ต่อจากตอนที่ ๒๑๒ นะครับ
สกสว. จะสนับสนุน “โครงการจัดการความรู้และขับเคลื่อนระบบการศึกษาและการเรียนรู้ ระยะที่ ๒” ที่ รศ. ดร. อนุชาติ พวงสำลี เป็นหัวหน้าทีมดำเนินการ ระยะที่ ๑ และส่งรายงานฉบับสมบูรณ์ที่ผมวิจารณ์ในบันทึกตอนที่ ๒๑๒ ไปแล้ว ต่อไปนี้จะวิจารณ์ TOR และข้อเสนอโครงการระยะที่ ๒
ผมชอบแผนผังบอกวัตถุประสงค์ที่สกสว. กำหนด ดังนี้
โดย สกสว. ระบุวัตถุประสงค์ไว้ ๔ ประการคือ (๑) แนวทางการใช้ ววน. เพื่อส่งเสริมการศึกษาและการเรียนรู้ของประเทศ (๒) แนวทางการพัฒนากลไกเชิงระบบด้านการพัฒนาการศึกษาและการเรียนรู้ของประเทศ (๓) เครือข่ายการวิจัยทางการศึกษา (๔) โมเดลขับเคลื่อนแผน ววน. ร่วมกับ PMU และผู้มีส่วนได้ส่วนเสียในการนำองค์ความรู้และนวัตกรรมไปใช้ประโยชน์
เมื่ออ่านข้อเสนอของทีมดำเนินการ ที่แยกเป็น ๒ โครงการ แล้ว ผมคิดว่าท่านยังตีโจทย์ไม่แตก ยังไม่เดินข้ามเส้นนักวิชาการเชื่อมไปยังฝ่ายปฏิบัติการหลากหลายระดับ หลากหลายมิติ และยังทำงานแบบจัดประชุมแล้วเขียนรายงาน
ที่จริงคำกล่าวของผมอาจจะผิด เพราะข้อเสนอของท่าน เน้นที่ฝ่ายปฏิบัติอยู่แล้ว เน้นที่ผู้ปฏิบัติระดับฐานล่างเสียด้วย แต่ผมหมายความว่า ผมมองว่าท่านมุ่งสังเคราะห์ความรู้จากปฏิบัติการเหล่านั้นเสนอต่อผู้เกี่ยวข้อง แต่ผมมองว่าท่านควรให้ผู้เกี่ยวข้อง (โดยเฉพาะจากต้นสังกัด) มาร่วมสังเคราะห์เอง คือ สกสว. และทีมผู้เสนอโครงการ ควรใช้โครงการนี้ทะลายกำแพงวิชาการ (วิจัย) ที่ขวางกั้นนักปฏิบัติระดับหลักการและนโยบาย ออกจากนักปฏิบัติระดับปฏิบัติการ ที่นักวิจัย (โดยเฉพาะทีมผู้เสนอโครงการ) มักจะเข้าถึงได้ดีกว่า
ที่จริงความเห็นของผมอาจจะผิด หากมองจากมุมของข้อเสนอโครงการที่ ๒ ที่เสนอกระบวนการขับเคลื่อนผู้มีส่วนเกี่ยวข้องอยู่แล้ว (แต่ก็ยังไม่เห็นกลยุทธการ engage PMU) แต่ผมเดาวิธีคิดว่า ผู้เสนอโครงการที่ ๒ มุ่งใช้เวทีที่ ๒ เพื่อให้ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียเข้ามาเรียนรู้ร่วมกัน แล้วก็จบ ผมมองว่า ควรใช้เวลาในโครงการ ๑ ปี ให้ท่านเหล่านั้นได้มาเรียนรู้สัก ๓ ครั้ง โดยมีข้อมูลหลักฐานที่ผลลัพธ์การเรียนรู้ของนักเรียน ที่ยกระดับขึ้นจริงในตอนปลายปีการศึกษา ที่มีการประชุมครั้งที่ ๓ ซึ่งหมายความว่า โครงการนี้ต้องจัดเวลาให้สอดคล้องกับปีการศึกษาในโรงเรียน
ผมไม่เห็นด้วยกับการจัด Education Journey Forum อย่างที่จัดในปีแรก หากจะจัดต้องจัดแบบ “ข้ามกำแพง” อย่าง ที่ผมเสนอไว้แล้ว และจัดอย่างมีกลยุทธ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการ engage คนในวงการ ววน. เน้นที่ PMU เพื่อสร้างความตระหนัก ว่าวงการ ววน. ไทย ต้องเข้ามาหาทางสนับสนุนการวิจัยและนวัตกรรมเพื่อยกระดับคุณภาพการศึกษา และลดความเหลื่อมล้ำอย่างเป็นระบบ ... วิจัยเพื่อพัฒนาระบบการศึกษา
กล่าวใหม่ว่า EJF แบบใหม่น่าจะใช้กระบวนการแนว Developmental Evaluation คือหาทาง engage ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียให้ครบตามที่เสนอในโครงการที่ ๒ แต่ต้องไม่ใช่ engage ครั้งเดียว เพราะจะไม่เกิดผลขับเคลื่อนได้จริง
วิจารณ์ พานิช
๒๗ ก.ค. ๖๖
ไม่มีความเห็น