได้ทำให้ครูมีประสบการณ์ในการจัดกิจกรรมเพิ่มขึ้น เช่น น้องอั้มจอมคารม  เป็นเด็กที่ไม่ชอบทำอะไรเลยนอกจากเล่น แล้วก็เล่น ไม่ค่อยตั้งใจทำงาน หรือทำก็ลวก ๆ ให้เสร็จแล้วนำมาส่ง พอผ่านเทอมที่ 1 ไปแล้ว พฤติกรรมก็ยังไม่เปลี่ยนเท่าไหร่ แต่เด็กคนนี้เป็นเด็กที่ฉลาดพูด มักจะอ้างเหตุผลต่าง ๆ นา ๆ มาอ้างให้เราฟังซึ้งตอนแรก ๆก็เชื่อแต่นาน ๆ ไปก็ชักจะกลายเป็นการแก้ตัวเสียมากกกว่า  เราก็เลยอยากจะให้เด็กคนนี้นอกจากพูดเก่งแล้วยังอยากให้ทำงานและมีพฤติกรรมที่เรียบร้อยเพิ่มมากขึ้นด้วย จึงถามเขาว่าอยู่บ้านหนูเล่น และเวลาทำงานที่ได้รับมอบหมายให้กลับไปทำที่บ้านใครเป็นคนสอน เด็กก็จะเล่าให้ฟัง ว่าแม่เป็นคนสอนบ้าง พี่บ้าง ซึ่งพอสอบถามไปที่บ้านแม่ก็จะบอกว่าไม่ค่อยมีเวลาสอนบ้าง งานเยอะเหลือเกินคุณครู เราก็เลยคิดว่าต้องหาเวลาสอนให้เด็กทำงานให้เรียบร้อยกว่านี้ ซึ่งก็เป็นโชคดี หรือโชคร้ายของเราก็ไม่รู้ ที่เด็กคนนี้จะต้องกลับโดยรถรับ ส่ง จึงมีเวลาอยู่โรงเรียนถึงเย็น เราก็เลยมีเวลาสอนงานให้กับเด็ก ซึ่งตอนแรกเราก็คิดว่าคงจะปล่อยให้เด็กทำเองโดยเราคอยดูอยู่บ้าง แต่พอเอาเข้าจริงกลับไม่เป็นอย่างนั้นเพราะเด็กจะถามเราอย่างโน้น อย่างนี้ ทำให้เราต้องนั่งอยู่กับเขาตลอดเลย ซึ่งตอนแรกก็บอกได้เลยว่าเราไม่น่าเอาเวลางานของเรามาสอนเล้ย แต่พอสอนไปสักพักเด็กกลับทำให้เรามีกำลังใจในการสอนเขามากขึ้น เพราะเขาตั้งใจเรียน ผลงานออกมาเรียบร้อย กล้าถามและเข้าใจในสิ่งที่เราสอนเขาเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ จนทำให้เราแอบภูมิใจเล็ก ๆ กับผลสำเร็จที่เกิดขึ้น ซึ่งตอนแรกเพียงเพื่ออยากให้เขาทำงานให้เสร็จเท่านั้นเอง ซึ่งก็ทำให้เรารู้สึกผูกพันกับเขาพิเศษกว่าคนอื่น และเขาก็รู้ใจเราเหมือนกัน ซึ่งมันทำให้เราเข้าใจแล้วว่าเด็กที่ไม่ค่อยสนใจในการเรียนนั้นไม่ใช่เป็นเด็กที่เรียนไม่เก่ง หรือเข็นเขาไม่ขึ้น แต่ถ้าเราหันกลับมาเอาใจใส่เขาเพิ่มขึ้นอีกนิด เขาก็สามารถเป็นดั่งที่เราตั้งใจไว้ได้เหมือนกันแม้จะไม่เทียบเท่ากับเด็กคนอื่นที่มีความพร้อมทุกอย่างก็ตาม

หมายเลขบันทึก: 87327เขียนเมื่อ 29 มีนาคม 2007 14:08 น. ()แก้ไขเมื่อ 11 กุมภาพันธ์ 2012 17:58 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (5)
  • อ่านเรื่องนี้แล้ว...อบอุ่นจังค่ะ
  • โชคดีที่น้องอั้มมีคุณครูใจดีคอยดูแลเขาอย่างใกล้ชิด
  • และคงโชคดีไปเรื่อย ๆ หากคุณครูในชั้นโต ๆ ขึ้นจะรับเขาไปดูแลอย่างใกล้ชิดเช่นนี้
  • จากเรื่องเล่าของครูแววตา สังเกตว่าเขาเป็นเด็กช่างพูด กล้าแสดงออก มีความตั้งใจในการทำงาน ต่อไปถ้าคุณครูหลาย ๆ ท่านจะช่วยส่งเสริมให้เขาแสดงความสารถที่มีอยู่ในตัวออกมาให้มากขึ้น จะยิ่งทำให้เขา "ฉายแวว" มากขึ้นค่ะ
  • ขอบคุณคุณครูแววตาแทนน้องอั้มค่ะ
ขอบคุณค่ะที่เสียสละเวลามาอ่านเรื่องของเด็ก ๆ ความจริงกว่าจะถึงจุดนี้ก็เล่นเอาเราเหนื่อยเหมือนกันนะ แม้ผลที่สำเร็จเพียงน้อยนิด แต่ก็ทำให้เรารู้สึกดี ยิ่งรู้ว่ามีผู้สนใจก็ทำให้เรามีกำลังใจมากขึ้น
  • สวัสดีจ่ะครูน้องแวว
  • ถูกต้องค่ะเด็กที่ไม่ค่อยสนใจในการเรียนนั้นไม่ใช่เป็นเด็กที่เรียนไม่เก่ง หรือเข็นเขาไม่ขึ้น แต่ถ้าเราหันกลับมาเอาใจใส่เขาเพิ่มขึ้นอีกนิด เขาก็สามารถเป็นดั่งที่เราตั้งใจไว้ได้เหมือนกันแม้จะไม่เทียบเท่ากับเด็กคนอื่นที่มีความพร้อมทุกอย่างก็ตาม
  • ถ้าเราเอาใจใส่ และตั้งใจที่จะช่วยเขาจริงก็จะประสบผลสำเร็จ
  • เป็นกำลังใจให้บล็อกเกอร์หน้าใหม่ค่ะ  สุ้..สู้
สวัสดีคะ   เห็นจากรูปนึกว่าเป็นครูพละ  พออ่านข้อความที่แท้ก็รักเด็กสอนชั้นอนุบาลนั้นเอง (อยากเป็นนางงามซิถ้า)  

สวัสดีค่ะ ได้อ่านบทความที่พี่เล่าแล้วรู้สึกดีมากๆค่ะทำให้ฝนมีกำลังใจมากขึ้นเพราะฝนเพิ่งเรียนจบแต่ไม่ได้จบเอกปฐมวัยนะจบเอกดนตรีแต่โรงเรียนที่ฝนไปสมัครเขาอยากให้ฝนสอนเด็กอนุบาลตอนแรกก็หวั่นใจเพราะว่าเราไม่คุ้ยเคยกับเด็กแต่ทำไปได้3-4วันก็รู้สึกดีมากค่ะเจอะเด็กแบบที่พี่เล่าให้ฟังด้วยแต่สอนไปก็รู้สึกผูกพันมากแต่หนูยังไม่มีประสบการณ์เลยถ้ายังไงพี่มีประสบการณ์อะไรดีๆก็เล่าให้ฟังอีกนะค่ะขอบคุณค่ะ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท