คำแนะนำต่อผู้เข้าร่วมมหกรรมจัดการความรู้แห่งชาติ ครั้งที่ 2
ผมมีอยู่ 3 ข้อครับ
1. ให้สวมหมวก "ผู้เรียนรู้" ไม่ใช่
"ผู้รับรู้"
และต้องเป็นหมวกการเรียนรู้โดยการแลกเปลี่ยนแบ่งปัน
คือเป็นทั้งผู้ให้และผู้รับ
ไม่มุ่งเป็นผู้รับเพียงถ่ายเดียว
2.
เมื่อได้เรียนรู้เรื่องใดแล้ว ให้นำไปดำเนินการต่อ
(1)
จดบันทึก
(2)
ไตร่ตรองทำความเข้าใจให้ชัดหรือลึก
หรือเชื่อมโยงยิ่งขึ้น
(3)
เอาไปลองใช้ให้เหมาะสมกับสภาพของตนเองและจดบันทึกผล
(4)
เอาผลการปฏิบัติตามข้อ 3 มาแลกเปลี่ยนเรียนรู้กับกัลยาณมิตร
(5)
จดบันทึกผลการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ตามข้อ 4 แล้วหมุนเวียนวัฏจักรตามข้อ
1 - 4 เรื่อยไป
3. แสวงหาเครือข่ายกัลยาณมิตร
จดชื่อและที่ติดต่อไว้
สำหรับไว้แลกเปลี่ยนเรียนรู้เรื่องที่มีความสนใจร่วมกันหรือทำงานคล้าย
ๆ กัน
วิจารณ์ พานิช
29 พ.ย.48
ผมเห็นด้วยกับแนวทางของคุณหมอครับ
เพราะอยากเห็นการปรับเปลี่ยนวัฒนธรรมการเรียนรู้ของคนไทยมานานแล้วครับโดยเฉพาะอย่างยิ่งจุดเปลี่ยนในประเด็นต่อไปนี้คือ
1) ต้องเรียนรู้ ควบคู่กับ การเลียนรู้
(เลียนแบบ)ต่อยอดความรู้
หรือเอาแนวคิดของคนอื่นไปพัฒนางานของเราให้ดียิ่งขึ้นเพราะบางอย่างไม่จำเป็นต้องนับหนึ่งใหม่หรือเริ่มต้นที่
ศูนย์ เอาอย่างวิธีคิดแบบญี่ปุ่น
2) ต้องมีการให้และรับไปพร้อมๆกัน (Give &
take)
ภาษิตไทยบอกว่ายิ่งให้ยิ่งได้ และต้องไม่ทำตัวเป็นน้ำล้นแก้ว
อย่าคิดว่าในโลกนี้เราไม่รู้อะไรเลยสักเรื่องเดียวหรือรู้ดีไปเสียทุกอย่าง
3) ต้องมีมโนสุจริตมีความเป็น "กัลยาณมิตร"
กับทุกๆคนที่เข้ามาแลกเปลี่ยนเรียนรู้
เพราะความเป็นกัลยาณมิตรเป็นเสมือนกุญแจที่จะไขไปสู่ความสำเร็จในการดำเนินงานขั้นต่อๆไปในทุกๆด้าน
ต่อจากนี้ไปสังคมไทยคงจะไม่มีการหวงวิชา
จะมีแต่การแลกเปลี่ยนสรรพวิทยาที่มีคุณค่า
เป็นประโยชน์ต่อสังคมไทยที่กำลังปรับเปลี่ยนเข้าสู่สังคมฐานความรู้
(Knowledge based society) อย่างเต็มภาคภูมิครับ
ท้ายที่สุดนี้คงจะมีโอกาสพบปะ แลกเปลี่ยน เรียนรู้กับท่านผู้รู้
ผู้ร่วมทางการจัดการความรู้ทั้งหลายในวันที่ 1-2 ธ.ค.ศกนี้
ที่โรงแรมมิราเคิ่ล กรุงเทพฯครับ