การเสวนาวันที่ 11 เมษายน 2550ที่หน่วยประสานงาน มหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์ กรุงเทพฯ มีวัตถุประสงค์เพื่อพิจารณาโครงการวิจัยที่นำไปสู่การสร้างความรู้เรื่ององค์กรการเงินและระบบสวัสดิการชุมชนเพื่อเป็นกำลังในการขับเคลื่อนขบวนองค์กรการเงินและสวัสดิการชุมชนทั้งในระยะสั้นและระยะยาว
ผมมีแนวคิดเรื่ององค์กรการเงินและระบบสวัสดิการชุมชน ดังนี้
แนวคิด “สวัสดิการ”
สวัสดิการคือ "การกระทำเพื่อนำไปสู่ความสวัสดี ทั้งทางวัตถุ และจิตใจ"
สวัสดิการทางวัตถุ คือ พื้นฐานความต้องการเพื่อความอยู่ดีมีสุขด้วยปัจจัย ๔ ประกอบด้วย อาหาร ที่อยู่อาศัย เครื่องนุ่งห่ม และยารักษาโรค
สวัสดิการทางจิตใจ คือ พื้นฐานความต้องการเพื่อพัฒนาไปสู่ความเป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์ ประกอบด้วย กิจกรรมเพื่อการเติบโตทางอารมณ์และจิตวิญญาณ รวมทั้งการทำทาน รักษาศีล และปฏิบัติสมาธิภาวนา
“ระบบสวัสดิการ”
"ระบบสวัสดิการ" สามารถจัดการได้หลายรูปแบบโดยเป้าหมายที่แตกต่างกันประกอบด้วย การจัดการโดยตนเอง ครอบครัว กลุ่ม ชุมชน รัฐ และเอกชน
วิถีและพลังของ “องค์กรการเงินชุมชน”
องค์กรการเงินชุมชนเป็นการจัดสวัสดิการโดยตนเอง ครอบครัว การรวมตัวเป็นกลุ่ม ภายในชุมชนที่มีมิติทางศาสนาและการเมือง มีวิถีและพลังของการเป็น ๑)หน่วยจัดการงบประมาณมูลฐานเพื่อสร้างสวัสดิการชุมชน ๒)หน่วยจัดการการเรียนรู้เพื่อพัฒนาคนและสร้างทุนทางสังคม โดยการบริหารจัดการ เงินของสมาชิก เงินบริจาค และเงินงบประมาณของรัฐ โดยกิจกรรมหลักจากฐานคิด ๒ เรื่อง คือ
๑) “สัจจะสะสม/ออมเพื่อกู้” เพื่อนำมาสร้างสวัสดิการ “เกิด แก่ เจ็บ ตาย” ให้กับสมาชิกและเป็น สวัสดิการในชุมชน๒) “สัจจะลดรายจ่ายวันละ ๑ บาท” “ออมเพื่อให้วันละ ๑ บาท” และ“ทำบุญวันละ ๑ บาท” เพื่อจัดสวัสดิการ “เกิด แก่ เจ็บ ตาย” “วิสาหกิจชุมชน”และ“การทำบุญ” ให้กับสมาชิกผู้ยากลำบากในชุมชน และบำรุงศาสนาฐานคิดทางการเมืองถือเป็นกระบวนการใช้และสร้างทุนทางสังคมเพื่อให้เกิดความเอื้อเฟื้อแบ่งปัน พึ่งพาช่วยเหลือกันของสมาชิก ซึ่งเป็นการจัดสวัสดิการโดยการพึ่งตนเอง รวมตัวกันเป็นกลุ่มภายในชุมชนเพื่อเป้าหมายสวัสดิการทางวัตถุเป็นหลัก โดยที่กระบวนการกลุ่มได้สร้างอำนาจต่อรองทางการเมืองและเอื้อให้เกิดสวัสดิการทางจิตใจขึ้นด้วย
ฐานคิดทางศาสนาได้ใช้กระบวนการกลุ่มเป็นเครื่องมือในการฝึกฝนสมาชิกในเรื่องศีล (สัจจะ วินัย) และทาน(การให้) โดยใช้สวัสดิการทางวัตถุเป็นแรงจูงใจในการพัฒนาจิตสำนึกของสมาชิก จึงเป็นระบบสวัสดิการที่ครอบคลุมเป้าหมายทั้งทางวัตถุและจิตใจ
ซึ่งควรต่อยอดด้วยกระบวนการฝึกฝนตนเองด้วยการเจริญสมาธิภาวนาเพื่อความมั่นคงทางจิตใจของสมาชิก ซึ่งจะเป็นสวัสดิการในระดับจิตวิญญาณที่จะทำให้ระบบสวัสดิการชุมชนมีความยั่งยืนมั่นคงยิ่งขึ้น
การจัดสวัสดิการโดยรัฐโดยแนวคิดรัฐสวัสดิการได้กระจายให้กับเอกชนและชุมชนร่วมจัดการ โดยที่การจัดการโดยชุมชนที่ค่อนข้างมีวิถีและพลังสอดคล้องกับแนวคิดสวัสดิการเพื่อความสมบูรณ์ของชีวิตและการอยู่ร่วมกันของคนในสังคมอย่างสมดุล คือ การจัดการโดยองค์กรการเงินชุมชน ซึ่งเชื่อมโยงไปถึงเรื่องอื่นๆทั้งวิสาหกิจ สุขภาพ และทรัพยากรธรรมชาติด้วย
วัตถุประสงค์ของชุดประสานงานวิจัย และพัฒนา องค์กรการเงินชุมชนและระบบสวัสดิการชุมชน
๑.ประสานให้เกิดโครงการวิจัยในประเด็นสำคัญ
๒.ประสานให้เกิดการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ภายในและระหว่างเครือข่ายนักวิจัย เครือข่ายองค์กรการเงินชุมชน ตลอดจนเครือข่ายหน่วยงานสนับสนุนทั้งระดับนโยบายและปฏิบัติการในพื้นที่ที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาระบบสวัสดิการชุมชนและสร้างความเข้มแข็งให้กับองค์กรการเงินชุมชน
๓.ประสานให้เกิดการใช้ประโยชน์จากคลังความรู้ เครือข่ายนักวิจัย และหน่วยงานสนับสนุนเพื่อนำสู่นโยบายและปฏิบัติการในพื้นที่เพื่อการขับเคลื่อนขบวนองค์กรการเงินและระบบสวัสดิการชุมชน
เป้าหมาย
เพื่อสร้างฐานความรู้และเครือข่ายคนทำงานที่ร่วมกันขับเคลื่อนความรู้สู่ภาคปฏิบัติอย่างครอบคลุม โดยเน้นการจัดสวัสดิการโดยชุมชนซึ่งเชื่อมโยงกับภาครัฐและเอกชน เพื่อมุ่งไปสู่สวัสดิการทั้งทางวัตถุและจิตใจของประชาชนชาวไทยทั้งประเทศ
การเสวนาจึงได้ชวนเชิญหน่วยงาน/ภาคีที่กำลังดำเนินการขับเคลื่อนขบวนองค์กรการเงินและสวัสดิการชุมชนมาร่วมเสวนาสถานะการณ์ที่เป็นอยู่เพื่อให้นักวิจัยรับทราบ และให้นักวิจัย นำเสนอร่างโครงการวิจัยเพื่อให้ภาคีพัฒนาร่วมอภิปรายให้ข้อเสนอแนะ
เป็นการทำงานเสริมพลังกันของ 2 ภาคส่วนคือ ส่วนวิจัยและพัฒนา
สวัสดีครับอาจารย์ภีม
คืนนี้ช่อง 9 สี่ทุ่ม มีการถ่ายทอดรายการสัมภาษณ์ โมฮัมหมัด ยูนุฟ แห่ง Grameen Bank เจ้าของรางวัลโนเบลคนล่าสุด
ไม่แน่ใจว่าจะเป็นประโยชน์กับงานอาจารย์และทีมบ้างหรือเปล่า เห็นว่าอาจารย์ทำเรื่องนี้มานาน เลยบอกต่อครับ
อาจารย์ภีมคะ
แนวคิดสวัสดิการที่มีทั้งด้านวัตถุและจิตใจเป็นแนวทางที่ดีมากค่ะ ติงอยู่นิด (ด้วยความไม่แน่ใจ) ว่า ด้านจิตใจอาจต้องเขียนเป็นกลางๆไว้สำหรับทุกศาสนา เรื่อง "สัจจะ" "วินัย" และ "การให้" นั้นเห็นด้วยเลยค่ะ
แต่เรื่อง เจริญสมาธิ ภาวนา นี่ไม่ค่อยแน่ใจนะคะว่าจะมีลักษณะเฉพาะเกินไปสำหรับพุทธศาสนารึเปล่า
มีเกณฑ์ขั้นต่ำไว้ สำหรับให้แต่ละชุมชนไปต่อยอดเองจะมีความยืดหยุ่นที่สุดค่ะ
คิดว่าจะส่งข่าวเรื่องสัมภาษณ์ยูนูสเหมือนกัน พอดีได้อ่านอีกบทความหนึ่งโดย Walden Bello เป็นการติติงเล็กๆเกี่ยวกับมุมมองต่องานของยูนุส แล้วจะเขียนเล่าในบล็อก econ4life นะคะ
เมื่อคืนผมรอดูรายการสารคดีของคุณสุทธิชัย หยุ่น น่าสนใจมาก มีข้อเปรียบเทียบกับขบวนองค์กรการเงินและสวัสดิการชุมชนบ้านเรา เท่าที่ดูผมเห็นว่าปัจจัยสำคัญอยู่ที่1)ความเล็กทั้งเงินและชุมชนของคนละแวกเดียวกัน 2)ผู้หญิง 3)การจัดการโดยกลุ่ม5คนและสาขา(ธนาคาร)ที่เดินทางเข้าหาชุมชนโดยใช้เครดิตของข้อ1และ2 โดยมีหัวใจสำคัญคือ เป็นธนาคารที่เป็นเพื่อนคู่คิดมากกว่าเป็นแหล่งทุน
สำหรับเรื่องแนวคิดสวัสดิการทางจิตใจ ขอบคุณอาจารย์มากครับที่ให้ความเห็นมา ที่จริงผมหมายให้ครอบคลุมทุกศาสนาตามที่อาจารย์แนะนำ และเท่าที่ทราบเรื่องสมาธิภาวนามีในทุกศาสนาครับ ศัพท์อาจจะค่อนไปทางพุทธ แต่โดยเนื้อหาแล้วคือการดิ่งรู้อย่างมีสติในการคิด การพูดและการกระทำนะครับ
สวัสดีค่ะอาจารย์ภีม
น้าเทพและพี่อ้อม ได้พูดถึงเรื่องเกี่ยวกับการไปประชุมเรื่องงานวิจัยกับอาจารย์ให้ฟังค่ะ น่าสนใจมาก แต่ตอนนี้เบียร์กำลังสับสนกับชีวิตตัวเองเป็นอย่างมาก เพราะเวลาเรียนเป็นอะไรที่ต้องให้เวลามากๆ
ตอนนี้หัวหน้าเบียร์ก็เริ่มคิดถึงอยากให้กลับไปที่ทำวานแล้วเหมือนกัน อีกทั้งที่ชุมชนก็อยากให้กลับไปช่วยแต่ก็กลัวว่าจะไม่เต็มที่กับทุกเรื่อง เลยยังสับสน
เล่าให้ฟังค่ะ
ลืมสวัสดีปีใหม่ไทย คงไม่ช้าเกินไปนะคะ
ขอให้อาจารย์มีสุขภาพแข็งแรงจะได้ต่อสู้ต่อไปนะคะ