การปรับเทคนิคและกระบวนการทำงาน
การนำการจัดการความรู้มาสู่ระบบส่งเสริมการเกษตร จะเห็นได้ว่ามีการปรับกระบวนการและการนำเครื่องมือของการจัดการความรู้เพื่อพัฒนาขีดความสามารถของนักส่งเสริมการเกษตรอยู่ตลอดเวลา มีกิจกรรมที่แฝงไว้ในการสัมมนาเชิงปฏิบัติการนักส่งเสริมการเกษตรประจำเดือนซึ่งสำนักงานเกษตรจังหวัดนครพนมนำมาปรับใช้ ที่สำคัญ เช่น
1) การปรับให้มีการค้นหากิจกรรมการส่งเสริมในพื้นที่ที่สามารถนำมาเป็นตัวอย่างเพื่อการแลกเปลี่ยนเรียนรู้กับนักส่งเสริมการเกษตรต่างพื้นที่ได้เรียนรู้ ซึ่งเราเรียกว่าของดี หรือ Best Practice ในแต่ละพื้นที่มาเป็นกิจกรรการศึกษาดูงาน เช่น แปลงเกษตรอินทรีย์ แปลงเกษตรผสมผสาน แปลงผลิตปุ๋ยอินทรีย์ชีวภาพ เป็นต้น ซึ่งเดิมการสัมมนาฯ ดังกล่าวมีเพียงการประชุมชี้แจงข้อราชการเท่านั้น
2) มีการเสริมกิจกรรมเพื่อการพัฒนาทักษะคุณอำนวยให้แก่นักส่งเสริมการเกษตรในระหว่างการสัมมนาด้วยทุกครั้ง ทั้งการฝึกการทำหน้าที่บันทึกและการจับประเด็น การสรุปผลการเรียนรู้ การทำ AAR เป็นต้น
3) มีการปรับสถานที่ของการสัมมนาฯ จากเดิมใช้ห้องประชุมเท่านั้น มาเป็นการใช้สถานที่หรือแปลงที่เป็นของดีที่จะต้องไปศึกษาดูงานหรือแลกเปลี่ยนเรียนรู้ เป็นทั้งสถานที่สัมมนาฯและสถานที่ศึกษาดูงานในที่เดียวกัน
4) มีการพัฒนากระบวนการจากเดิม ให้ดำเนินกิจกรรมการสัมมนาฯ ก่อน แล้วจึงไปศึกษาดูงานเปลี่ยนมาเป็นการศึกษาดูงานก่อน แล้วจึงทำการสัมมนาฯ เพื่อให้เกิดความต่อเนื่องในเนื้อหาที่ได้ในการศึกษาดูงาน บางครั้งสามารถนำมาเป็นประเด็นในการสัมมนาฯ ได้อีกทางหนึ่งด้วย
5) บางครั้งในการสัมมนาฯ จะมีการคัดเลือกตัวแทนของนักส่งเสริมการเกษตรที่ได้ดำเนินกิจกรรมการส่งเสริมแล้วมีความก้าวหน้า ให้มาเล่าประสบการณ์และให้ข้อเสนอแนะแก่เพื่อนๆ นักส่งเสริมการเกษตรท่านอื่นที่กำลังอยู่ระหว่างการปฏิบัติได้เรียนรู้ปัญหาและผลสำร็จที่สามารถนำวิธีการที่เพื่อน ๆ คนอื่น ๆ ได้ดำเนินการสำเร็จแล้วไปประยุกต์หรือปรับใช้ในพื้นที่ของตนเองต่อไปได้ จึงทำให้นักส่งเสริมการเกษตรคนอื่นๆ ได้เห็นช่องทางแล้วนำไปพัฒนาต่อยอดให้สอดคล้องกับบริบทในพื้นที่ของตนเอง