นันทชาดก


พระศาสดาตรัสว่า แม้ในกาลก่อน สัทธิวิหาริกของสารีบุตรนี้ ก็เป็นผู้มีปรกติอย่างนี้เหมือนกัน

นันทชาดก 

พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]

ขุททกนิกาย ชาดก ภาค ๑

๙. นันทชาดก (จากพระไตรปิฎก ลำดับเรื่องที่ ๓๙)

ว่าด้วยนายนันททาส

             (กุฎุมพีโพธิสัตว์เมื่อจะบอกขุมทรัพย์แก่กุมารผู้เป็นลูกของเพื่อน จึงกล่าวว่า)

             [๓๙] ทาสชื่อนันทะ เกิดจากนางทาสี ยืนพูดคำหยาบอยู่ที่ใด เรารู้ว่ามีกองรัตนะและมาลัยทองอยู่ที่นั้น

นันทชาดกที่ ๙ จบ

-------------------------

คำอธิบายเพิ่มเติมนำมาจากบางส่วนของอรรถกถา 

เอกกนิบาตชาดก กุลาวกวรรค

๙. นันทชาดก ว่าด้วยการกล่าวคำหยาบ

               พระศาสดา เมื่อประทับอยู่ในพระเชตวันวิหาร ทรงปรารภสัทธิวิหาริกของพระสารีบุตรเถระ จึงตรัสพระธรรมเทศนานี้ ดังนี้.
               ได้ยินว่า ภิกษุนั้นเป็นผู้ว่าง่าย อดทนต่อถ้อยคำ (ที่สั่งสอน) กระทำอุปการะแก่พระเถระ ด้วยอุตสาหะเป็นอันมาก ครั้นสมัยหนึ่ง พระเถระทูลลาพระศาสดา หลีกจาริกไปแล้ว ได้กลับมายังทักขิณาคีรีชนบท ในเวลาที่พระเถระไปอยู่ในทักขิณาคีรีชนบทนั้น ภิกษุนั้นเป็นผู้ถือตัวจัด ไม่กระทำตามคำของพระเถระ ก็เมื่อพระเถระกล่าวว่า ผู้มีอายุ เธอจงกระทำกรรมชื่อนี้ ก็ได้เป็นฝ่ายตรงข้ามต่อพระเถระ พระเถระไม่รู้อัธยาศัยของภิกษุนั้น พระเถระเที่ยวจาริกไปในทักขิณาคีรีชนบทนั้น หวนกลับมายังพระเชตวันวิหารอีก ภิกษุนั้นก็เป็นเช่นนั้นนั่นแลอีก จำเดิมแต่พระเถระมายังพระเชตวันวิหาร.
               พระเถระจึงกราบทูลแด่พระตถาคตว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ สัทธิวิหาริกรูปหนึ่งของข้าพระองค์ ในที่แห่งหนึ่งได้เป็นเหมือนทาสที่ไถ่มาด้วยทรัพย์หนึ่งร้อย แต่ในที่แห่งหนึ่งเป็นผู้ถือตัวจัด เมื่อข้าพระองค์บอกว่า จงกระทำสิ่งชื่อนี้ กลับทำตรงกันข้าม.
               พระศาสดาตรัสว่า สารีบุตร ภิกษุนี้เป็นผู้มีปรกติอย่างนี้ ในบัดนี้เท่านั้นหามิได้ แม้ในกาลก่อน ภิกษุนี้ไปยังที่หนึ่งเป็นเหมือนทาสที่ไถ่มาด้วยทรัพย์ตั้งร้อย แต่ไปยังอีกที่หนึ่ง กลับเป็นฝ่ายตรงข้าม เป็นศัตรู.
               อันพระเถระทูลอ้อนวอนแล้ว จึงทรงนำอดีตนิทานมา ดังต่อไปนี้
               ในอดีตกาล เมื่อพระเจ้าพรหมทัตครองราชสมบัติในนครพาราณสี พระโพธิสัตว์ถือปฏิสนธิในตระกูลกุฏุมพีตระกูลหนึ่ง กุฏุมพีผู้สหายคนหนึ่งของพระโพธิสัตว์นั้น ตนเองเป็นคนแก่ แต่ภรรยาของกุฏุมพีนั้นเป็นหญิงสาว นางอาศัยกุฏุมพีนั้นจึงได้บุตรชาย. กุฏุมพีนั้นคิดว่า หญิงนี้ เมื่อเราล่วงไปแล้วก็จะได้บุรุษไรๆ นั่นแหละ (เป็นสามี) เพราะยังสาวอยู่ จะทำทรัพย์ของเรานี้ให้พินาศ จะไม่ให้แก่บุตรของเรา ถ้ากระไร เราจะฝังทรัพย์นี้ไว้ในแผ่นดิน เขาจึงพาทาสในเรือนชื่อว่า นายนันทะ ไปป่า ฝังทรัพย์นั้นไว้ในที่แห่งหนึ่ง แล้วบอกแก่นายนันทะนั้น โอวาทว่า พ่อนันทะ ทรัพย์นี้ เมื่อเราล่วงไปแล้ว เธอพึงบอกแก่บุตรของเรา อย่าบริจาคทรัพย์ของเรา ดังนี้ แล้วได้ตายไป.
               บุตรของกุฏุมพีนั้นเป็นผู้เจริญโดยลำดับ. ลำดับนั้น มารดากล่าวกะบุตรชายนั้นว่า ดูก่อนพ่อ บิดาของเจ้าพานายนันททาสไปฝังทรัพย์ เจ้าจงให้นำทรัพย์นั้นมารวบรวมทรัพย์สมบัติไว้.
               วันหนึ่ง บุตรนั้นกล่าวกะทาสนันทะว่า ลุง ทรัพย์ไรๆ ที่บิดาของฉันฝังไว้ มีอยู่หรือ.
               นายนันททาสกล่าวว่า ขอรับ นาย.
               บุตรถามว่า ฝังไว้ที่ไหน.
               นันทะตอบว่า ในป่าจ้ะ นาย.
               บุตรกล่าวว่า ถ้าอย่างนั้น พวกเราพากันไป. แล้วถือเอาจอบและตะกร้าไปยังที่ฝังทรัพย์ แล้วกล่าวว่า ทรัพย์อยู่ที่ไหนล่ะ ลุง.
               นายนันทะขึ้นยืนข้างบนทรัพย์ อาศัยทรัพย์ทำมานะให้เกิดขึ้น ด่ากุมาร ว่า เฮ้ยเจ้าเจตกะลูกทาสี ทรัพย์ในที่นี้ของเจ้า จักมีมาแต่ไหน.
               กุมารทำเป็นไม่ได้ยินคำหยาบของเขา กล่าวว่า ถ้าอย่างนั้น พวกเรากลับกันเถิด แล้วพานายนันทะนั้นกลับ. ล่วงไป ๒-๓ วันได้ไปอีก นายนันทะก็ด่าเหมือนอย่างนั้นแหละ กุมารไม่กล่าวคำหยาบกับเขา คิดว่า ทาสนี้ไปด้วยคิดว่า จักบอกทรัพย์จำเดิมแต่นี้ แต่ครั้นไปแล้วกลับด่า เราไม่รู้เหตุในข้อนั้น กุฏุมพีผู้สหายของบิดาเรา มีอยู่หนอ เราสอบถามกุฏุมพีนั้นแล้วจักรู้ได้ จึงไปยังสำนักของพระโพธิสัตว์ บอกเรื่องราวนั้นทั้งหมดแล้วถามว่า ข้าแต่พ่อ เพราะเหตุอะไรหนอ?
               พระโพธิสัตว์กล่าวว่า ดูก่อนพ่อ นายนันทะยืนด่าเธอ ในที่ใด ทรัพย์อันเป็นของบิดาเธออยู่ในที่นั้นแหละ เพราะฉะนั้น ในกาลใด นายนันทะด่าเธอ ในกาลนั้น เธอจงฉุดนายนันทะนั้นมาด้วยคำว่า เฮ้ยเจ้าทาส เจ้าจงมาด่า แล้วถือเอาจอบขุดทำลายที่นั้น นำเอาทรัพย์อันเป็นของตระกูลออก มาให้ทาสยกนำเอาทรัพย์มา ครั้นกล่าวแล้ว จึงกล่าวคาถานี้ว่า
               ทาสชื่อนายนันทะเป็นบุตรของนางทาสี ยืนกล่าวคำหยาบในที่ใด เรารู้ว่า กองแห่งรัตนะทั้งหลาย และดอกไม้ทอง มีอยู่ในที่นั้น.
               กุมารไหว้พระโพธิสัตว์แล้วไปเรือน พานายนันทะไปยังที่ฝังทรัพย์ ปฏิบัติตามที่พระโพธิสัตว์สั่งสอนแล้ว นำเอาทรัพย์นั้นมารวบรวมทรัพย์สมบัติไว้ ตั้งอยู่ในโอวาทของพระโพธิสัตว์ กระทำบุญทั้งหลายมีทานเป็นต้น ในเวลาสิ้นชีวิต ได้ไปตามยถากรรม.
               พระศาสดาตรัสว่า แม้ในกาลก่อน สัทธิวิหาริกของสารีบุตรนี้ ก็เป็นผู้มีปรกติอย่างนี้เหมือนกัน.
               ครั้นทรงนำพระธรรมเทศนานี้มาแล้ว จึงทรงสืบอนุสนธิ ประชุมชาดกว่า
               ทาสนันทะในครั้งนั้น ได้เป็นสัทธิวิหาริกของพระสารีบุตร
               บุตรของกุฏุมพีในครั้งนั้น ได้เป็น พระสารีบุตร
               ส่วนกุฏุมพีผู้บัณฑิตในครั้งนั้น ได้เป็น เราเอง แล.

               จบอรรถกถานันทชาดกที่ ๙               
               -----------------------------------------------------   

 

 

หมายเลขบันทึก: 716019เขียนเมื่อ 10 พฤศจิกายน 2023 05:16 น. ()แก้ไขเมื่อ 25 พฤศจิกายน 2023 18:49 น. ()สัญญาอนุญาต: ไม่สงวนสิทธิ์ใดๆจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท