๒๖๐. เขียนฝันไว้ข้างฝา


  ฝันที่เธอวาดไว้ เธอจะก้าวใกล้ความฝันมากน้อยแค่ไหน ไม่มีใครรู้ได้ นอกจากน้องเพลงจะต้องฟันฝ่าอุปสรรคและต้องเป็นหลักให้ครอบครัวไปอีกนาน เพราะเธอจะไม่มีพ่อคอยส่งเธอให้ได้เรียนสูงขึ้น...อีกแล้ว

เขียนฝันไว้ข้างฝา..
            ผมรู้จักกับน้องเพลง เด็กสาวชั้น ม.๔ ในงานศพของญาติเพื่อน ในบรรยากาศที่เศร้าสลด ผมก็อดที่จะถามไม่ได้ว่าใครเป็นใครกันบ้าง โดยเฉพาะเด็กนักเรียนทั้ง ๓ คนที่ถ่ายภาพกับแม่ตรงหน้าเครื่องตั้งศพของพ่อ

            ก่อนพิธีฌาปนกิจจะเริ่มขึ้น ผมเห็นแม่กอดลูกทั้ง ๓ คนแล้วร่ำไห้อย่างหนัก จากความสูญเสียที่เกิดขึ้นเมื่อพ่อมาด่วนจากไป เนื่องจากหัวใจวายกะทันหัน ภาระการเลี้ยงดูลูกต้องตกอยู่กับแม่อย่างไม่ต้องสงสัย

            ลูกๆทั้ง ๓ คน วัยกำลังเรียนรู้ อยู่ชั้นป.๕  ม.๒ และ ม.๔ นี่คือโจทย์ที่แม่ต้องแก้ปัญหา ให้อยู่รอดและปลอดภัย โดยมีน้องเพลงเป็นผู้ช่วย จากคำบอกเล่าของเพื่อน แม่ของน้องเพลงประกอบอาชีพขายพวงมาลัย

            ต่อจากนี้น้องเพลงจะต้องมีหน้าที่ประคับประคองงานและหัวใจของแม่ ต่อจากผู้เป็นพ่อที่เสียไป

            “น้องเขาจะทำได้หรือ” ผมถามด้วยความสงสัย “ครอบครัวนี้เขาสอนลูกดี ให้มีอาชีพติดตัวและไม่อายทำกิน น้องเพลงร้อยพวงมาลัยเป็นตั้งแต่อายุ ๗ ขวบและช่วยพ่อแม่ขายพวงมาลัยที่ตลาดทุกวัน” เพื่อนตอบผม

            “เรียน ม.๔ สายไหน” ผมหมายถึงวิทย์ คณิตหรือศิลป์ภาษา “ถ้าเธออยากรู้เดี๋ยวเราจะให้หลานเขามาคุยด้วย สัมภาษณ์เอาเองก็แล้วกัน เรารู้แต่ว่าหลานคนนี้เรียนเก่งได้เกรดเฉลี่ย ๔.๐ “  เพื่อนพูดแล้วก็เดินออกไป

            สักครู่น้องเพลงก็มาอยู่ตรงหน้าผม ใบหน้าของเธอขาวซีด  ขอบตาและดวงตามีรอยช้ำและเปียกชื้นเหมือนผ่านการร้องไห้มาทั้งคืน  ความรู้สึกของผมอยากถามน้องหลายเรื่อง แต่เอาเข้าจริงผมเองก็พูดไม่ออก

            “เรียนสายไหนครับ”  ผมถามคำถามแรกออกไป    “ศิลป์ภาษาค่ะ หนูเลือกเรียนภาษาอังกฤษ”

            “ที่โรงเรียนมีห้อง IEP หรือเปล่า” ผมถามเพราะห้องเรียนนี้ จะช่วยให้เรียนภาษาดีขึ้น แต่ต้องเสียค่าเล่าเรียนเพิ่ม “มีค่ะ หนูเลือกเรียนด้วยค่ะ” เด็กสาวตอบด้วยน้ำเสียงราบเรียบ

            “เห็นว่าต้องช่วยแม่ร้อยพวงมาลัยทุกวัน ขายตั้งแต่กี่โมงครับ” ที่ผมถามก็เพราะเห็นว่าเธอต้องเรียนหนัก จะเอาเวลาที่ไหนไปช่วยแม่ “หนูช่วยแม่ขายตั้งแต่ห้าโมงเย็นถึงทุ่มนึงค่ะ”

            น้องเพลงเดินออกไปหาแม่และน้องๆ จากนั้นพิธีการสุดท้ายก็เริ่มขึ้น เพื่อส่งร่างผู้วายชนม์ของผู้เป็นพ่อสู่สัมปรายภพ ผมกับเพื่อนนั่งนิ่ง ความคิดก็คงจะคล้ายคลึงกัน รู้สึกสงสารและเห็นใจครอบครัวของน้องเพลง

            “เคยไปหาหลานที่บ้าน ทำให้รู้สึกว่าเด็กคนนี้ไม่ธรรมดา” เพื่อนผมพูดขึ้นลอยๆ    “ยังไง”

            “หลานเขียนข้อความไว้ที่ข้างฝาบ้านว่าจะเรียนที่คณะอักษรศาสตร์จุฬาฯให้ได้”  เพื่อนบอก “แล้วหลานเธอบอกหรือเปล่าว่าเรียนจบแล้ว อยากมีอาชีพอะไร” ผมถาม

            “แอร์โฮสเตส ล่าม และงานในสถานฑูต” ผมยิ้มในคำตอบของเพื่อน ไม่ธรรมดาจริงๆ เด็กหลายคนเรียนไปเรื่อยๆโดยไม่รู้จุดหมายปลายทาง แต่น้องเพลงมีเป้าหมายที่ชัดเจนและมุ่งมั่นอยู่ทุกคืนวัน

            ฝันที่เธอวาดไว้ เธอจะก้าวใกล้ความฝันมากน้อยแค่ไหน ไม่มีใครรู้ได้ นอกจากน้องเพลงจะต้องฟันฝ่าอุปสรรคและต้องเป็นหลักให้ครอบครัวไปอีกนาน เพราะเธอจะไม่มีพ่อคอยส่งเธอให้ได้เรียนสูงขึ้น...อีกแล้ว

            วันนี้...ผมตัดสินใจ ส่งเรื่องนี้ให้คุณบุญชู ผู้อุปถัมป์โรงเรียนบ้านหนองผือและให้ทุนการศึกษาแก่นักเรียน ผมขอเพิ่ม “น้องเพลง” เข้าไปอีก ๑ คน เพื่อเธอจะได้มีกำลังใจและทำฝันให้เป็นจริง

            คุณบุญชู..ตอบรับและยินดีให้ความช่วยเหลือและบอกด้วยว่า....จะส่งน้องเพลงเรียนจนจบปริญญาตรี

ชยันต์  เพชรศรีจันทร์

๒๗  พฤศจิกายน  ๒๕๖๖

           

            

หมายเลขบันทึก: 716482เขียนเมื่อ 27 พฤศจิกายน 2023 07:47 น. ()แก้ไขเมื่อ 27 พฤศจิกายน 2023 09:57 น. ()สัญญาอนุญาต: สงวนสิทธิ์ทุกประการจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

อนุญาตให้แสดงความเห็นได้เฉพาะสมาชิก
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท