ก่อนอื่นผมก็ขอแสดงความเสียใจกับบุคคล ครอบครัว และผู้เกี่ยวข้องทุกฝ่ายกับเหตุการณ์สู้รบกันที่ตะวันออกกลาง ส่วนเรื่องราวเป็นอย่างไร เชื่อว่าทุกคนก็คงได้รับข้อมูลและข่าวสารเช่นเดียวกับที่ผมได้รับครับ สำหรับประเด็นที่ผมจะเขียนไว้นี้เป็นความเห็นและข้อเสนอแนะซึ่งอาจจะเป็นทางออกสำหรับประเทศไทย ซึ่งไม่ใช่คู่ขัดแย้ง แต่เป็นผู้ได้ร้บผลกระทบครับ
จากข้อมูลและข่าวที่มีผลกระทบต่อประเทศไทยคือเรามีแรงงานไทยจำนวนกว่า 7,000 คนที่ประสงค์จะกลับประเทศ และอีกหลายหมื่นคนยังจะอยู่ต่อในประเทศอิสราเอล เพื่อทำงานต่อไป ส่วนแรงงานเหล่านี้จะกลับมาเมื่อไหร่ และอย่างไรนั้น ผมก็ให้กำลังใจกับรัฐบาลและเจ้าหน้าที่ทุกคนครับ
แต่สิ่งที่ผมแปลกใจอย่างยิ่งคือ (1) ไม่น่าเชื่อว่าแรงงานไทยมีฝีมือจะไปทำงานในประเทศอิสราเอลมากขนาดนั้น และประเทศอื่นๆ อีกเท่าไหร่ และ (2) ที่แปลกใจยิ่งขึ้นคือแรงงานเหล่านี้ส่วนใหญ่ไปทำงานเกษตรกรรมครับ เกษตรกรรมในประเทศที่อยู่ท่ามกลางทะเลทราย และภูมิอากาศแห้งแล้ง ขณะที่ประเทศไทยซึ่งมีดินที่ค่อนข้างอุดมสมบูรณ์และสภาพแวดล้อมเหมาะในการทำเกษตร กลับไม่มีงานให้พวกเขาทำครับ
จะด้วยเหตุผลกลใดก็ชั่ง แต่เมื่อวิกฤติได้เกิดขึ้นแล้ว คือ เรามีพี่น้องผู้ใช้แรงงานจำนวมากที่ต้องเดินทางกลับจากอิสราเอลเพราะสงคราม และหลายคนในจำนวนนั้นยังเป็นหนี้ที่ยืมมาใช้ในการเดินทางไปทำงานต่างประเทศโดยหวังว่าจะใช้เงินเดือนที่ได้จากการขายแรงงานเพื่อใช้คืนเงินยืม แต่บัดนี้ไม่มีโอกาสนั้นแล้ว ถ้ารัฐบาลจะใช้หนี้แทนก็ไม่น่าจะเป็นเรื่องที่ถูกต้องนัก และที่จะชดเชยก็คงเป็นแค่การเยียวยาเบื้องต้นเท่านั้น การนี้ผมมีข้อเสนอดังนี้ครับ
ทั้งสองโครงการนี้น่าจะสมารถรองรับแรงงานที่กลับจากประเทศอิสราเอลได้มากพอสมควร และหากแนวคิดนี้ใช้ได้ รัฐบาลก็ควรเป็นศูนย์เกษตรกรรม และการประมงน้ำจืดแหล่งอื่นๆ ต่อไปเพื่อเป็นส่วนสนับสนุนโครงการเกษตรอินทรีย์ และนโยบายบายครัวไทยสู่ครัวโลกได้ในระยะต่อไปครับ
สมาน อัศวภูมิ
17 ตุลาคม 2566
ไม่มีความเห็น