ชีวิตที่เคย "ฆ่า"


ผมต้องชดใช้กรรมนั้นต่อไปด้วยความทรมานแสนสาหัส นี่แหละ "กฎแห่งกรรม"


เรื่องนี้เกิดขึ้นมานานแล้ว สมัยที่ผมยังไม่อายุมากเท่าทุกวันนี้ ผมมีอาชีพรับราชการในจังหวัดที่ได้ชื่อว่ามีป่าไม้อุดมที่สุด เมื่อก่อนนี้ผมไม่รู้สึกรู้สาอะไรเกี่ยวกับบาปบุญคุณโทษเท่าไหร่นัก มีชีวิตในวัยหนุ่มค่อนข้างคุ้มค่าไม่ว่าจะเป็นเหล้า ผู้หญิง และการพนัน เพราะผมถือว่าชีวิตของคนเรานั้น  ไม่ได้ยืนยาวนานอย่างที่เราคิด เมื่อเรามีโอกาสที่จะใช้ชีวิตให้มีความสุข เราก็ควรตักตวงความสุขนั้นอย่างเต็มที่โดยไม่ต้องคำนึงถึงว่า ใครจะเดือดร้อนอะไรบ้าง? เล่าอย่างไม่อายเลยว่า ผมเคยแม้แต่กระทั่งย่องเข้าไปปล้ำลูกสาวชาวบ้าน ตอนที่ผมเข้าไปเที่ยวหา ความสบายในป่า เพราะคิดว่าเธอ และพ่อแม่ของเด็กสาวคนนั้นเป็นคนบ้านนอกคอกนา ไม่รู้ประสีประสา อาศัยความเป็น "ข้าราชการ" แกมบังคับ สมัยนั้น (หรือสมัยนี้ก็ตาม) ถือว่าการได้ร่วมหลับนอนกับเด็กสาวบริสุทธิ์เป็นเหมือนเครื่องชูกำลังอย่างหนึ่ง ผมไม่ได้รู้สึกสำนึกบาปเลยที่ได้ทำอย่างนั้น เพราะคิดว่า เมื่อมีปัญหาเดือดร้อนขึ้นมา ผมสามารถ "เคลียร์" ได้ทุกอย่าง เพราะผมเป็นข้าราชการ และมี "เงิน" พอที่จะฟาดหัวชาวบ้าน (ที่ผมคิดว่า..) โง่ ๆ ได้ แต่เรื่องนี้ยังไม่ใช่เรื่องที่ผมสาสมกับชีวิตตัวเอง!!!

สมัยนั้น ผมต้องทำหน้าที่คอยต้อนรับเจ้านายที่มาจากกรุงเทพ ด้วยการจัดหาทุกสิ่งทุกอย่างมาบำรุงบำเรอ เจ้านาย เพื่อที่เจ้านายจะได้รัก และเมตตา ซึ่งทำให้ชีวิตผมพลอยได้รับความสะดวกสบายไปด้วย โดยเฉพาะเรื่องหน้าที่การงาน นายต้องการอะไร ผมต้องจัดหาให้ ไม่ว่าจะเป็นเด็กสาว หรือ การรับรองที่พิเศษ และสิ่งที่พิเศษ ที่ว่านั้น ก็คือ การล่าสัตว์เจ้านายจากกรุงเทพจะชอบล่าสัตว์มาก  ชอบที่จะเห็นสัตว์ที่เรากำลังล่าวิ่งหนีหัวซุกหัวซุน หรือเลือดแดงฉานไปทั้งตัว ยิ่งตัวไหนยิ่งดิ้นทุรนทุราย เกลือกกลิ้งไปมา เจ้านายยิ่งชอบผมเองก็รู้สึกไม่ต่างไปจากพวกเจ้านายจากกรุงเทพเท่าไหร่นัก อาจจะเป็นเพราะจิตใจตอนนั้นของผมกำลังสนุก เพราะเข้าสู่วัยกลางคนและ มีอาวุธในมือ ที่สามารถจะพิพากษาชีวิตของสัตว์ทุกชนิดที่ขวางหน้าได้ ถามว่าการล่าสัตว์ผิดไหม? ผิดครับ แต่ด้วยความเป็นข้าราชการท้องที่  และเป็นคนที่ในท้องที่ที่อยู่มานาน  ใคร ๆ ก็เกรงใจ  ผมเป็นข้าราชการที่ก้าวหน้าเร็วมาก เพียงแค่ไม่กี่ปี ผมก็ได้เป็นหัวหน้าแล้ว เพราะการส่ง "ส่วย" ทั้งชีวิตคน และชีวิตสัตว์ป่า อย่างที่บอกตอนแรก เป็นที่ที่มีสัตว์ป่าชุกชุมมาก เมื่อ 20 กว่าปีมาแล้ว  มีทั้งเสือ เก้ง กวาง และสัตว์ป่า อีกมากมาย และมีอีกมากมายที่หายไป เพราะ….พวกผมเอง  

