๒๕๕. "เพื่อน"


เมื่อเราเดินมาถึงจุดหนึ่งของชีวิต เราจะพบว่าชีวิตมันสั้น เวลาในนาฬิกาเดินหน้าแต่เวลาชีวิตเรากลับถอยหลังเสมอ ชีวิตเกิดมารอบเดียว รอบหน้าจะมีอีกรึเปล่าไม่มีใครรู้ เพราะฉะนั้นอะไรที่มีความสุขและไม่เดือดร้อนตัวเองหรือใครก็ทำไป รักตัวเองให้มากๆ มีความสุขให้มากๆ

"เพื่อน" 

     ไม่ใช่สายโลหิต  ไม่ใช่ญาติ หากเป็นความผูกพันที่เกิดขึ้นโดยบังเอิญแท้ ๆ เป็นความประจวบเหมาะ เป็นความพอดีที่มาพบเจอ  มาเรียน มาทำงานด้วยกัน  มาร่วมชะตากรรมเดียวกัน แล้วนับจากนั้นก็ผูกพันกันเรื่อยมา ในฐานะเพื่อน ซึ่งลบไม่ออก แก้ไขไม่ได้ เว้นเสียแต่ว่า จะเปลี่ยนสถานะใหม่ให้เป็นศัตรูกัน ซึ่งโอกาสนั้นก็เป็นได้น้อยในหมู่เพื่อน

     อายุล่วงมาถึงวันนี้  เพื่อนใหม่ไม่มีแล้ว  ใจไม่อยากเปิดรับเข้ามาอีก  ก็คงมีแต่เพื่อนเก่าสมัยเรียน ประถม- มัธยม - อุดมศึกษา - เริ่มทำงาน หรือ เรียนปริญญาบัตรอื่น ๆ ซึ่งนับวันจะเหลือน้อยลงไป

     ดังนั้น จงดูแลกันยามมีชีวิต  ยามเดือดร้อนนี่แหละ ดูแลกันตามกำลัง ถ้าเพื่อนไม่ช่วยเพื่อนแล้ว ใครล่ะจะช่วย คนอื่นเขายิ่งไม่รู้จักมักคุ้น  ไม่ใช่เพื่อนกัน ใครเขาจะยื่นมือมาช่วย การผิดพลาดไปบ้าง ห่างเหินไปหน่อย บกพร่องระหว่างกันไปบ้าง  อภัยกันเถิด ทำใจสบายๆ เปิดใจให้กว้าง เอื้อเฟื้อดูแลเกื้อกูลกันยามมีชีวิตดีที่สุด เพราะเราคือ "เพื่อน"กัน

      เมื่อเราเดินมาถึงจุดหนึ่งของชีวิต เราจะพบว่าเราเหลือเพื่อนเพียงหยิบมือ แต่เพื่อนเพียงหยิบมือนั้นคือมิตรภาพที่ธรรมชาติคัดสรรมาแล้ว คนที่ไม่ใช่ เวลาจะค่อยๆกรองพวกเขาออกไป สุดท้ายเราจะเหลือแต่กลุ่มคนที่คัดกันเองแล้วว่าเป็นพื้นที่ปลอดภัยซึ่งกันและกัน เราพบว่าเพื่อนไม่ต้องมีมาก มีน้อยแต่เต็มไปด้วยความจริงใจก็พอ 

      เมื่อเราเดินมาถึงจุดหนึ่งของชีวิต เราจะพบว่าเราเจอเพื่อนได้ยากขึ้น เพราะ condition ในชีวิตทุกคนต่างออกไป แต่ทุกครั้งที่เจอเราสามารถต่อกันติดได้เสมอ และเราจะพบว่าปาร์ตี้ที่ดีที่สุด คือการนั่งกินดื่มกับเพื่อนที่บ้านด้วยชุดสบายๆ นั่งชันเข่ากินส้มตำ ดื่มเบียร์เย็นๆ และร้องคาราโอเกะ นั่งปรับทุกข์หรือภูมิใจในความสำเร็จ  

      เมื่อเราเดินมาถึงจุดหนึ่งของชีวิต เราจะพบว่าเราเริ่มอยากยุ่งเรื่องของคนอื่นน้อยลง เรากลับไปโฟกัสเรื่องตัวเองและคนรอบตัวที่เราแคร์มากขึ้น เราเริ่มสนใจแต่สิ่งที่สบายตาสบายใจ เริ่มหลีกเลี่ยงพลังลบ และพยายามหาพลังบวกให้ตัวเอง เพราะเราเรียนรู้แล้วว่าพลังบวกเป็นสิ่งที่ช่วยได้มากในการต่อสู้กับชีวิต 

       เมื่อเราเดินมาถึงจุดหนึ่งของชีวิต เราจะพบว่ากฏแห่งแรงดึงดูดมีอยู่จริง มันมีอานุภาพทั้งดูดและผลักเราออกไป เราเป็นคนแบบไหนมันจะดึงคนแบบนั้นเข้า และในขณะเดียวกันมันก็ผลักคนที่ไม่ใช่ออกไป สุดท้ายเราจะเริ่มเรียนรู้ว่าที่ไหนที่เป็นที่ของเราและตรงไหนไม่ใช่ที่ของเรา  

      เมื่อเราเดินมาถึงจุดหนึ่งของชีวิต เราจะพบว่าการทำมาหากินเป็นเรื่องใหญ่ เราจึงยอมรับว่างานที่ทำอาจไม่ใช่สิ่งที่ชอบ และสิ่งที่ชอบอาจไม่ใช่งานที่ทำ เราเริ่มเรียนรู้วิธีในการ Manage ความรู้สึกตัวเองในการทำสิ่งนั้นเพราะสุดท้ายมันคือความรับผิดชอบ และเราทำเพื่อให้ได้เงินไปทำในสิ่งที่เราอยากทำ เงินยังเป็นสิ่งสำคัญเสมอ แต่เราเริ่มเลือกใช้ในบางสิ่ง และหยุดใช้ในบางสิ่ง 

       เมื่อเราเดินมาถึงจุดหนึ่งของชีวิต เราจะพบว่าเป้าหมายในชีวิตของเราเปลี่ยนไป เรายังอยากรวยเสมอ แต่สุดท้ายเราก็ยอมรับว่าเราทำเท่าที่ทำได้ เราเลิกเปรียบเทียบชีวิตกับคนอื่น และเริ่มมองหาความสุขในปัจจุบัน อาจจะเริ่มที่ไปนวด การไม่ปวดหลังเป็นลาภอันประเสริฐ 

       เมื่อเราเดินมาถึงจุดหนึ่งของชีวิต  เราจะพบว่าเราสามารถมีความสุขกับอะไรได้ง่ายขึ้น เรามีความสุขกับอาหารอร่อย เรามีความสุขกับต้นไม้ที่แตกหน่อใหม่ เรามีความสุขที่ครอบครัวของเรายังมีสุขภาพดี มีความสุขที่น้องหมาน้องแมวกินข้าวหมด มีความสุขเพียงแค่ได้นอนดูหนังดีๆ หรือฟังเพลงเพราะๆซักเพลง หรือมีความสุขที่มีเวลานอน และแน่นอนมีความสุขที่ไม่ปวดหลัง 

       เมื่อเราเดินมาถึงจุดหนึ่งของชีวิต เราจะพบว่าไม่มีสิ่งใดจีรังยั่งยืน ไม่ว่าจะเป็นความรักหรือความสัมพันธ์รอบตัว เกียรติยศหรือเงินทอง ทุกอย่างมีเข้าและมีจาก มีจากและมีเข้า สลับสับเปลี่ยนหมุนเวียนกันไปชั่วชีวิต เราเริ่มไม่ยึดติดกับสิ่งใดสิ่งหนึ่งมากเกินไป เราเรียนรู้ว่าสุดท้ายแล้วก็จะมีแค่ตัวเราเท่านั้นที่อยู่กับเราจนวันสุดท้าย 

       เมื่อเราเดินมาถึงจุดหนึ่งของชีวิต เราจะพบว่าการเป็นโสดก็ไม่แปลก และเราเรียนรู้ข้อดีของความโสด การมีใครอีกคนมันก็ดี แต่มีแล้วไม่ดีอย่ามีดีกว่า 

      เมื่อเราเดินมาถึงจุดหนึ่งของชีวิต เราจะพบว่าการรักตัวเองสำคัญที่สุด ความภูมิใจในตัวเองเป็นสิ่งที่เราควรสร้างอย่างสม่ำเสมอ ไม่มีใครรักเราเท่าตัวเราเองและเราไม่ควรรักใครมากไปกว่าตัวเราเอง มันไม่ใช่เรื่องเห็นแก่ตัว แต่มันคือวิธีการดำเนินชีวิตขั้นต้นที่เราควรทำก่อนจะรักคนอื่น คนที่รักตัวเองมักเผื่อแผ่ความสุขให้คนอื่นได้เสมอ  

      เมื่อเราเดินมาถึงจุดหนึ่งของชีวิต เราจะพบว่าชีวิตมันสั้น เวลาในนาฬิกาเดินหน้าแต่เวลาชีวิตเรากลับถอยหลังเสมอ ชีวิตเกิดมารอบเดียว รอบหน้าจะมีอีกรึเปล่าไม่มีใครรู้ เพราะฉะนั้นอะไรที่มีความสุขและไม่เดือดร้อนตัวเองหรือใครก็ทำไป รักตัวเองให้มากๆ มีความสุขให้มากๆ  

      จุดหนึ่งของชีวิตที่เราได้เรียนรู้ มาถึงตรงนี้ได้ก็เก่งมากแล้ว

ชยันต์  เพชรศรีจันทร์

๑๑  พฤศจิกายน  ๒๕๖๖

หมายเลขบันทึก: 716039เขียนเมื่อ 11 พฤศจิกายน 2023 19:15 น. ()แก้ไขเมื่อ 11 พฤศจิกายน 2023 19:15 น. ()สัญญาอนุญาต: สงวนสิทธิ์ทุกประการจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

อนุญาตให้แสดงความเห็นได้เฉพาะสมาชิก
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท