GotoKnow

ชีวิตที่พอเพียง  4953. การพัฒนาที่ไม่สม่ำเสมอ เปรียบเทียบระบบสุขภาพกับระบบการศึกษาไทย

Prof. Vicharn Panich
เขียนเมื่อ 7 เมษายน 2568 16:02 น. ()

 

HITAP จัดการนำเสนอผลงานวิจัยเรื่อง Uneven Development : How Distributing, Taxing and Coercing Shape State Capacity โดย รศ. ดร. Illan Nam, นักวิจัยด้านรัฐศาสตร์จาก Colgate University  ที่รู้จักเมืองไทยดีมาก   รู้จักนักวิจัยไทยด้านสุขภาพจำนวนมาก   จัดการนำเสนอที่ บ่ายวันที่ ๖ มีนาคม ๒๕๖๘   ผมขอลิ้งค์วิดีทัศน์มาฟังภายหลัง ใช้เวลาเกือบ ๒ ชั่วโมง อย่างสนุกและได้ความรู้มาก   ได้มุมมองของนักรัฐศาสตร์  ชมได้ที่ (๑)   

ผมสนใจที่เขาเปรียบเทียบระบบรัฐ ๒ ระบบของไทย ที่แตกต่างกันอย่างอยู่คนละขั้ว   คือระบบสาธารณสุข กับระบบการศึกษา   

โดยวิทยากรเสนอข้อเปรียบเทียบ ๓ ด้านคือ 

  1.  ระบบบังคับให้ไปทำงานในชนบท   ระบบสาธารณสุขมี   ระบบการศึกษาไม่มี
  2. โอกาสก้าวหน้าเมื่อไปทำงานในชนบท   ระบบสาธารณสุขมี  ระบบการศึกษาไม่มี ที่เขาเรียกว่าเป็น death end 
  3. การรับข้อเสนอแนะจากผู้ทำงานในชนบท   ระบบสาธารณสุขมีกลไกรับ   ระบบการศึกษาไม่มี    ผมเติมให้ในวงเล็บว่า ระบบการศึกษาเน้นให้ส่วนภูมิภาคและชนบททำตามคำสั่งแล้วส่งรายงาน   

จากข้อสังเกตทั้งสาม และการนำเสนอตามในลิ้งค์ (๑)  นำสู่การเสวนาที่ประเทืองปัญญายิ่ง   

ที่จริงข้อสังเกตทั้ง ๓ ข้อข้างบน นำสู่ข้อมูลเพิ่มเติม และบริบทที่ต่าง ระหว่างระบบการศึกษากับระบบสาธารณสุข   ที่นำมาตีความทำความเข้าใจเหตุผลลึกๆ ที่ทำให้สองระบบนี้ของไทยมีคุณภาพต่างกันสุดขั้ว    นำมาถกเถียงกันได้มากมาย   

จุดที่กระตุกใจผม และผมไม่เคยคิดมาก่อนคือ  เป้าหมายของจุดเริ่มต้นในการพัฒนาระบบทั้งสอง สมัย ร. ๕  ต่อด้วย ร. ๖  ระบบการศึกษาจัดขึ้นสำหรับเป็นเครื่องมือของส่วนกลางของประเทศในการควบคุมส่วนภูมิภาคและชนบท หรือควบคุมประชาชน  (ที่เขาใช้คำว่า เพื่อ social control)  ไม่ใช่เน้นเพื่อคุณภาพคน      แต่ระบบสุขภาพมีเป้าหมายเพื่อพัฒนาสุขภาพของคน    เป็นข้อสังเกตที่น่าสนใจมาก  ที่นักรัฐศาสตร์มองเห็น แต่ผมไม่เห็นหรือไม่ตระหนัก   จริงหรือไม่จริงถกเถียงกันได้   

แต่เมื่อได้ฟังเหตุผลนี้ ผมก็หวนคิดว่า สมัยนั้นชนชั้นปกครองเรียกประชาชนว่า “ไพร่ฟ้าข้าแผ่นดิน”    และคิดต่อว่าสมัยนี้นักการเมืองมองระบบการศึกษาว่าเป็นช่องทางควบคุมเสียงเลือกตั้ง   

อีกคำหนึ่งที่ รศ. ดร. อิลลาน เอ่ยถึงคือ social contract (สัญญาทางสังคม หรือสัญญาประชาคม) ของประชาชน   ของคนไทยต่ำ   อธิบายว่าเพราะคนไทยส่วนใหญ่ไม่ได้เสียภาษีทางตรงคือภาษีเงินได้    คุณหมอยศให้ข้อมูลว่า คนไทยเพียง ๔ ล้านคนเท่านั้นที่เสียภาษีเงินได้   แถมยังบอกว่าระบบเศรษฐกิจไทยไม่ได้มี ๒ ระบบ คือเศรษฐกิจในระบบ  กับเศรษฐกิจนอกระบบ (ที่ไม่เสียภาษี)   ยังมีระบบที่ ๓ คือ เศรษฐกิจใต้โต๊ะ    ยิ่งทำให้คนไทยไม่มีสัญญาประชาคม     

ผมมีข้อสงสัยว่า หากแนวคิด “ไพร่ฟ้าข้าแผ่นดิน”  และ “จงรักภักดีต่อผู้มีอำนาจ” ดำรงอยู่ในประชาชนไทยกลุ่มด้อยโอกาส ที่เป็นคนส่วนใหญ่ของประเทศ   จะส่งผลค่อสภาพสัญญาประชาคมในกลุ่มคนเหล่านั้นอย่างไร      

วิจารณ์ พานิช

๗ มี.ค. ๖๘ 

 

สัญญาอนุญาต: สงวนสิทธิ์ทุกประการ

ความเห็น

ยังไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท
ภาษาปิยะธอน (Piyathon)
เขียนโค้ดไพทอนได้ด้วยภาษาไทย