วันที่ผมต้องจดจำไปชั่วชีวิตก็มาถึง………….ผมได้รับกำหนดการเดินทางของ "เจ้านาย" ที่บอกล่วงหน้าว่าจะมา "ตรวจราชการ"  คำนี้เป็นที่รู้กันว่า ที่จริงเป็นการมา "แสวงหา" ความสุขส่วนตัวด้วยการ "ล่าสัตว์ นั่นเอง ผมรู้ดีอยู่แก่ใจว่าจะต้องทำอย่างไรบ้าง ? โดยเฉพาะคราวนี้ "เจ้านาย" บอกว่าอยากได้ เขากวางสวยๆ ไปติดโชว์พรรคพวกด้วย   ย้ำว่าต้องเป็นเขากวางที่สวย ๆ มีแขนงมีกิ่งที่งดงาม ผมเลยนัดหมายให้ลูกน้องที่เป็นพรานเตรียมตัว วันที่เจ้านายเดินทางมาถึง  ผมไปต้อนรับและเตรียมตัวพาคณะเจ้านายเข้าป่าโดยไม่ต้องแวะที่ที่บ้านพักรับรองก่อน เจ้านายบอกว่าอยากเข้าป่าเลย  ความกระสันที่อยากจะเห็นเลือดสัตว์มันมีมากเต็มที่ทำเอาพวกเรา มีผม ลูกน้อง 2 คน และพราน 1 คน พลอยตื่นเต้นไปด้วย เพราะทำดีก็มี "โบนัส" ราคาแพงรออยู่ คณะเจ้านายมี 5 คน มีลูกสาวเจ้านายตามมาด้วย 1 คน อายุพอ ๆ กับลูกสาวของผม ประมาณ 16 - 17 เจ้านายเลยให้ผมพาลูกสาวไปด้วย เพื่อเป็นเพื่อนกัน  ผมเองรู้สึกอย่างไรก็ไม่รู้ อาจจะเป็นเพราะเป็นห่วงลูกสาว หรืออะไรก็ไม่รู้ ไม่อยากให้ลูกสาวเดินทางไปด้วยเลย  แต่ก็อดที่จะขัดเจ้านายไม่ได้  พวกเราทั้งหมดเดินทางเข้าป่ากันทันที  เป็นเรื่องที่น่าแปลกประหลาดมาก วันนั้นเราไม่พบสัตว์ใหญ่เลยสักตัว? เจ้านายเริ่มหงุดหงิด เพราะไม่ได้ลั่นไกปืนสักนัด  ผมเองก็เข้าหน้าไม่ติด สายตาของเพื่อน ๆ เจ้านายแอบมองลูกสาวผมบ่อยครั้ง จนผมเริ่มอึดอัด  แต่คิดว่า หากต้องมีการแลกกันด้วยชีวิต ผมนี่แหละ จะแลกเองเพื่อปกป้องลูกสาวสุดที่รักของผม  ผมกระแอมกระไอหลายครั้ง  พร้อมกับพูดเรื่องปืนให้พรรคพวกเจ้านายได้ยินบ่อยๆ ตกลงว่าคืนนั้นเราตัดสินใจที่นอนค้างในกระท่อมนายพรานที่พรรคพวกนายพรานในคณะเรามาปลูกเอาไว้เวลาที่ต้องการจะมาล่าสัตว์   กระท่อมไม่มีประตู มีแต่หน้าต่าง ลูกสาวผมกับลูกสาวเจ้านายนอนอีกห้องหนึ่ง เวลาที่สาว 2 คนไปอาบน้ำ ซึ่งเป็นลำห้วยสายตาของเพื่อนเจ้านายฉายแววหื่นออกมาอย่างเด่นชัด    ผมคาดว่า อาจจะมีการแลกชีวิตกันบ้าง  ถ้ายังเป็นไปในรูปการณ์ที่ผมไม่อยากให้เกิดขึ้นยิ่งตอนนอนผมยิ่งระมัดระวัง นั่ง ๆ นอน ๆ คอยดูว่าในห้องของลูกสาวจะมีอะไรเกิดขึ้นหรือเปล่า ทำเอาไม่ได้หลับไม่ได้นอนไปเลย แล้วสำนึกหนึ่งก็ผุดขึ้นมา นี่เราเป็นพ่อ เราหวงลูกสาว เราห่วงชีวิตของเด็กที่ได้ชื่อว่าเป็นลูกที่เราเลี้ยงมาแต่เล็กแต่น้อย ความเป็นพ่อ ความรัก ความผูกพัน ไม่อยากให้ใครมารังแกลูกสาวของเรามันเป็นอย่างนี้เอง  คงไม่ต่างจากลูกสาวของชาวบ้านคนนั้นที่เราเคยเข้าไป "ทำร้ายพรหมจรรย์"เธอ  พ่อแม่เธอคงจะร้อนใจและเสียใจ นี่ขนาดเรายังไม่ได้เสียลูกสาวเราไป ยังขนาดนี้  แล้วตาเฒ่าคนนั้น สูญเสียลูกสาวที่บริสุทธิ์ไป จะเจ็บปวดขนาดไหน?  แล้วผมก็เริ่มรู้สึกเสียใจ…….เป็นครั้งแรก

จนเช้าของวันใหม่ เราเริ่มเดินทางแต่เช้า คณะของเจ้านายเริ่มหงุดหงิดเพราะยังไม่ได้ สัตว์สักตัวมา เป็นเหยื่อ สังเวยลูกปืน   แล้วเหมือนโชคช่วย เราเห็นกวางกลุ่มหนึ่งกำลังเล็มหญ้าอ่อน ต้นหญ้าสูงเลยขาของมันไปเล็กน้อย ความที่เราอยู่ใต้ลม พวกมันเลยไม่รู้เรื่อง ไม่ได้กลิ่น นายพรานทำสัญญาณมือให้เบา ๆ แล้วเราก็ย่อง เข้าไปใกล้ ๆ โดยมีผู้หญิงยืนอยู่กับที่ เพื่อนเจ้านายคนนึงอดรนทนไม่ไหว เพราะอยากมานานเลยลั่นกระสุนออกไป โดยที่นายพรานไม่ทันห้าม  ลูกกระสุนพุ่งตรงไปที่ขาหลังด้านซ้ายของกวางเคราะห์ร้ายทันทีที่สิ้นเสียงปืน ก็ปรากฏว่ามีเงาที่อยู่ศีรษะกระโจนพรวดเข้ามาที่เพื่อนนายคนที่ลั่นกระสุนคนนั้น มันเป็นเสือลายพาดกลอนตัวมหึมา  มันคงกำลังรอจังหวะโอกาสที่จะสังหารเหยื่อเหมือนกัน  และมันคงเฝ้าดูการเคลื่อนไหวของพวกเราอยู่ นานแล้ว เสือตะปบเข้าที่ขาหลังของเพื่อนเจ้านายคนนั้น เพราะโชคยังดีที่นายพรานตาไวตะโกนขึ้นก่อน เขาจึงกระโดดหลบ ไม่อย่างนั้น คงโดนเข้าที่ซอกคออย่างแน่นอน เจ้านายลั่นกระสุนเปรี้ยง กะว่าจะหยุดเสือตัวนั้น ปรากฏว่าโดนเสือแต่กระสุนพลาดเป้าจากแสกหน้าไปโดนขาหน้าของเสือตัวนั้น มันตกใจล้มลงด้วยความเจ็บปวด ก่อนที่ใครจะทันซ้ำ มันก็รีบกระโจนหนีเอาตัวรอด  นายพรานหน้าซีดพร้อมกับบอกว่า ถ้ายิงเสือ แล้วไม่ตาย มันได้รับบาดเจ็บ มันจะเป็นสัตว์ที่น่ากลัวมากที่สุด   เราตรวจดูแผลของเพื่อนเจ้านาย ขาหลังเหวอะไป เสียเลือดมาก 

ตอนนี้ความเห็นของแต่ละคนเริ่มแตกแยกกัน เพื่อนเจ้านาย 3 คน รวมทั้งคนเจ็บ ต้องการกลับไปที่พักในตัวอำเภอ เพื่อรักษาแผล และเพราะความกลัวด้วย แต่ตัวเจ้านายเอง ไม่อยากกลับ เพราะกวางตัวที่ยิงไปแล้วเมื่อสักครู่ เขาสวยงามมาก ด้วยกิเลสที่มีมากมาย เจ้านาย (ซึ่งมีอำนาจหน้าที่สูงกว่าพรรคพวก) เลยสั่งให้เพื่อน 3 คน กลับไปก่อน ไปหา หมอในตัวเมืองตัวเจ้านายกับเพื่อนอีกคนหนึ่งจะไปตามล่ากวาง   โดยผมให้ลูกน้องเป็นคนพากลับ  ส่วนลูกสาวเจ้านายขอกลับด้วย ลูกสาวผมก็อยากกลับ เพราะรู้แล้วว่าเราไม่ได้ไปตามกวางอย่างเดียว แต่อาจจะเป็น อันตรายจากเสือบาดเจ็บตัวนั้น  แต่ผมไม่ยอมปล่อยไปแน่ ๆ เพราะเพื่อนเจ้านายที่สายตาหื่นกามคนนั้นจะกลับด้วย  แล้วกลางทางถ้าไม่มี คนดูแล อาจจะเกิดอะไรที่ไม่ดีขึ้น ผมเองจึงจำใจจำเป็นต้องเอาลูกสาวไปด้วย คิดแต่เพียงว่าพอตามกวางเสร็จแล้ว จะรีบกลับ ไอ้เสือตัว นั้นอาจจะยัง ไม่ทันตามมาล้างแค้น เพราะอาจจะเจ็บแผลก็เป็นได้ ผมคิดเอาแต่ฝ่ายเดียว ตกลงว่าผม นายพราน ลูกสาวผมเจ้านายและเพื่อนเจ้านาย เดินตามรอยเลือดของกวางที่ถูกยิงไปเรื่อย ๆ ลึกเข้าไปทุกที ๆ จนนายพรานเริ่มหันซ้ายหันขวา ถึงแกจะเป็นพราน  แต่ป่าก็มีมนต์ขลังและอานุภาพพอที่จะทำให้คนชำนาญป่าหลงได้ง่าย ๆ  ใช่ครับ ผมคิดว่าเราเริ่มออกจากแนวเดิมที่เราเคยมาพอนายพรานเริ่มทักท้วง  เจ้านายก็ฉุนเฉียว พร้อมกับตะคอกเอาอย่างอารมณ์เสีย ผมเองไม่รู้ว่าผีห่าซาตานตัวไหน ดลใจให้ตามใจเจ้านาย อาจจะเป็นเพราะความโลภในหน้าที่การงานในลาภยศก็เป็นได้   เราเริ่มเดินลึกเข้าไปทุกที

จนในที่สุดเราก็เจอกวางนอนจมกองเลือดอยู่แต่มันยังไม่ตาย นอนหายใจระรวย ๆ สิ้นแรงกำลังอยู่ตรงหน้า เจ้านายเล็งปืนไปที่กวางพร้อมกับลั่นกระสุน  แต่อาจจะเป็นเพราะความรีบ กระสุนกลับพลาดเป้า  เจ้านายลั่นกระสุนติด ๆ อีก 2 นัด ด้วยสัญชาตญาณเอาตัวรอดของกวาง มันดิ้นไปดิ้นมาแบบกระเสือกกระสน เจ้านายโกรธมาก เดินเข้าไปหากับเพื่อนเจ้านาย ด้วยความรีบร้อน โดยไม่ฟังเสียงร้องห้ามของนายพราน เจ้านายเดินตรงไปที่กวางพร้อมกับเอาพานท้ายปืนฟาดเข้าที่หน้าอก ลำตัวและซอกคอของกวางหลายทีโดยมี เพื่อนเจ้านายคอยซ้ำอยู่ข้าง ๆ ด้วย ปากก็ร้องด้วยความโกรธว่า "มึงเก่งนักเหรอ นี่ ๆๆ หลบลูกปืนกูได้ ต้องเอาแ..งให้ตาย"  แล้วเจ้านายก็เรียกผมให้เข้าไปช่วย เพราะกวางมันดิ้น ผมวิ่งเหยาะ ๆ เข้าไปหาพร้อมกับเล็งปืนเพื่อยิง แต่เจ้านาย ห้ามไว้  "อย่ายิง กูจะทรมานมันให้ตาย ตีให้ตายโหงไปเลย มันเสือกให้กูเหนื่อย ให้เพื่อนกูเกือบจะโดนเสือแดก ตีมัน ตีมัน"  ผมเลยต้องร่วมกระทืบสัตว์บาดเจ็บตัวหนึ่งที่ไม่มีทางต่อสู้ !!! กวางเคราะห์ร้ายตัวนั้นถูกฟาดถูกกระทืบจากผู้ชายกระหายเลือดทั้ง 3 คน จนเนื้อตัวเต็มไปด้วยเลือด ก่อนที่ใครจะคาดคิด ด้วยสัญชาตญาณเอาตัวรอดของสัตว์ กวางเคราะห์ร้ายตัวนั้นทะลึ่งพรวดสะบัดตัวเป็นครั้งสุดท้าย แต่เป็นครั้งสุดท้ายที่ผมเองต้องจดจำ เพราะเขาที่สวยงามของมันสะบัดโดนกล่องดวงใจของผมอย่างเต็มที่ !!!   ขาดติดเขากวางคู่สวยไปทันที !!! ผมร้องลั่นด้วยความเจ็บปวด แล้ววินาทีนั้น ผมก็ไม่รู้สึกตัวอีกเลย ผมฟื้นขึ้นมาอีกที ตรงหว่างขาก็ชุ่มไปด้วยเลือด เลือดสด ๆ ไหลนอง นายพรานเป็นคนให้ผมขี่คอ เลือดสด ๆ ไหลเปรอะเปื้อนหลังของนายพรานจนแดงฉาน มีลูกสาวเดินร้องไห้ตามมาด้วย  แต่เจ้านายกลับเพลิดเพลินกับหัวกวางที่เพิ่งจะตัดมาสด ๆ ปากก็พูดกับเพื่อนถึงเรื่องที่จะเอาไปตั้งโชว์  เพราะความสวยงาม โดยที่ไม่ได้สนใจผมแม้แต่น้อย  ยังไม่ทันที่จะเดินมาไกลสักเท่าไหร่ เราก็เผชิญหน้ากับกลุ่มคน 3-4 คน ซึ่งมีอาวุธครบมือ ตอนแรกนายพรานก็ใจชื้น เพราะนึกว่าพรรคพวกมาตาม แต่กลับเป็นว่าไม่ใช่ เป็นใครก็ไม่รู้ที่นายพรานไม่รู้จัก อาจจะเป็นเพราะเราเดินเลยเขต ของเรามามากแล้วก็เป็นได้ ยังไม่ทันที่คณะของเราจะพูดว่าอะไร ชายกลุ่มนั้นก็ยกปืนเล็งมาที่เราแล้วบอกให้เราวางอาวุธ โดยที่พวกเราไม่มีทางต่อสู้ได้เลย นายพรานกับผมก็กำลังทุลักทุเล เจ้านายกับเพื่อนก็กำลังเห่อกับชีวิตที่เพิ่งล่ามาได้ ไม่มีใครระวังตัว เมื่อโดนปืนจี้หัว เราจึงจำยอม 1 ในพวกนั้นเดินมาที่ผม พอรู้ว่าอะไรเป็นอะไรก็หัวเราะเยาะถากถางผมบอกว่า" ….ไอ้นั่นขาดไปแล้ว จะอยู่ไปหาห่….ทำไม" ผมเองก็ปวดแผลเกินกว่าที่จะต่อต้านอะไรได้ แต่ที่เลวร้ายกว่าที่คิดก็คือ พวกมันเล็งสายตามาที่ลูกสาวผม อย่างหื่นๆ   ไม่ผิดกับสายตาของเพื่อนเจ้านายคนที่เพิ่งกลับไปก่อนหน้านี้  แล้วพวกมันก็จับผมพวกเรามัดไว้ ผมหายใจระรวย ๆ เจ็บแผล ปวดแผลอย่างที่ไม่มีความเจ็บปวดใดมาเทียบได้ มันเหมือนจะขาดใจ แต่ไม่ตาย!!!  แต่ที่ผมจะตายด้วยความเสียใจอย่างไม่มีสิ่งใดในโลกนี้จะมาเทียบเทียมได้…… ก็คือ…..พวกมันรุมข่มขืนลูกสาวผมต่อหน้าต่อตา!!! ครั้งแล้วครั้งเล่า จนลูกสาวผมยับเยิน เลือดแดงฉานสด ๆ ไหลพรั่งพรูออกมาจากการกระทำเหมือนสัตว์ป่า  ลูกสาวผมร้องไห้จนน้ำตาแทบเป็นสายเลือด สลบไปต่อหน้าต่อตา หัวใจผมแตกไปแล้ว แตกสลายไปจนไม่มีชิ้นดี ภาพทุกภาพ กริยาทุกกริยา เสียงโหยหวนกรีดร้องของลุกสาวทุกครั้งเลือดสดๆ การดิ้นทุรนทุราย และน้ำตาทุกหยดของลูกสาวมันติดอยู่ในความทรงจำของผมจนตราบเท่าทุกวันนี้นี่หรือ…..สิ่งที่เราเคยทำกับเด็กสาวคงมีสภาพเดียวกัน!!!แต่ลูกสาวผมโดนนับครั้งไม่ถ้วน

แต่เรื่องความเลวร้ายยังไม่จบเพียงเท่านี้ เสือตัวที่บาดเจ็บตัวนั้นมาจากไหนไม่รู้ กระโจนพรวดเข้าจู่โจมคนเลวทรามกลุ่มนั้น พวกมันแตกกระเจิง แทนที่เสือจะวิ่งไล่ มันกลับหันมาเล่นงานพวกเรา  พวกเราไปไหนไม่ได้ เพราะถูกมัดอยู่อย่างหนาแน่น คนแรกคือเพื่อนเจ้านาย คอรุ่งริ่งเกือบขาด ตายคาปากเสือ  แล้วก็เป็นเจ้านาย มันตะปบทีเดียวหน้าเละไปแถบหนึ่ง ลูกตาถลนหลุดออกมานอกเบ้า เหมือนมันจะยังไม่สะใจและจงใจล้างแค้น มันหันมาทางผมแล้วตรงเข้าตะปบหน้าผมทันที แต่ผมหลบทัน   จึงพลาดไปโดนที่หัวไหล่ เป็นแผลฉกรรจ์ มันตามเข้ามาขย้ำ ผมกระเสือกกระสนดิ้นหนีสุดชีวิต แล้วจังหวะที่มันสะบัดหน้าไปมาอย่างเมามัน หลังผมติดกับเขี้ยวของมัน ถูกสะบัดไปมาพร้อมกับโดนตะปบเข้าเต็มที่ที่กลางหลัง ผมนึกว่าตายแน่ แต่ใจกลับยินดีว่า ตายเสียได้ก็ดี จริง ๆ ครับ ผมคิดอย่างนี้จริง ๆ  เพราะผมได้รับความทรมานจิตใจ และเจ็บปวดแผลมาก ทั้งก่อนหน้านี้ และแผลที่ถูกเสือเล่นงาน ก่อนที่ผมจะสิ้นสติ ผมได้ยินเสียงปืนดังขึ้น 1 นัด  
วันนี้ที่ผมกลับมานั่งเล่าเรื่องนี้ให้ฟัง คุณอาจจะสงสัยว่าผมเป็นอย่างไรบ้าง? เพื่อนเจ้านายที่โดนเสือกัดคนแรกที่เป็นคนยิงกวาง ตายเพราะทนพิษบาดแผลไม่ไหว ก่อนตายดิ้นทุรนทุรายเหมือนกวางตัวนั้น   เพื่อนเจ้านายที่โดนเสือตะปบคอ นั่นก็ไม่รอด  ก่อนตายดิ้นทุรนทุรายเหมือนกวางตัวนั้น เจ้านายตาบอด 1 ข้าง นอนดิ้นทุรนทุรายก่อนที่จะมีคนเข้าไปช่วยเหมือนกวางตัวนั้นและลาออกจากราชการหนีอายไปอยู่ต่างประเทศ  นายพรานรอด แต่ตอนหลังโดนเพื่อนหักหลัง เรื่องการล่าสัตว์เลยโดนเพื่อนยิงทิ้งกลางป่า  ลูกสาวผม เสียผู้เสียคน จนต้องไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลสมเด็จเจ้าพระยา หรือที่เราเรียกว่า โรงพยาบาลบ้าปากคลองสาน 

ผมเอง…..กลายเป็นคนพิการ ไม่มีอวัยวะเพศ เส้นเอ็นไหล่ซ้ายขาดเป็นอัมพาตเพราะกระดูกสันหลังหักตอนที่เสือเข้ามาฟัด และบ่อยครั้งที่ผมดิ้นทุรนทุรายเวลาปวดแผลเหมือนกวางตัวนั้น เรารอดตาย เพราะเพื่อน ๆ นายพรานตามรอยมาช่วยไว้ได้  แต่ผมอยากตาย อยากตาย อยากตาย อยู่ไปอย่างนี้มันทรมาน ทรมานเหลือเกิน เจ็บปวดจิตใจเหลือที่จะกล่าว บาปกรรมมันมีจริง เวลาที่มันไม่ส่งผล มันก็ดูเหมือนจะไม่มีอะไรร้ายแรง  แต่เวลาที่มันเกิดขึ้น ผลของมันโหดร้ายสารพัด…………  จนคิดว่าความตายมันดีที่สุด  แต่เชื่อหรือเปล่าครับ?    ผมไม่มีสิทธิตาย  ผมต้องชดใช้กรรมนั้นต่อไปด้วยความทรมานแสนสาหัส    นี่แหละ "กฎแห่งกรรม"  สำนึกในกรรม

คำสำคัญ (Tags): #บาปกรรม
หมายเลขบันทึก: 85954เขียนเมื่อ 23 มีนาคม 2007 15:43 น. ()แก้ไขเมื่อ 6 มิถุนายน 2012 16:12 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (5)
หดหู่ใจจัง....

อ่านแล้วหดหู่ใจ-เศร้า ขอให้ลูกสาวเค้าหายเป็นปกติจิตตานุภาพ
โดยท่านเจ้าคุณนรรัตน์ราชมานิต วัดเทพศิรินทราวาส

จิตตานุภาพ คืออานุภาพของจิต แบ่งเป็น ๓ ประเภท คือ
• จิตตานุภาพบังคับตนเอง
• จิตตานุภาพบังคับผู้อื่น
• จิตตานุภาพบังคับเคราะห์กรรม

จิตตานุภาพบังคับตนเอง
“ ตนของตนย่อมเป็นที่พึ่งแก่ตนเอง ” เหตุนี้จึงต้องหัดบังคับตนเอง ผู้อื่นถึงจะเป็นศัตรูก็ไม่เท่าตนเป็นศัตรูต่อตนของตนเอง ถ้ายังไม่สามารถบังคับตนของตนเองให้ดีได้แล้ว ก็อย่าหวังเลยว่าจะบังคับผู้อื่นให้ดีได้


จิตตานุภาพบังคับตนเองมี ๗ ประการ

บังคับความหลับและความตื่น
การหัดนอนให้หลับสนิทเป็นกำลังสำคัญยิ่งนัก เหตุที่ทำให้นอนไม่หลับมี ๒ ประการ คือ

๑.๑ ร่างกายไม่สบายพอ
อาหารที่ย่อยยากก็เป็นเหตุให้ร่างกายไม่สบายพอ ควรนอนตะแคงข้างขวา ถ้านอนหงายก็ควรให้เอียงขวานิดหน่อย ถ้าต้องการพลิกก็ควรพลิกจากขวานิดหน่อย แล้วกลับตะแคงขวาตามเดิม นอนย่อมให้อวัยวะทุกส่วนพักผ่อน อย่าให้เกร็งตึงและไม่ควรตะแคงซ้าย

๑.๒ ความคิดฟุ้งซ่าน
เวลานอนถ้าจิตฟุ้งซ่าน ควรคิดถึงสิ่งใดสิ่งหนึ่ง แต่อย่างเดียว ครั้นแล้วก็เลิกละไม่คิดสิ่งนั้น และไม่คิดอะไรอื่นต่อไปอีก กระทำใจให้หมดจดเหมือนน้ำที่ใสสะอาด ควรบังคับตัวให้ตื่นตรงตามเวลาที่ต้องการ ก่อนนอนต้องคิดให้แน่แน่ว สั่งตนเองให้ตื่นเวลาเท่านั้น เมื่อถึงเวลาก็จะตื่นได้เองตามความประสงค์

ทำความคิดให้ปลอดโปร่ง ว่องไว ในเวลาตื่นขึ้น อย่าให้เซื่องซึม
“ ต้องเอาความคิดในเวลาตื่นเช้า ไปประสานติดต่อกับความคิดที่เราทิ้งไว้เมื่อวันวานก่อนที่จะนอนหลับ ” ก่อนนอนควรจดบันทึกกิจการที่เราจะต้องทำในวันรุ่งขึ้นนั้นไว้ในกระดาษแผ่นหนึ่งเสมอ พอตื่นขึ้นมาก็หยิบดูเพื่อปลุกความคิดให้ตื่น

เปลี่ยนความคิดได้ตามต้องการ คือเมื่อต้องการคิดอย่างใดก็ให้คิดได้อย่างนั้น ทิ้งความคิดอื่น ๆ หมด และเมื่อไม่ต้องการคิดอีกต่อไป จะคิดเรื่องอื่นก็ให้เปลี่ยนได้ทันที และทิ้งเรื่องเก่าโดยไม่เอาเข้ามาพัวพัน คือทำใจให้เป็นสมาธิอยู่ที่กิจเฉพาะหน้า การเปลี่ยนความคิดเป็นเหตุให้ห้องสมองมีเวลาพักชั่วคราว ทำให้สมองมีกำลังแข็งแรงขึ้น

สงบใจได้แม้เมื่อตกอยู่ในอันตราย หรือประสบทุกข์ อย่าให้เสียใจหมดสติสะดุ้ง ดิ้นรนจนสิ้นปัญญาแก้ไข เกิดความท้อถอยไม่ทำอะไรต่อไป ความสงบไม่ตื่นเต้นเป็นเหตุให้เกิดปัญญาประกอบกิจให้สำเร็จได้สมหวัง เราจะแก้ไขเหตุร้ายที่เกิดขึ้นแก่เราได้นั้นก็มีทางจะทำอยู่ ๒ ขั้น
๔.๑ ต้องสงบใจมิให้ตื่นเต้น
๔.๒ ต้องมีความมานะพยายาม

วิธีสงบใจที่ดีที่สุด หายใจยาวและลึก

เปลี่ยนนิสัยความเคยชินของตัวจากร้ายเข้ามาหาดี การขืนใจตัวเองชั่วขณะหนึ่งอาจเป็นผลดีแก่ตัวเองตลอดชีวิต แต่การทำตามใจตัวขณะเดียวก็อาจเป็นผลถึงการทำลายชีวิตของเราได้เหมือนกัน

ตรวจตราตัวของตัวเป็นครั้งคราวโดยสม่ำเสมอ ให้ทราบว่ากำลังใจมั่นคงขึ้นหรือไม่ ฝ่ายกุศลเจริญขึ้นหรือไม่ ฝ่ายอกุศลลดน้อยเบาบางหมดสิ้นไปหรือไม่ ใจยังสะดุ้งดิ้นรนหวั่นไหวอยู่หรือไม่

ป้องกันรักษาตัวด้วยจิตตานุภาพ การสะดุ้งตกใจหรือเสียใจ ความกลัว เป็นเหตุให้เกิดโรคและโรคกำเริบ และเป็นเหตุให้คนดี ๆ ตายได้ คนไข้ถ้าใจดีหายเร็ว ความไม่กลัวตายรอดอันตรายได้มากกว่ากลัวตาย ความพยายามและอดทนเป็นเหตุให้สำเร็จสมประสงค์


จิตตานุภาพบังคับผู้อื่น

จิตตานุภาพอย่างอ่อน สามารถใช้สายตา น้ำเสียงและด้วยกระแสจิตประกอบคำพูด ซึ่งจะเป็นเครื่องจูงใจคนให้เชื่อฟัง ลักษณะไม่หวาดหวั่นครั่นคร้ามต่อใคร ๆ นั้นไม่ใช่ชีวิตหัวดื้อบึกบึนซึ่งไม่นับว่าเป็นจิตตานุภาพ ต้องเป็นคนสุภาพสงบเสงี่ยม เคารพนบนอบต่อบุคคลที่ควรเคารพ แต่ทว่าหัวใจของคนชนิดนั้นไม่หวาดหวั่นเกรงกลัวใคร และสามารถแสดงให้เห็นว่าตัวเป็นมนุษย์คนหนึ่งอยู่ในโลก และเป็นมนุษย์ที่รู้จักคิด รู้จักพูด รู้จักทำ คนที่สามารถเป็นนายตนเอง ไม่ตกเป็นทาสของหัวใจคนอื่น และสามารถดึงดูดหัวใจคนเข้ามาเชื่อฟังเกรงกลัวนั้น ถ้าสังเกตให้ดีแล้วจะเห็นได้ว่ามีลักษณะ ๔ ประการ

• สายตาแข็ง มีอำนาจในตัว
• เสียงชัดแจ่มใส
• ท่าทางสงบเสงี่ยมและเป็นสง่า
• รู้จักวิธีชักจูงหัวใจคนให้หันมาเข้าในคลองความคิดของตัว

พยายามอ่านหนังสือหน้าหนึ่งโดยไม่กะพริบตาเลยทำให้สายตาแข็งได้ อ่านหนังสืออย่างช้า ๆ ให้ชัดถ้อยคำทุก ๆ ตัวและให้ได้ระยะเสมอกันทำให้เสียงชัดแจ่มใสเวลาพูด พยายามพูดให้เป็นจังหวะอย่าให้ช้าบ้างเร็วบ้างและให้ชัดถ้อยคำเสมอ ไม่ให้อ้อมแอ้มหรือกลืนคำเสียครึ่งหนึ่ง เป็นการฝึกหัดให้เสียงชัดเจนแจ่มใส

บุคคลที่มีสง่า คือคนที่บังคับร่างกายให้อยู่ในอำนาจหัวใจได้เสมอ มีท่าทางสงบเสงี่ยมเป็นสง่าไม่แสดงอาการโกรธ เกลียด กลัว รัก ขมขื่น ตกใจ สะดุ้ง เศร้าโศก ให้ปรากฏ ไม่ทำอิริยาบถเคลื่อนไหวอันใดโดยไม่จำเป็น และโดยบอกความกำกับของใจ มีหน้าตาแจ่มใส อิริยาบถสงบเสงี่ยมเป็นสง่าอยู่ทุกขณะ การเคลื่อนไหวทุกอย่างทำด้วยความหนักแน่นมั่นคง อย่าให้รวดเร็วจนเป็นการหลุกหลิก หรือผึ่งผายจนเป็นการเย่อหยิ่ง หรืออ่อนเปียกจนเป็นการเกียจคร้าน ในเวลายืนให้น้ำหนักตัวถ่วงอยู่ทั่วตัวเสมอ ไม่ให้ถ่วงแต่ส่วนใดส่วนหนึ่ง รู้จักใช้วิธีชักจูงหัวใจคนให้หันเข้ามาในคลองความคิดของเรา

• หลีกเลี่ยงไม่ให้เกิดมีสิ่งที่จะชักจูงให้เขาละทิ้งข้อแนะนำของเรา
• จูงใจเขาให้หันเข้ามาในทางที่เราต้องการทุกที

วิธีป้องกันตัวไม่ให้จิตตานุภาพของผู้อื่นบังคับเราได้

ให้ทำมโนคติให้เห็นประหนึ่งว่า กระแสดวงจิตของเราแผ่ซ่านป้องกันอยู่รอบตัวเรา จิตตานุภาพของผู้อื่นไม่สามารถจะเข้าถึงตัวเราได้ ให้ทำเวลาเข้านอนครั้งหนึ่ง และขณะที่อยู่ใกล้บุคคลที่เราระแวงว่าเขาจะใช้จิตตานุภาพบังคับเรา

จิตตานุภาพบังคับเคราะห์กรรม

เครื่องมือที่จะชักนำเอาเคราะห์ดีเข้ามา คือ ความพยายามเข้มแข็งไม่ท้อถอยหนักแน่นระมัดระวัง เชื่อแน่ในความพากเพียรบากบั่นของตัว มักจะเป็นคนเคราะห์ดีอยู่เสมอ และมีคุณสมบัติอย่างอื่นอีกคือ ความมุ่งหมายและอย่าให้นึกถึงเคราะห์ร้าย ตั้งความมุ่งหมายถึงผลอันใดในชีวิตไว้เท่านั้น เพื่อให้ก้าวหน้ามุ่งตรงไปจนบรรลุสมประสงค์

ความมุ่งหมายจำต้องให้สูงไว้เสมอ เพื่อจะได้มีความพยายามอย่างสูงด้วย แต่การก้าวไปสู่ที่มุ่งหมายนั้น ต้องก้าวอย่างระมัดระวังไม่ก้าวให้ผิด “ ควรมีความปรารถนาให้สูงอยู่เสมอ แต่จะต้องระมัดระวังมิให้เดินพลาด ”

การไม่ยอมแพ้เคราะห์ร้าย เป็นเหตุให้เคราะห์ร้ายพ่ายแพ้เองเมื่อประสบเคราะห์

• จะต้องไม่ให้ใจเสีย เชื่อมั่นในความรู้ความสามารถของตัว รวบรวมกำลังให้พรั่งพร้อม
• ตั้งความมุ่งหมายให้ดีและตกลงแน่ว่าจะมุ่งไปทางไหน
• ใช้ความระมัดระวังให้มากขึ้น กุมสติให้มั่น อย่างไรก็ดีจะปล่อยให้เป็นไปตามยถากรรม ทำการต่อสู้ดังกล่าวแล้วนั้นไม่ได้เป็นอันขาด


การต่อสู้กับเคราะห์

• จะต้องสงบใจ ไม่ตื่นเต้น ไว้ใจตัวและเชื่อแน่ว่า เรามีจิตตานุภาพเป็นเครื่องมือรวมกำลังสติปัญญาของเราให้พรั่งพร้อม เช่นเดียวกับนายเรือที่ไม่รู้จักเสียใจ รวบรวมกำลังเรือและกำลังคนให้บริบูรณ์

• ต้องยึดที่หมายให้แน่น กล่าวคือระลึกถึงผลที่เราต้องการบรรลุนั้นให้แน่วแน่ยิ่งขึ้น เปรียบเสมือนนายเรือที่ตั้งเข็มทิศให้ตรง และให้รู้แน่ว่าจะต้องการให้เรือบ่ายเบี่ยงไปทางไหน

• ใช้ความระมัดระวังให้มากยิ่งกว่าเมื่อก่อนจะเกิดเหตุร้ายอีกหลายเท่า และความวินิจฉัยที่ถูกต้อง ทำทางปฏิบัติของเราเหมือนอย่างหางเสือเรือ ที่จะช่วยให้เรือบ่ายเบี่ยงไปทางทิศที่ต้องการจะไป

• ไม่สามารถจะก้าวไปข้างหน้าได้ก็อย่าถอยหลัง ให้หยุดอยู่กับที่

• ให้รู้สึกว่าเคราะห์นั้นทำให้เราดีขึ้น เป็นครูของเรา เป็นผู้เตือนเรา เป็นผู้ลวงใจเรา อย่าเห็นว่าเคราะห์กรรมเป็นของเลว ไม่น่าปรารถนา ควรคิดว่าเป็นของดีที่ทำให้เราเข้มแข็งมั่นคงขึ้น ให้รู้สึกเสมอว่าเราเกิดมาเรียนทั้งเคราะห์ร้ายและเคราะห์ดี เคราะห์เป็นบทเรียนของเรา ที่จะทำให้เราแจ้งโลกแล้วจะได้พ้นโลก ดังนี้ จะไม่รู้จักเคราะห์ร้ายเลยในชีวิต

เว็ป อ้างอิง(แหล่งข้อมูล)
http://www.palungjit.com

 

อ่านแล้วรู้สึกหดหู่ใจ ถ้าเป็นเรื่องจริงก็เป็นการเตือนให้ผู้คนนึกถีงกฏแห่งกรรมซึ่งปัจจุบันหลายคนA    คิดว่าเป็นเรื่องเหลวไหล แต่สำหรับผมคิดเสมอว่ากฏนี้มีจริง แต่อาจจะช้าไป บ้างที่จะแสดงผลออกมา จนลืมไปเลย

ขอบคุณสำหรับ ข้อมูลเสริม จิตตานุภาพ นะคะ ดีมากๆ เลย

เราได้แต่หวังว่า อย่าได้มีใครทำตัวเฉกเช่น เรื่องข้างต้น อีกเพื่อไม่ให้เกิดเป็นวัฎจักร ของ กงกรรมกงเกวียน อีกต่อไป

เรื่องของคุณแบบ จริงจัง  ก็น่าสนใจนะครับ

        เรื่องแบบนี้สะกิดใจผู้คนได้มากเพราะมันไม่เกินวิสัยที่จะเกิดขึ้นได้และมากมายก็เกิดขึ้นเช่นเรื่องนี้แล้ว  ผมก็ได้แต่พยายายามไม่ก่อกรรมทำเวร  และคิดถึงเรื่องเหล่านี้ไว้เป็นอุทาหรณ์

        ขอบคุณที่นำเรื่องมาให้อ่านครับ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท