ในการประชุมคณะกรรมการที่ปรึกษาพัฒนาระบบ ววน. ของ สอวช. ครั้งที่ ๓/๒๕๖๖ วันที่ ๑๗ กรกฎาคม ๒๕๖๖ มีวาระเรื่อง แนวทางการส่งเสริมและพัฒนาขีดความสามารถของหน่วยงานวิจัยและนวัตกรรมของรัฐ (Public Research Organizations – PROs) ในการขับเคลื่อนภารกิจตามเป้าหมายของประเทศ
อ่านเอกสารและฟังการประชุมแล้ว ผมมีความเห็นว่า ประเทศไทยยังใช้กระบวนทัศน์ที่ไม่ถูกต้องในเรื่องนี้ คือใช้กระบวนทัศน์ภาครัฐนำ ในขณะที่ผมเชื่อว่ากระบวนทัศน์ที่ถูกต้องคือ ภาครัฐหนุน ไม่ทราบว่าผมในฐานะคนแก่มีความหลงผิดหรือเปล่า
งานวิจัยและนวัตกรรมของประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ส่วนที่มีเป้าหมายหนุนความสามารถในการแข่งขัน ต้องนำโดยภาคธุรกิจเอกชน ภาครัฐหนุน เน้นหนุนด้วยระบบคุณภาพและมาตรฐานต่างๆ ซึ่งส่วนหนึ่งคือระบบกฎหมายที่เปลี่ยนแปลงได้ว่องไวทันกาล อีกส่วนหนึ่งคือบริการห้องปฏิบัติการแก่ภาคเอกชนรายย่อย หรือ SME กับ Start-Up
ในเรื่องการเงินนั้น ต้องหาทางหนุนให้ venture capital เข้มแข็ง เป็นส่วนที่ผมไม่มีความรู้
ผมมีความเห็นว่า ในปัจจุบัน ระบบงานวิจัยภาครัฐของไทยยังอยู่ในลักษณะที่แหว่งๆ วิ่นๆ ไม่เป็นระบบ ที่สำคัญที่สุดคือ ขาดหน่วยงานดูแลการวิจัยเชิงระบบ เช่นระบบการศึกษา ระบบพลังงาน ระบบการคมนาคมขนส่ง ระบบการเกษตร เป็นต้น ทำให้หลากหลายระบบของประเทศดำเนินไปแบบไม่มีหลักการ เช่นระบบรถไฟฟ้าในกรุงเทพ ระบบการศึกษาของประเทศ
ในการประชุม (ซึ่งผมเป็นประธาน) มีการนำเสนอที่ได้รับคำชมว่า เป็นการเริ่มต้นที่ดี แต่ต้องขยายมุมมองออกไปให้กว้างกว่าการศึกษากรณีตัวอย่างหน่วยงานวิจัยด้านเกษตรและอาหาร
กรรมการหลายท่านแนะนำว่า ต้องเริ่มจากการวิเคราะห์ complex systems ของระบบ ววน. ของประเทศก่อน โดยที่ PRO ประกอบด้วย หน่วยงานวิจัยในมหาวิทยาลัย (URO) กับหน่วยงานวิจัยภาคราชการ (GRO) ซึ่งจะต้องทำงานเชื่อมโยงและสนับสนุนหน่วยงานวิจัยของภาคธุรกิจเอกชน แล้วตั้งโจทย์เชิง value chain
คณะทำงานยกตัวอย่าง PRO ใน ๔ ประเทศ คือ ญี่ปุ่น เนเธอร์แลนด์ อินเดีย และอินโดนีเซีย โดย ๒ ประเทศแรกเป็นประเทศพัฒนาแล้ว ๒ ประเทศหลังกำลังพัฒนา กรรมการแนะนำให้ศึกษาลึกลงในรายละเอียดส่วนที่น่าสนใจของญี่ปุ่นคือมหาวิทยาลัยกับเอกชนร่วมมือกันดีมาก เราจะเอาวิธีของเขามาปรับใช้ได้อย่างไร ในส่วนของเนเธอร์แลนด์มีคนให้รายละเอียดเพิ่มมาก เช่น เงินวิจัยของรัฐ ร้อยละ ๑๐ ไปยัง PRO ร้อยละ ๓๐ ไปยังมหาวิทยาลัย ร้อยละ ๖๐ ไปยังภาคเอกชน และเรื่องการวิจัยภาคเกษตรมี Wagenigen Food Valley และมหาวิทยาลัยอันดับหนึ่งของประเทศคือ Wagenigen University
กรรมการบางท่านแนะนำให้ศึกษาประเทศที่มีการเกษตรเป็นฐาน เช่น ไต้หวัน (Academial Sinica), บางมณฑลของจีน ออสเตรเลีย เวียดนาม
วิจารณ์ พานิช
๑๙ ก.ค. ๖๖
ไม่มีความเห็น