ชีวิตที่พอเพียง 4448. เตรียมจัด PMAC 2024 Geopolitics and Health Equity in an Era of Polycrises – 7. ประชุมเตรียมการที่โตเกียว ๑. เดินทาง


 

การประชุมเตรียมการที่โตเกียว จัดระหว่างวันที่ ๓ - ๕ เมษายน ๒๕๖๖  เพื่อทำความตกลงสาระหลัก  และหัวข้อย่อย (Subtheme) ของการประชุม   ที่จนปัจจุบันก็ยังไม่ชัดเจนนัก   ตามที่เล่าในบันทึกชุด เตรียมจัด PMAC 2024  บันทึกที่ ๔ – ๖ 

เราเดินทางคืนวันที่ ๑ ต่อวันที่ ๒ เมษายน ๒๕๖๖ ด้วยสายการบินไทย เที่ยวบินที่ TG 642  ออกเวลา ๒๓.๕๐ น. ของวันที่ ๑   กำหนดว่าใช้เวลาบิน ๖ ชั่วโมง ๒๐ นาที   ไปลงที่สนามบินนาริตะเวลา ๘.๑๐ น. เวลาท้องถิ่น    ปีก่อนๆ ตอนก่อนโควิดเราก็ใช้เที่ยวบินนี้มาตลอด    ผู้เดินทางโดยเที่ยวบินนี้มี ๙ คน    ยังมีคนอื่นๆ เดินทางโดยสายการบินอื่นหรือเที่ยวบินอื่นอีกหลากหลาย   

ผู้เข้าเมืองญี่ปุ่นต้องตรวจโควิดเฉพาะคนจีนหรือผ่านประเทศจีนเท่านั้น   คนไทยจึงเข้าเมืองสะดวกเหมือนยุคก่อนโควิด   คือไม่ต้องมีวีซ่า มีแค่พาสปอร์ตก็พอ 

เนื่องจากผมเอาพาสปอร์ตเล่มเก่าไปทำวีซ่าเข้าเดนมาร์ก และอาจได้รับคืนไม่ทัน (ไม่ทันจริงๆ ได้รับเล่มพาสปอร์ตระหว่างผมอยู่ที่โตเกียว)  จึงต้องไปทำพาสปอร์ตฉบับที่ ๒ เอามาใช้ในการเดินทางครั้งนี้   

หลังเช็ดอิน และผ่านด่านตรวจคนเดินทางออกนอกประเทศอย่างสะดวก    อ. บุ๋ม กับผมก็ไปนั่งที่ห้องรับรองการบินไทย ปีกที่เปิดใหม่ มีบริการครบครับ   หลังจากนั้นคนอื่นๆ ก็ตามมาสมทบ   เครื่องบินออกที่ระตู C2   กำหนดเรียกขึ้นเครื่อง ๒๓.๑๐ น.  พอถึงเวลาเขาก็ประกาศว่าการขึ้นเครื่องจะช้าเล็กน้อย   เพราะรอเครื่องบินขาเข้า   

เอาเข้าจริงก็เรียกช้าเพียงราวๆ ๒๐ นาที   แต่กว่าเครื่องบินจะออกก็เข้าไปตี ๑  โดยเวลาบินจริงๆ ๕ ชั่วโมง ๒๐ นาที   ผมได้ที่นั่ง 11E คู่กับท่านอธิการบดีมหาวิทยาลัยมหิดล ศ. นพ. บรรจง มไหศวริยะ   ได้คุยกันเรื่องลึกๆ ช่วยให้ผมได้ความรู้มากมาย          

ผมไม่กินอาหาร ขอน้ำดื่ม และกินยา แล้วนอน    ทั้งนอนไม่หลับ และปวดท้องฉี่ แต่ฉี่ไม่ค่อยออก   เทียวเข้าเทียวออกห้องน้ำทั้งในเครื่องบิน    และตอนผ่านตรวจคนเข้าเมืองที่ผมลืมกรอกข้อมูลทางอินเทอร์เน็ตเพื่อตรวจคนเข้าเมืองทาง Fast Lane   ก็ต้องมากรอกเอกสารตัวเล็กๆ ที่ตาของผมมองไม่เห็น   ได้เพื่อนร่วมทีมช่วยจึงรอดมาได้   อ. บุ๋มจัดการไปซื้อตั่วรถไฟ Skyliner Keisei – Ueno ค่าโดยสารคนละ ๒,๕๗๐ เยน    ไปลงสถานีปลายทาง อูเอโนะ ใช้เวลาราวๆ ๑ ชั่วโมง    แล้วนั่งแท็กซี่คันละ ๓ คน อีกราวๆ ๒๐ นาที ไปยังโรงแรม    ถึงโรงแรม ๑๑.๔๐ น.   ผมเป็นคนเดียวที่ได้รับสิทธิพิเศษเช็กอินเลย เพราะ อ. บุ๋ม ขอ early check-in ให้    ซึ่งหมายความว่า ยอมเสียค่าที่พักอีก ๑ คืน    คนอื่นๆ ต้องรอเวลาเช็กอิน ๑๔ น.   ผมขึ้นไปที่ห้อง ๗๐๔ พบว่า ห้องข้างๆ ยังอยู่ระหว่างทำความสะอาด    

อากาศดี อุณหภูมิ ๑๗ องศา   แต่ดอกซากุระบานจนส่วนหนึ่งโรยไปแล้ว    ห้องพักของผมมี ๒ เตียง ไม่ หรูหรา เทียบกับบ้านได้สี่ดาว    ผมได้ห้องที่หันหน้าออกถนน เห็นดอกซากุระเรียงรายริมถนน  หน้าต่างแง้มรับลมได้     

๕ เมษายน ๒๕๖๖ ขากลับ

การประชุมเลิกก่อนเที่ยงเล็กน้อย    ลงไปถ่ายรูปร่วมกันที่ชั้น ๑   แล้วนัดคนที่จะเดินทางไปสนามบินด้วยกัน ๖ คน    ออกจากโรงแรมบ่ายโมง    นั่งแท็กซี่คันละ ๓ คน ไปที่สถานี อูเอโน   แท็กซี่พาไปส่งที่สถานีรถไฟปกติ   ไม่ใช่ที่สถานี Skyline  ต้องไปหาอยู่พักหนึ่ง    ผมได้อาศัย ดร. ตวง กับคุณหมอสุวิทย์ทำหน้าที่นำทาง   

เมื่ออกจากสถานีรถไฟ คุณหมอสุวิทย์ชวนเดินเข้าตรอกไปกินข้าวปลาไหลย่างที่ร้านริมทางเดิน    ที่ราคาถูกมาก เพียง _ ๘๐๐ เยน    เดินไปไกลพอสมควร    ในตรอกที่มีคนเดินคับคั่ง  และมีร้านขายของกินสารพัดอย่าง    ร้านปลาไหลย่างและอาหารจานเดียว เป็นร้านเล็กๆ ริมทาง   ย่างปลาไหลเดี๋ยวนั้น   คนอื่นกินแบบเดียวกับหมอสุวิทย์และผมบ้าง กินข้าวหน้าปลาแซมมอนกับปลาหมึกย่างกับไข่ปลาบ้าง   รวมคณะของเรา ๖ คน    คุณหมอสุวิทย์บอกให้คุณหมอจเด็จ เลขาธิการ สปสช. เลี้ยง    ๖ คนแค่ ๔.๙๐๐ เยน   

แล้วเดินมาขึ้นรถไฟขบวนเดียวกันกับขามา    ลงที่ปลายทางคือ Terminal 1    ไปเช็กอิน ที่การบินไทย แล้วไปที่ประตู ๕๑   ขึ้นบันไดเลื่อนไปนั่งที่ห้องรับรอง ANA ที่กว้างขวางมาก   ผมได้แค่ลองจิบเหล้าญี่ปุ่นหลายชนิดหาความรู้เรื่องรสชาติของเหล้า    ไม่ได้กินอาหารเลย เพราะยังอิ่มข้าวปลาไหลย่าง     ใกล้เวลา ๑๖.๕๕ น. คุณหมอสุวิทย์  คุณหมอจเด็จ  และผม ก็ออกมาลงบันไดเลื่อนสองต่อ และเดินลอดอุโมงค์ ระยะทางราวๆ ๓๐๐ เมตร (มีทางเลื่อน) ที่มีแค่พวกเรา ๓ คนเท่านั้น    คุณหมอสุวิทย์ผู้เชี่ยวชาญ บอกว่า นี่เป็นทางลัด ไม่ต้องเดินอ้อม   แต่คนทั่วไปชอบเดินอ้อม เพราะได้ช็อปปิ้งด้วย    ไปขึ้นบันไดเลื่อน ไปที่ประตู 41    ที่เขากำลังให้ผู้โดยสารขึ้นเครื่อง     ผมได้ที่นั่ง 17J ริมทางเดิน และติดหน้าต่าง 

TG 677 ออกตรงเวลา    ผู้โดยสารเกือบเต็ม    ใช้เวลาเดินทาง ๕ ชั่วโมง ๕ นาที    ถึงก่อนเวลา ๒๐ นาที    พนักงานให้การต้อนรับอย่างอบอุ่น    ก่อนลงจากเครื่องก็ขอบคุณที่ใช้บริการ   โดยบอกว่าผู้โดยสารมีความหมายต่อบริษัทมาก   

ผมได้นอนไม่ถึง ๒ ชั่วโมง หลังกินอาหารเย็นที่อร่อยปานกลาง    และสังเกตว่า พนักงานยังได้รับการฝึกให้เข้าใจความต้องการของผู้โดยสารมากกว่านี้    คือน่าจะให้บริการที่ประทับใจ รู้ใจ ผู้โดยสารต่างกลุ่ม มากกว่านี้   การเดินทางไปโคเปนฮาเกน ปลายเดือนนี้น่าจะบอกความสามารถของทีมบริหารการบินไทย อย่างชัดเจนขึ้น   

ทีมเจ้าหน้าที่ของการบินไทยในเที่ยวบินนี้ทำงานอย่างตั้งใจเต็มที่    แต่ประเด็นของผมคือคุณภาพของบริการ แก้ผู้โดยสารต่างกลุ่ม  ต่างความต้องการ

ผมได้ตระหนักว่า จุดอ่อนที่สุดของผมในการเดินทางคือตา   ตาผมไม่ดี ทั้งมองไม่ชัด และไม่ไว   ทำให้ผมใช้เครื่องบริการตนเองในการเข้าเมืองไม่สำเร็จ    ขอขอบคุณคุณหมอสุวิทย์ ที่คอยดูแล และบอกให้ผมไปใช้บริการของเจ้าหน้าที่   

ถึงบ้านก่อนเที่ยงคืน    คุยกับโชเฟอร์แท็กซี่  ได้เรียนรู้กระบวนทัศน์ของคนระดับแรงงาน    ว่าเขาเชื่อในโชคชตา                           

วิจารณ์ พานิช

๖ เม.ย. ๖๖

1 ฝั่งตรงข้ามด้านซ้ายมือคือสถานีรถไฟ Skyline

2 หน้าตรอก

3 สภาพภายในตรอก ที่เห็นหลังสองท่านคือ ดร. วลัยพร กับ นพ. สุวิทย์

4 ป้ายรายการอาหารและราคา  ที่ผมกินคืออันล่างซ้ายสุด

5 บรรยากาศภายในร้านส่วนที่แขกนั่งรับประทาน

6 ถ่ายรูปหมู่ระหว่างรออาหารที่หน้าร้าน

7 จานนี้ของผม

8 ของท่านอื่น

9 ของอีกท่านหนึ่ง

10 บนรถไฟ

หมายเลขบันทึก: 712471เขียนเมื่อ 24 เมษายน 2023 18:48 น. ()แก้ไขเมื่อ 24 เมษายน 2023 18:48 น. ()สัญญาอนุญาต: สงวนสิทธิ์ทุกประการจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (1)
อนุญาตให้แสดงความเห็นได้เฉพาะสมาชิก
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท