ชื้นจนต้องใช้จาระบี


ที่ ม.สงขลานครินทร์ฝนตกหนักติดต่อกันมาหลายสัปดาห์แล้วครับ แฟลตที่ผมอยู่นี่ติดริมเขา ความชื้นที่มีอยู่เยอะอยู่แล้ว ยิ่งชื้นกันเข้าไปใหญ่ หนังสือซื้อมาใหม่ๆ เล่มเล็กๆ วางไว้สามสี่วันตอนนี้อ้วนท้วนขนาดเพิ่มขึ้นเกือบเท่าตัวแล้ว สงสัยพยายามเพิ่มหุ่นให้ทันหนังสือเล่มอื่นๆ ในตู้ อยู่ ม.สงขลานครินทร์นี่เปลืองตู้หนังสือครับ หนังสือจะอ้วนกว่าปกติ

วันนี้ผมต้องเอาจาระบีไปป้ายตามกลไกประตูรถ เพราะเริ่มสังเกตว่าประตูรถเริ่มแข็งๆ ฝืดๆ ปิดไม่ค่อยสนิทเหมือนในหน้าร้อน หน้าฝนอย่างนี้ต้องเสริมจาระบีเข้าไปหน่อยประตูจะปิดได้ดีขึ้น

เรื่องนี้เป็นความรู้ฝังลึกที่เกิดขึ้นจากการอยู่ในพื้นที่ชื้นๆ มานาน เดาแบบคนที่คืนวิชาเคมีให้อาจารย์ไปหมดแล้วว่าจาระบีเก่าโดนความชื้นเข้าไปโมเลกุลคงขยายตัว (มั้ง) เลยเสื่อมสภาพการหล่อลื่น (มั้ง) เอาเป็นว่าป้ายจาระบีใหม่เข้าไปหน่อยแก้ปัญหาได้ก็แล้วกัน

คำสำคัญ (Tags): #uncategorized
หมายเลขบันทึก: 8227เขียนเมื่อ 28 พฤศจิกายน 2005 01:35 น. ()แก้ไขเมื่อ 7 มิถุนายน 2012 16:09 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (3)

อ่านของคุณมาหลายตอน อ่านแล้วนึกถึงรุ่นน้องคนหนึ่ง  มันขี้โม้ ขี้คุยชะมัด ทั้ง ๆ ที่ความคิดไม่ได้มีอะไรเลยยยยย จริง ๆ

 

แบบนี้เลยครับ ผมจะเล่าให้ฟัง เช่น

๑. ชอบอาหารฝรั่ง (ซึ่งมักเป็นปกติของพวกไปกินของฝรั่งมาแบบผิวเผิน ๆ จนไม่รู้ว่า เฮ้ย...อาหารฝรั่งรสชาติห่วยจะตาย สู้ของไทยเราแทบไม่ได้สักอย่าง) ปกติคนที่ไปอยู่นาน ๆ สิบเอาหนึ่งเลย ไม่มีใครหรอกที่จะบ้า โหยหาอาหารฝรั่งในเมืองไทย ก็เลยไม่รู้ว่า ชอบจริง ๆ หรือต้องการจะอวด ว่าตูก็เคยไปเมืองฝรั่งมา

๒. ชอบเก็บกระพี้ของแนวคิดฝรั่งมาเล่า...น่ารำคาญมากกก

พอถามลึก ๆ ก็ทำเลี่ยง ๆ ไม่ตอบซะอย่างนั้น

 

๓. ถ่ายรูปไม่ได้เรื่อง เอ้า...หรืออย่างน้อย ก็ไม่มีอะไรเด่น แต่ชอบอวดว่า  ตัวเองเล่นกล้อง มีอยู่ในมือแล้วกว่า ๑๐ ตัว 

 

๔.  อ่านหนังสือแนวนิยายทั้งนั้น แต่ชอบมาเขียนว่า  อ่านหนังสือมากกกกกกกกกกกก  จนมิอาจบรรยายได้.....หรือบางทีก็บอกว่า ที่ห้องไม่มีที่จะวางอย่างอื่นแล้ว นอกจากหนังสือ..ไม่รู้ต้องการอวดอะไร ??

 

เหมือนคุณจังเลยครับ..(ในหลาย ๆ เรื่อง) หุ ๆ ๆ  เฮ้อ...โทษที..ผมเป็นคนไม่ดี ที่ชอบคิดถึงคนอื่นในแง่ไม่ดี..

จะพยายามปรับปรุงตัวในโอกาสต่อไป

ตามหัวข้อที่คุณเขียนมาจะเหมือนผมเรื่องเดียวเอง คือชอบเก็บกระพี้ฝรั่งมาเล่า ;-) เรื่องนี้ก็แล้วแต่คุณจะคิดนะครับ ผมไม่บังคับ

ส่วนที่ไม่เหมือนมีดังนี้

๑. ผมเขียนในประวัติว่าชอบอาหารอินเดียครับ ปกติผมชอบกินแกงกะทิจัดๆ อยู่แล้ว แถม มะตะบะ โรตีจิ้มแกง อะไรอย่างนี้ของโปรดทั้งนั้น (อย่าลืม! ผมอยู่หาดใหญ่) พอเจออาหารอินเดียเข้าเลยชอบสุดๆ เวลาจะตอบคำถามว่าชอบอาหารอะไร คำตอบจะป๊อบขึ้นมาในหัวว่า "อาหารอินเดีย" ว่างๆ ไปกินด้วยกันไหมครับ ถ้าผมชอบกินจริง คุณจ่าย

อ้อ เรื่องความอร่อยของอาหารนี่แปลกครับ คนแต่ละชาติโดยส่วนใหญ่จะเห็นว่าอาหารตัวเองอร่อยที่สุดในโลกทั้งนั้น ผมเลยไม่แปลกใจที่จะเห็นว่าคนไทยบอกว่าอาหารไทยอร่อยที่สุด

จริงๆ แล้ว พอมาเล่นกันรายภาคของประเทศไทย เราก็จะเห็นว่าอาหารภาคเราอร่อยกว่าภาคอื่นอีก อย่างคนใต้นี่อาหารภาคอื่นยังไงก็อร่อยสู้อาหารภาคใต้ไม่ได้

อาหารที่เรากินมาตั้งแต่เด็กๆ คืออาหารที่เราจะบอกว่าอร่อยที่สุดใช่ไหมครับ ดังนั้นฝรั่งที่ไหนมาบอกว่าอาหารไทยอร่อยที่สุด ฝรั่งคนนั้นตอแหล เอาใจคนไทยครับ

ส่วนคนไทยที่กินอาหารฝรั่งไม่ได้เลย สำหรับผมนี่เป็นการแสดงว่าไปกินอาหารฝรั่งมาแบบ "ผิวเผิน" ต่างหากครับ อาหารแต่ละชาติถ้าตั้งใจกินจริงก็จะมีจุดอร่อยของเขา และเจ้า "จุดอร่อย" ของเขานี่เองทำให้เรานานๆ ทีอยากกิน คนไทยนานๆ ทีเราก็อยากกินติ่มซำ คุณชอบกินติ่มซำ (แถวหาดใหญ่เรียกว่าแตะเตี่ยม) ไหมละ ถ้าชอบคุณก็ว่ารุ่นน้องคุณไม่ได้แล้วล่ะ

๒. ผมมีกล้องไม่ถึงสิบตัว แต่ชอบที่จะมีกล้องและชอบถ่ายรูป และไม่รู้ว่าตัวเองถ่ายรูปได้เรื่องหรือเปล่า เพราะพอมาในเรื่องการทำงานศิลปะแล้ว หากทุกคนจะมีใจจะทำ ผมถือว่าทุกคนทำ "ได้เรื่อง" ทั้งนั้น ดังนั้นไม่มีใครในโลก วาดรูปไม่ได้เรื่อง เล่นดนตรีไม่ได้เรื่อง ร้องเพลงไม่ได้เรื่อง เขียนกลอนไม่ได้เรื่อง ถ่ายรูปไม่ได้เรื่อง ฯลฯ

เวลาเราไปคาราโอเกะกับใครที่ชอบร้องเพลงแล้วบอกว่าเขาร้องเพลงไม่ได้เรื่องคงได้โกรธกันตาย และเขาอาจจะซื้อเครื่องร้องคาราโอเกะเก็บไว้ที่บ้านแล้วด้วยความชอบ

๓. ผมไม่อ่านนิยาย แต่ผมชอบอ่านหนังสือ และใครที่พูดว่าชอบอ่านหนังสือ ผมจะมองด้วยสายตาชื่นชม ผมเชื่อว่าประเทศไทยต้องการคนอ่านหนังสือและเขียนหนังสือมากขึ้น ยังยืนยันว่าผมเห็นว่าคนไทยอ่านหนังสือน้อยเกินไปครับ

ดังนั้น ถ้าผมเจอรุ่นน้องคุณคนนั้น โอกาสที่ผมจะมองด้วยสายตาชื่นชม (ชอบถ่ายรูป ชอบอ่านหนังสือ) จะมีมากกว่ามองด้วยสายตาอย่างอื่นครับ

แต่ถ้ารุ่นน้องคุณเอากล้องแพงๆ ที่ไม่เคยเอาไปใช้เลยมาอวด นั่นก็อีกเรื่องหนึ่ง....

ธรรมดาครับ ก็คนประเภทเดียวกัน ก็ต้องถูกคอกันเป็นธรรมดา  อิ อิ อิ

อ้อ..อีกอย่าง ผมบอกว่า บางอย่างเหมือนครับจริง ๆ ไม่ต้องเสียเวลาร่ายยาวเรื่องรายละเอียดก็ได้ เช่นเรื่อง ถ่ายรูปเป็นต้น

เอาเป็นว่า  พอสมควรแก่เหตุก็แล้วกัน

ส่วนประเด็นเรื่องชื่นชมคนอ่านหนังสือ หรืออยากสนับสนุนให้คนอ่านหนังสือมาก ๆ โดยเฉพาะคนไทย ที่อ่านหนังสือวันละไม่เกินหกบรรทัด อันนั้น เห็นด้วยมาตั้งนานแล้วครับ เพียงแต่ ประเด็นที่ต้องการสื่อ มันอีกอย่างหนึ่ง...เอานะครับ จับให้ตรง ๆ หน่อย

สุดท้ายขอบคุณครับที่พยายามตอบ 

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท