การจัดการกับสื่อทางเพศ/สื่อลามกทางอินเตอร์เน็ตด้วยกฎหมาย


การจัดการเทคโนโลยีด้วยกฎหมายเพื่อความเป็นสุขในสังคมไทย

       หลังจากได้รับการเยี่ยมเยียนจากวิทยากรรับเชิญ "อาจารย์โก๋" ทำให้เราได้ทราบว่าปัจจุบันสื่อทางเพศ รวมถึงสื่อลามกนั้นถูกนำมาผ่านช่องทางการนำเสนอผ่านช่องทางการสื่อสารด้วยเทคโนโลยีอินเตอร์เน็ตมากขึ้น และยังส่งผลร้ายกับเยาวชนที่จะเป็นอนาคตของชาติได้โดยอาจเห็นตัวอย่างได้จากข่าวอาชญากรรม หรือประทุษทางเพศที่เริ่มจะมีเพิ่มขึ้นในสังคมไทยในระยะนี้ ทั้งนี้สื่อในอินเตอร์เน็ตที่เราพบกันประกอบด้วยสื่อทางเพศที่เป็นด้านบวก และด้านลบ แต่ส่วนใหญ่จะเป็นสื่อด้านลบเสียมากกว่า ซึ่งผมก็มีแนวความคิดสอดคล้องกับ อ.โก๋ ว่าน่าจะมีกฎหมายเฉพาะที่ต้องออกมาเพื่อชี้ความผิดของการกระทำให้ชัดเจน เพื่อเป็นการควบคุมปัญหาที่จะเกิดขึ้นในสังคมจากการที่ขาดการควบคุมและบังคับใช้กฎหมายอย่างชัดเจน

       หากเรามองดูแล้วจะพบว่าการกระทำของบุคคล ไม่ว่าจะเป็นผู้เผยแพร่สื่อ รวมไปถึงบุคคลที่ได้รับสื่อนั้นแล้ว เราจะสามารถจำแนกความสัมพันธ์กันอย่างมีเหตุผลได้ดังนี้(ภายในประเทศ)

  1. ผู้ให้บริการ ISP ได้รายได้จากการที่ให้บริการโครงข่าย=ผลตอบแทนคือค่าเช่าวงจร
  2. ผู้ให้บริการโฆษณาผ่านหน้าเวปลิ้งค์ของตนเอง=ได้ค่าเช่าพื้นที่โฆษณา หรือผลตอบแทนจากการทำโฆษณา
  3. ผู้ให้บริการเวปเซอร์เวอร์ขายซีดีX=ผลตอบแทนจากการค้าซีดีXเป็นเงินตอบแทน(เงินนอกระบบ ไม่เสียภาษี สังคมแย่ ผู้ประกอบการรวย)
  4. ผู้จัดทำเวปที่มีการเผยแพร่ภาพ/วีดีโอคลิป=ได้รับผลตอบแทนจากการขายพื้นที่โฆษณาที่หน้าเวป(อาจมีวิดีโอคลิปที่ละเมิดสิทธิของผู้อื่น/ขัดต่อกฎหมาย)
  5. ผู้ใช้บริการ(ลูกค้าที่ซื้อซีดีX)=ได้แผ่นซีดีX=สนองความต้องการของตน(ขาดการควบคุม หากผู้ซื้อเป็นเยาวชนอนาคตสังคมไทยจะเป็นอย่างไร)
  6. ผู้นำภาพวีดีโอคลิปไปเผยแพร่(ละเมิดกฎหมาย)=ได้ความสนุก (ละเมิดผู้อื่น สร้างความทุกข์หรือทำลายอนาคตผู้อื่น)

       หากมองในแง่ดีแล้วสื่อทางเพศไม่ว่าจะเป็นซีดีX หากการซื้อขายนั้นควบคุมได้โดยสามารถแยกแยะจำหน่ายให้เฉพาะผู้ใหญ่ก็ไม่น่าจะเป็นผลเสียเท่าไหร่นัก แต่การควบคุมการซื้อขายทางอินเตอร์เน็ตนั้นยังไม่มีมาตรฐานหรือการควบคุมที่แน่ชัด และเงินนอกระบบนั้นก็มิได้เข้าสู่กระบวนการทางภาษีแต่อย่างใด รวมถึงรูปแบบการโชว์วีดีโอคลิปในเวปไซด์ต่างๆนั้นก็ยังไม่เป็นที่ยอมรับต่อสังคมไทยได้เนื่องจากจะขัดต่อศิลธรรมอันดีงามแล้วก็ยังทำลายอนาคตของผู้อื่นด้วย

       ทางออกที่ผมคิดว่าน่าจะช่วยบรรเทาปัญหานี้ไปได้ก็ต้องอาศัยการนำกฎหมายมาบังคับใช้น่าจะดีที่สุด เพราะในสังคมไทยนั้นจะเห็นได้ง่ายๆว่าถ้าไม่ใช่เรื่อง ก็จะไม่มีหน่วยงานไหนออกมารับผิดชอบ(จนต้องให้เกิดคดีขึ้นมาก่อน แล้วก็ อ๋อๆ พอเรื่องซา ก็เงียบกันไปอีก) การนำเอากฎหมายมาควบคุมเทคโนโลยีนี่แหละที่น่าจะเป็นทางออกที่ดีที่สุดในสังคมไทย รวมถึงควรสร้างกฎระเบียบของหน่วยงานที่มีส่วนร่วมในการรับผิดชอบปัญหานี้ด้วยเพื่อเป็นการสร้าง FLOW CHART ในการทำงานกับปัญหานี้ ตามแนวความคิดของผมดังนี้

  1. หากผู้ประกอบการการจำหน่ายซีดีX ต้องการจำหน่ายซีดีX ต้องขออนุญาติต้องขออนุญาติเจ้าหน้าที่ และต้องจดทะเบียนเสียภาษีให้ถูกต้องตามกฎหมาย (รัฐควรจัดเก็บให้มากกว่าปกติ) และภาพยนต์ที่นำมาจำหน่ายต้องมิใช่รูปแบบวิตถาร หรือสวิงกิ้ง อันขัดต่อศิลธรรมอันดี โดยต้องมีหน่วยงานที่เซนเซอร์ภาพยนต์ตังกล่าว(นักจิตวิทยา,จนท.ตำรวจ) รวมถึงแหล่งที่มาของภาพยนต์ต้องถูกกฎหมายด้วยมิใช่การละเมิด ภาพของผู้อื่น โดยประเด็นสำคัญคือการซื้อขายต้องมีระบบการตรวจสอบที่เชื่อถือได้ที่จะสามารถปิดกั้นการเข้าถึงของเยาวชนได้โดยเทคโนโลยีที่น่าเชื่อถือได้ และต้องสร้างกระบวนการตรวจสอบให้มีเป็นระยะๆตามมาตรฐานที่จัดตั้งขึ้น และต้องสร้างกฎหมายมารองรับธุรกิจนี้ด้วย(ซึ่งเราต้องยอมรับว่าเรื่องเพศทางบวกก็ส่งผลดีให้สังคมได้เช่นกัน เสมือนดาบสองคม)
  2. ออกกฎหมายมาเพื่อให้ ISP รวมถึงเจ้าของเวปไซด์มีส่วนในการร่วมตรวจตราด้วยซึ่งอาจออกนำมาเป็นหัวข้อหนึ่งในการกำหนดแผนยุทธศาสตร์ของกระทรวงไอซีที หรือนโยบายของ กทช.ก็ได้ โดยต้องมีการตั้งเป้าหมายในการกวาดล้างรวมถึงต้องมีการกำหนดโทษ/ค่าปรับตามความเหมาะสม รวมทั้งการสร้างกฎระเบียบสำหรับ การที่จะสร้างเวปไซด์และการเข้าถึงโครงข่าย
  3. สร้างกฎหมายหลักเพื่อใช้ในการปราบปราม รวมทั้งสร้างกระบวนการทำงานในการแก้ใขปัญหาโดยต้องมีหน่วยงานมารับผิดชอบ และออกกฎกระทรวงมารองรับแผนยุทธศาสตร์ในการแก้ปัญหา ซึ่งอาจต้องมองว่าต้องทำการควบคุมผู้กระทำ ที่แบ่งเป็น 2ประเภทได้แก่
    1. ผู้ประกอบการเวปไซด์ที่ไม่ถูกกฎหมาย ขายซีดีเถื่อน,จัดทำเวปที่เผยแพร่วีดีโอคลิป ที่ไร้การควบคุมจากภาครัฐ(เวปเถื่อน) รัฐควรออกกฎหมายเพิ่มโทษ/ค่าปรับ เพราะปัจจุบันโทษปรับนั้นน้อยมาก เมื่อเที่ยบกับผลกำไรที่เขาได้รับนั้น มันคุ้มค่ามากที่จะยอมเสียค่าปรับแล้วย้ายเวปไซด์หนีไปเรื่อยๆ ซึ่งตรงนี้เองรัฐควรออกกฎหมายมาควบคุมและควรจะจะเพิ่มโทษค่าปรับเป็นขั้นต่ำ 50,000 ถึง 500,000 บาท และโทษจำคุกด้วย ซึ่งการที่จะประสบความสำเร็จได้นั้นจะต้องสร้างแรงจูงใจในการชี้เบาะแส รวมถึงกระบวนการจัดกุมของเจ้าหน้าที่ตำรวจด้วย เช่น ให้รางวัลแก่ผู้ชี้เบาะแสในการนำจับ 30% และเจ้าหน้าที่ตำรวจที่เข้าจับกุม 20% อีก 50 % เข้ารัฐ ซึ่งจะต้องจัดกระบวนการทำงานเป็น FLOW CHART และมีหน่วยงานที่รับผิดชอบอย่างชัดเจน (ผมคิดว่าวิธีนี้จะทำให้เวปเหล่านี้จะหายไปได้เยอะมากครับ)
    2. ออกกฎหมายที่เกี่ยวกับการกระทำด้วยความคึกคะนอง-เลินเล่อ เกี่ยวกับกลุ่มผู้ที่นำภาพวีดีโอที่ไม่เหมาะสมจากมาทำการแพร่ภาพทางอินเตอร์เน็ต รวมทั้งวีดีโอที่ทำให้ผู้อื่นเสียหายได้ โดยควรจะเพิ่มโทษเป็น ตั้งแต่ 3 เดือน ถึง 2 ปี โทษปรับตั้งแต่ 2,000 ถึง 20,000 บาท
  4. ส่วนสื่อจากเวปไซด์ต่างประเทศนั้นควรเป็นความร่วมมือระหว่าง ISP และกระทรวงไอซีที ซึ่งปัจจุบันก็ได้ทำกันอยู่แล้วครับ

       ผมว่าการนำกฎหมายมาควบคุมสื่อทางเพศ น่าจะเป็นทางออกที่ดีที่สุดของสังคมไทย ทั้งนี้จะต้องแยกแยะสื่อที่เป็นทั้ง สีขาว สีเทา สีดำ ให้แน่ชัด (ตามแนวคิดของ อ.โก๋) ก็ต้องจัดทำให้มีมาตรฐานที่สังคมยอมรับได้ด้วย เพื่อให้การออกกฎหมายมาควบคุมสื่อทางเพศนั้นเป็นไปอย่างเหมาะสมและก่อให่เกิดประโยชน์ในสังคมไทยมากที่สุดครับ

ปล.ขอเป็นกำลังใจให้พี่โก๋ทำงานเพื่อสังคมต่อไปนะครับ

หมายเลขบันทึก: 80914เขียนเมื่อ 27 กุมภาพันธ์ 2007 12:59 น. ()แก้ไขเมื่อ 19 มิถุนายน 2012 05:13 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (1)
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท