3. โรคเบาหวาน ตามธรรมดาคนเป็นโรคเบาหวาน จะหมายถึงคนที่น้ำตาลในเลือดสูงกว่าปกติและต้องระมัดระวังไม่ให้เป็นแผลเพราะเป็นแล้วจะหายยากหรือบางครั้ง แผลเล็กก็ลุกลามเป็นแผลใหญ่ จนต้องตัดแขนขา อวัยวะอื่นๆ
ส่วนผู้บริหารที่เป็นโรคนี้มี 2 แบบ
1.แบบแรกเป็นพวกเบา( ความอ่อน)หวานหรืออ่อนโยนต่อผู้อื่น ทำให้ชอบพูดจากระโชกโฮกฮาก ด่าทอ หยาบคาย จนเป็นที่ระคายหู ระคายใจ แต่ไม่มีใครกล้าต่อปากต่อคำ กลัวโดนซ้ำจะหนักกว่าเก่า
2. แบบที่สองเป็นพวกน้ำตาลสูงทั้งในเลือดและวาจา แต่เป็นประเภทหวานแบบเชือดเฉือน เหน็บแนม แกมประชด จนผู้ฟังหรือลูกน้องเสียใจ เจ็บใจ และเสียกำลังใจจนทำงานไม่มีความสุข เช่น " น้องขา พี่ว่างานที่น้องทำออกมานี่นะคะ มันดี๊ดีมากกว่านี้ ถ้าน้องจะใช้ก้อนสมองมากกว่าใช้กระโหลก น้องว่าจริงไหมคะ? "
และในทางตรงกันข้าม ไม่ว่าผู้บริหารจะเป็นเบาหวานแบบไหน แต่วาจาของท่านล้วนสามารถก่อให้เกิดแผลเหวอะหวะทางใจแก่ลูกน้องโดยถ้วนหน้า จากแผลเล็กกลายเป็นแผลใหญ่
วิธีแก้ไข สำหรับผู้บริหารที่เป็นโรคเบาหวาน จึงควรเติมอินซูลินที่เรียกว่า ปิยวาจา ให้เพิ่มขึ้น ก็ไม่ต้องถึงกับพูดหวานไพเราะจนมิใช่ตัวของตัวเอง แต่ควรเป็นคำพูดที่มีเมตตาต่อผู้อื่น แม้จะเป็นคำตำหนิ ลูกน้องก็ยังยินดีรับฟังและนำไปปรับปรุงแก้ไข.
ไม่มีความเห็น