รับกุมารทองสักตัวไหม ราคา 99 บาท จนถึง 4000 บาท รูปหล่อพญานาคก็มี เหรียญปลุกเสกก็มี ซื้อหาได้ที่ออนไลน์....
ข่าวการท่องเที่ยวไทย กระดี้กระด้าจะส่งเสริมทัวร์ไสยศาสตร์ (Mu Teluh Tourism) ให้โด่งดัง ทำรายได้เข้าเมืองไทยให้มาก ตั้งเป้าไว้หลายพันล้านบาท พอๆ กับเอาวัฒนธรรมไทย และแหล่งท่องเที่ยวธรรมชาติมาขาย จัดเป็นความคิดที่น่าตกใจ การท่องเที่ยวจะรู้ไหม แม้ไม่ยกทัวร์ไสยศาสตร์ขึ้นมา สินค้าไสยศาสตร์ก็ซื้อหาจากออนไลน์ได้แล้ว
เมืองไทยมีกลุ่มคนที่ตระเวนทำบุญเพื่อหวังความสุขในชาตินี้และภพภูมิชาติหน้าที่ดีกว่านี้ บางทีก็ไปเพียงเพื่อจะได้ไหว้พระ ตักบาตร หรือเพียงไปเยี่ยมชมสถานที่ ซึ่งคนเหล่านี้ ส่วนใหญ่ก็จะไปตามเทศกาลงานบุญ ซึ่งตรงกับวันสำคัญทางศาสนาเพราะมันมาจากคำสอนและความศรัทธาของเขาที่มีต่อคำสอนในพระพุทธศาสนา (ส่วนจะถูกหรือผิด ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง) กิจกรรมแบบนี้เรามีมานานแล้วและกระจายกันทั่วทุกภาค การตระเวนแบบนี้แต่ละครั้ง ใช้เงินคนละหลายหมื่นบาทแต่ก็เต็มใจ และยินดีจะจ่ายมากกว่านี้ด้วยซ้ำหาก “พอใจ” และเชื่อว่า “ได้บุญ” สมปรารถนาจริงๆ
มองแง่หนึ่ง การตระเวนไปตามวัดต่างๆ ของกลุ่มคนเหล่านี้ มี Demand ที่ขัดเจน มี Expectation จากลูกค้าชัดเจน และหากสามารถตอบสนองได้ก็จะเป็นการจ่ายและการซื้อที่มีตัวเลขสูง ที่สำคัญลูกค้ากลุ่มนี้ Potential ที่จะเพิ่มการซื้อให้มากขึ้น ๆ ค่อนข้างแน่นอน ที่สำคัญกว่านั้น เมื่อคนเหล่านี้มาตระเวนทำบุญแล้ว เรื่องที่พักค้างอ้างแรม อาหารการกิน การเดินทางขนส่ง ของที่ระลึก ล้วนเป็นสิ่งที่ทุกคนต้องการด้วย และนั่นหมายถึงระบบ supply chain ก็จะเกิดตามขึ้นโดยอัตโนมัติ
มองอย่างผิวเผิน สิ่งนี้คือรูปแบบการท่องเที่ยวอีกแบบหนึ่งอย่างชัดเจน และคนกลุ่มนี้คือนักท่องเที่ยวตัวฉกาจที่ไม่ควรพลาด จนบางครั้งคนเหล่านี้ น่าจะเป็นหมูในอวยที่ อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวน่าจะเก็บตุนเอาไว้
แต่ยังก่อน เราอยากขอให้บุคคลในวงการท่องเที่ยวยั้งใจไว้สักนิด ... มาลองคิดกันเล่นๆ สักรอบ
เราปฏิเสธไม่ได้ว่า เมืองไทยเป็นเมืองพุทธที่มีสินค้าไสยศาสตร์ขายดีเป็นอันดับหนึ่ง มีโรงงานอุตสาหกรรมผลิตความเชื่อและสินค้าไสยศาสตร์เกือบทุกหมู่บ้าน หมูหมากาไก่ ต้นกล้วยข่าตะไคร้ ก็อาจกลายเป็นสินค้ายอดนิยมในชั่วข้ามคืนได้ ถ้าโฆษณาถูกจังหวะ โดยสินค้าเหล่านี้ไม่ต้องมี ISO กำกับ ไม่ต้องมีองค์กรมาตรฐานใดๆ รองรับ สินค้าที่ผลิตขึ้นมาไม่มีบริการหลังการขาย ไม่มีการรับประกันว่าจะได้ผลทุกชิ้น แม้จะผลิตจากโรงงานเดียวกันหรือรุ่นการผลิตวันเดือนปี เดียวกัน นับว่าเป็นสินค้าพิสดารอยู่มาก
ฝรั่งต่างชาติ ว่าอุตสาหกรรมและสินค้าไสยศาสตร์เหล่านี้จะเกิดขึ้นในหมู่คนโง่ ที่ขาดสติปัญญาและไม่มีการศึกษา (แม้ฝรั่งแถบยุโรปเองก็เคยเกิดเหตุทำนองนี้ในยุคกลาง) ในทำนองตรงกันข้าม คนไทยบางคนผู้จบการศึกษาสูงถึงปริญญาโท เอก อาจเห็นช่องทางแบบนี้ก็ลงทุนสร้างอุตสาหกรรมความเชื่อได้ง่ายๆ สร้างกำไรนับพันล้านบาทจากสินค้าไสยศาสตร์ ก็มี
พระพุทธศาสนา ไม่ใช่ศาสนาเดียวในโลกที่ สอนให้เห็นและเข้าใจความเชื่อและสิ่งที่เหนือความจริงเชิงประจักษ์ คำสอนเกี่ยวกับเรื่องชาติภาพหน้า เทวดา นางฟ้า สวรรค์นรก อันเป็นภพภูมิที่คนธรรมดาไม่เคยพบเห็นเพื่อให้คนตระหนักถึงสิ่งที่ไม่ใช่ความสุขแท้จริง แต่คนส่วนใหญ่มองเห็นและเข้าใจมัน ในฐานะอิทธิฤทธิ์ ปาฏิหาริย์ มีพลังเหนือธรรมชาติ และยึดติดเฉพาะวัตถุ เช่น ยันต์หนังเหนียวยิงฟัน หรือแทงไม่เข้า ลูกอมหายตัวได้ ภูตผีปีศาจทวงบุญคุณ กุมารทอง พญานาค หรือคาถาเสน่ห์ ทุกศาสนาล้วนพูดถึงสิ่งเหล่านี้ แต่ศาสนาพุทธดูจะน่าเชื่อถือที่สุด (ภาษาสมัยใหม่เรียกว่า มีสตอรี่แข็งแรงมาก)
การยกเอาการท่องเทียวเชิงไสยศาสตร์มายกย่องเชิดชู เป็นกิจกรรมท่องเที่ยวอย่างจริงจังนั้น จึงพลอยเป็นวิธียกสินค้าไสยศาสตร์และลัทธิความเชื่อว่าเหล่านี้ว่าเป็นสินค้ารับรองในทางอ้อมด้วย
น่าตกใจนะ สินค้าที่ฝรั่งบอกว่าจะเกิดในหมู่คนโง่และขาดสติปัญญา แต่เรากำลังจะตกกระไดพลอยโจน สินค้าที่ไม่ต้องมีมาตรฐานอุตสาหกรรมรองรับ กำลังจะถูกยกย่องเชิดชูทางอ้อมพร้อมกับทัวร์ไสยศาสตร์ เทียบกับมาตรฐานบริการทางการท่องเที่ยวที่เราปลุกปั้น ประคบประหงมมานานหลายสิบปี กำลังจะถูกเบียดด้วยสินค้าไสยศาสตร์ที่ไม่มีคำรับรองการผลิต ไม่มีบริการหลังการขาย ไม่มีการประกันคุณภาพ
แม้ทุกวันนี้ เราจะมีการขายกุมารทอง พญานาคศักดิ์สิทธิ์ เหรียญหลงงพ่อดัง ๆ หรือกระทั่งเหล็กไหลและตะกรุดสารพัดปลุกเสก ใน Lazada Shoppee หรือตลาดออนไลน์ต่างๆ ในราคา หลักร้อย หลักพันหรือหลักหมื่นเป็นเรื่องปกติก็ตาม สิ่งที่เรายังยอมรับไม่ได้คือ ความจริงที่ว่าความเชื่อและศรัทธาในศาสนาตามคำสอน (จะถูกหรือผิด ยังไม่ต้องพูดถึง) กำลังถูกแปรเป็นสินค้าตามตลาดทั่วไป (Consumer Products) ผ่านรูปแบบสินค้าไสยศาสตร์เหล่านี้ นอกจากความเชื่อในคำสอนทางศาสนาและวัฒนธรรมจะถูกทำลายแล้ว สินค้าเหล่านี้ที่ไม่เคยมีมาตรฐานการผลิต ไม่มีแม้แต่ความงามทางศิลปะหรือประติมากรรม ไม่มีการประกันสินค้าจากผู้ผลิตหรือแหล่งกำเนิด เป็นสินค้าที่ผลิตเพื่อขายเอากำไรอย่างเป็นล่ำเป็นสัน โดยไม่สนใจคุณค่าแท้จริง
วันนี้ การท่องเที่ยวคิดจะปั้น Mu Teluh Tourism หรือทัวร์ไสยศาสตร์ ให้เป็นกิจกรรมหลัก ปรากฏการณ์แบบนี้จะเกิดขึ้นอย่างชุกชุมและขยายวงต่อไป ยิ่งเมื่อ Mu Teluh Tourism หรือทัวร์ไสยศาสตร์ที่ชื่นชมแต่ตัวเลขรายได้และกิจกรรมแสวงบุญ แสวงหาสินค้าไสยศาสตร์ จะถูกโหมประโคมให้โด่งดัง แต่มันจะสร้างความผิดเพี้ยนให้แก่ระบบการท่องเที่ยวอย่างหนักหน่วง จนยากจะแก้ไข
จะดีกว่าไหม ถ้าก่อนโหมประโคมมัน ลองกลับมาย้อนคิดสักนิดว่าจะสร้างคุณภาพและมาตรฐานของมันด้วยวิธีใด ให้มันชัดเจน ก่อนจะเชิดชูและประโคมมัน ยกให้เทียบชั้นการท่องเที่ยวหลักๆ เช่นเที่ยวเชิงวัฒนธรรม เที่ยวเชิงกีฬา หรือเที่ยวเชิงสุขภาพ ให้เป็นกิจกรรมการท่องเที่ยวที่มีคุณภาพ มีมาตรฐานและมีการรับประกันหลังการขาย ที่ชัดเจน เชื่อถือได้
เราจะมั่นใจได้หรือไม่ ว่าวันนี้ ถ้าเรายกย่อง Mu Teluh Tourism แล้ว จะไม่ใช่การส่งเสริมสินค้าไสยศาสตร์ และไม่ใช่การยอมรับ ลัทธิความเชื่อเหล่านั้นเป็นธุรกิจสายหลัก จริงๆ
ขอบคุณที่นำเรื่องลักษณะนี้มาบอกกล่าว อย่าได้คิดแต่ประโยชน์สั้นๆ ที่ไม่เป็นแก่นสารแก่สังคมไทยและชาวโลกต่อไป ทำให้สิ่งไม่ถูกต้องกลายเป็นความเชื่อว่าถูกต้องตามหลักของพุทธศาสนาหรือวิถีของสังคมไทยโดยรวมเสียอีก…วิโรจน์ ครับ
ขอบคุณ ๑คุณวิโรจน์ เหมือนว่าบ้านเมืองกำลัง..เดินไปสู่การพัฒนาที่ไม่มีความสุข หรือจะเป็นมุมคิดแบบคนรุ่นเก่า ..ก็ชักไม่แน่ใจเสียแล้ว..(ฮา)…