เช้าวันที่ ๑๔ เมษายน ๒๕๖๘ วันสงกรานต์ ผมมีโอกาสทบทวนชีวิตของตนเอง ว่าน่าจะแตกต่างจากชีวิตของคนทั่วไปมากทีเดียว คือเป็นชีวิตของผู้สูงอายุ เตรียมตัวลาจากโลกนี้ สู่ความดับสูญ ชีวิตที่เหลือน้อยมุ่งทำเพื่อความเป็นอยู่ที่ดีของผู้คนที่จะยังคงเวียนว่ายในวัฏฏสงสาร โดยที่ตนเองไม่มีความต้องการการตอบสนอง โลภะ โทสะ โมหะ ใดๆ อีกแล้ว (จริงหรือเปล่าก็ไม่ทราบ แต่คิดอย่างนั้น)
ค้นพบว่า ตนเองได้อ่านหนังสือ และเขียนข้อเรียนรู้ และสะท้อนคิด ลงใน Gotoknow.org ไว้มากมาย อย่างไม่น่าเชื่อ ตั้งแต่วันที่ ๖ เมษายน ๒๕๕๖ (๑) อ่านข้อสะท้อนคิดดังกล่าวทั้งหมดได้ที่ (๒) ผมอ่านสี่ห้าบันทึกแรกแล้วมองเห็นพลวัตความคิดของตนเองชัดเจน ที่ขับเคลื่อนชีวิตของผมมาจนปัจจุบัน (ที่อ่อนแรงลงไปมากแล้ว)
ที่จริงก่อนหน้าปี ๒๕๕๖ ผมก็คงอ่านหนังสือมากเช่นเดียวกันตามนิสัย แต่ไม่ได้มีการบันทึกไว้ จึงต้องขอบคุณทีมงาน Gotoknow นำโดย ผศ. ดร. ธวัชชัย ปิยะวัฒน์ ที่ช่วยให้มี Gotoknow.org platform สำหรับบันทึกความคิด หรือการสะท้อนคิดของผู้คนจำนวนมากในสังคมไทย
การอ่านหนังสือสำหรับผม เป็นช่วงเวลาของความสุข ยิ่งสนุกเมื่อได้สะท้อนคิดถกเถียงและเห็นด้วยกับข้อความในหนังสือ โยงสู่หลักการหรือทฤษฎีที่ผมฝึกตกผลึก เอามาเขียนบันทึกเหล่านั้น โดยไม่รับรองว่า ข้อสะท้อนคิดเหล่านั้นจะถูกต้องหรือไม่
ชีวิตการอ่านหนังสือ และเขียนบันทึก ชักนำให้ชีวิตของผมมีลักษณะ introvert ยิ่งขึ้น ความเข้าใจสังคมจริงในสังคมไทยน้อยลง ดังนั้น เมื่อมีคนแนะนำให้ดูหนังเรื่อง Thank You Teacher ใน platform ธุรกิจบันเทิงแห่งหนึ่ง และผมพยายามเข้าไปดู ก็ได้พบโลกที่ผมไม่คุ้นเคย ที่เข้าใจว่าเยาวชนทั่วไปคงจะใช้อย่างคุ้นเคย แต่ผมไม่สมัครใจจะเข้าไปอยู่ในระบบนิเวศเช่นนั้น ที่ผมมองว่าเป็นระบบมอมเมา เพื่อแสวงประโยชน์ทางธุรกิจของเขา มีผลให้คนในสังคมหลงวนเวียนอยู่ในชีวิตที่ถูกหลอกลวง ไม่ทราบว่าความคิดเช่นนี้เป็นความหลงผิดของผมเองหรือไม่
การอ่านหนังสือ แบบเอาข้อมูลมาสะท้อนคิดสู่หลักการ ช่วยให้เราไม่หลงเข้าไปเป็นเหยื่อของความโลภ โกรธ หลง ที่ครอบงำสังคมและโลก อยู่ในปัจจุบัน
อ้างการเติบโตทางเศรษฐกิจ หรือ GDP เป็นเป้าหมาย เพื่อสนองกำไร และความเป็นเศรษฐีของเขา
อ่านหนังสือ สู่การรู้เท่าทันกิเลสตัณหาของตนเอง และของผู้อื่น รู้จักใช้ชีวิตที่ไม่ตกเป็นเหยื่อ
วิจารณ์ พานิช
๑๔ เม.ย. ๖๘