Navillera ดั่งผีเสื้อร่ายระบำ 12 Ep ซี่รี่ย์เกาหลี “มิตรภาพระหว่างวัย ร่วมก้าวไปสู่ความฝันอย่างไม่ย่อท้อ”
แปลงเวลาที่ใช้ดูละครเป็นเรื่องเล่าเร้าพลังเพื่อสร้างแรงบันดาลใจในการใช้ชีวิต
เรื่องย่อ
“อีแชรก” (ซงคัง) ชายหนุ่มอายุ 23 ปี หนุ่มที่มีพรสวรรค์ด้านบัลเล่ต์แต่ต้องต่อสู้กับอุปสรรคในชีวิตและความจำเป็นในการหาเงิน มุ่งมั่นสานฝันในการเป็นนักบัลเลต์ แต่โชคชะตาไม่เข้าข้าง เมื่อเขาประสบปัญหาชีวิต จำต้องพับเก็บความฝันนั้นไว้
และ “ชิมด็อกชุล” (พัคอินฮวาน) ชายวัย 70 ปีที่อยากทำตามความฝันอันยาวนานในวัยแก่ด้วยการไปเรียนบัลเล่ต์ในขณะที่ภาวะความเจ็บป่วยด้วยโรคสมองเสื่อมอัลไซเมอร์กำลังคืบคลานเข้ารู้สมองของเขาอย่างคาดการณ์ไม่ได้
เมื่อทั้งสองมาพบกัน ชายต่างวัยทั้ง 2 คนได้ก่อร่างสร้างมิตรภาพที่ดีต่อกันผ่านความพยายามในการทำตามความฝันของตนเองในการเต้นบัลเลต์ ท่ามกลางอุปสรรคจากภาวะเศรษฐกิจ การหาเลี้ยงชีพ สภาวะของร่างกายที่เสื่อมถอยและรุกรานในการดำรงชีวิตที่ไม่สามารถคาดเดาหรือหลีกเลี่ยงได้
นำโดย 4 นักแสดงนำ พัคอินฮวาน, ซงคัง, นามุนฮี, ฮงซึงฮี และผู้กำกับ ฮันดงฮวา ที่ผลัดกันแนะนำให้ได้รู้จัก ซีรีส์แสนอบอุ่นหัวใจ สร้างจากเว็บตูนชื่อเดียวกันนี้
อาชีพในบทละคร นักเต้นบัลเล่ต์ บุรุษไปรษณีย์ โค้ชกีฬา ( ฟุตบอล โค้ชบัลเลต์) บริกรเสิร์ฟอาหาร นักจัดรายการวิทยุและทีมงานดำเนินงานรายการวิทยุ
|
ข้อคิดสำหรับการใช้ชีวิต
บริบทของละคร
หลายคนไม่สามารถทำงานที่ตัวเองรักได้ แต่เมื่อต้องทำงานแล้ว สิ่งที่จะเป็นประโยชน์สูงสุดคือ การหาข้อดีของงานที่ทำเพื่อให้ได้เห็นโอกาสที่จะรักในงานนั้นและคว้าโอกาสนั้นไว้อย่างแท้จริง
บรรยากาศของการใช้ชีวิตของคนทำงานในเมืองหลวง ที่ต้องแข่งขันกับค่าครองชีพ เวลาและการสร้างครอบครัว ทำให้หลงลืมความฝันในวัยเด็ก ทุกๆอาชีพ มีคุณค่าและต้องมีทักษะการทำงานขั้นพื้นฐานก่อนจะก้าวไปสู่การทำงานแบบมืออาชีพที่มีความเชี่ยวชาญ นักเต้นบัลเล่ต์ บุรุษไปรษณีย์ โค้ชกีฬา ( ฟุตบอล โค้ชบัลเลต์) บริกรเสิร์ฟอาหาร นักจัดรายการวิทยุและทีมงานดำเนินงานรายการวิทยุ อุปสรรคในการทำงานเกิดได้ทุกวันและมีช่วงเวลาที่เหมาะสมที่จะสอดรับกับวิธีแก้ปัญหาที่มาถึงในเวลาถูกต้อง ส่งผลให้การแก้ปัญหานันได้รับผลลัพท์ที่สมบูรณ์ สร้างความสุขแก่ทุกคนที่เกี่ยวข้อง
ความเจ็บป่วยของผู้สูงอายุที่เกิดจากความเสื่อมของร่างกายหลังจากที่ใช้งานมานานมากกว่า 70 ปี หลังเกษียณอายุการทำงาน ความรู้สึกเหงาจากการอยู่บ้าน ไม่ได้เผชิญกับภาวะตื่นเต้นเมื่อต้องวิ่งเพื่อเข้าทำงานไม่สาย การไม่ได้รับความชื่นชม เคารพ นบนอบจากเพื่อๆ น้องๆในที่ทำงานอีกต่อไปเพราะมีคนที่มีความสามารถเข่นเดียวกันนั้นมาทำงานแทน ประกอบกับการปรากฏอาการของโรคต่างๆเมื่อเข้าสู่วัยชราที่เริ่มเรียงหน้ากระดานหรือแทบจะแข่งกันแซงหน้ามาเคาะที่ประตูร่างกายทุกครั้งที่มีการตรวจสุขภาพ ต้องเข้าๆออกๆโรงพยาบาลทุก 2 วันบ้าง ทุก 3 วันบ้าง ต้องเสียค่าใช้จ่ายมหาศาลเพื่อรักษาอาการป่วยที่มากมายเหล่านั้น ทั้งหมดทั้งมวลเหล่านี้คือปัจจัยมากมายที่รุมเร้าให้ผู้สูงอายุป่วยด้วยความเครียด สามารถนำไปสู่โรคซึมเศร้าได้มากยิ่งขึ้น ในขณะที่โรคอัลไซเมอร์เกิดจากความเสื่อมของสมองที่ส่งผลให้ลดการสร้างสารสื่อประสาทรับความรู้สึกต่างๆ จนเกิดอาการที่กระทบกับการทรงตัว การเกร็งของกล้ามเนื้อ การเคลื่อนไหวของร่างกาย ความจำ การเชื่อมโยงตนเองกับผู้คนและสิ่งแวดล้อม ความสามารถในการมีปฏิสัมพันธ์กับบุคคลรอบข้าง เป็นต้น
ข้อคิด
- ชื่นชมการให้ความรู้และแนวปฏิบัติตัวสำหรับผู้ป่วยโรคสมองเสื่อม ด้วยการจดบันทึกทุกสิ่ง ทุกอย่างที่จำได้ลงในสมุดบันทึก รวมถึงการถ่ายทอดอาการและการพฤติกรรมของผู้ป่วย ซึ่งเป็นประโยชน์แก่ผู้ชมที่สามารถนำไปบอกต่อแก่ญาติผู้ป่วย รวมทั้งผู้ป่วยเองในระยะเริ่มต้นที่มีอาการของโรคที่ยังไม่เสถียร ตลอดจนการให้ความรู้ของพัฒนาการของโรคที่ไม่เป็นลำดับขั้น จึงเป็นข้อเตือนใจแก่ญาติที่จะต้องทราบสภาวะของโรคให้เร็วที่สุดเพื่อป้องกันอุบัติเหตุอันตรายร้ายแรงอื่นๆอาจจะจะเป็นสาเหตุให้ผู้ป่วยเสียชีวิตโดยไม่คาดคิดได้
-
การบาดเจ็บจากการฝึกฝนกีฬาเป็นธรรมชาติ ทั้งเด็ก ผู้ใหญ่ และคนแก่ ต่างก็มีข้อจำกัดของร่างกาย เพียงแต่ยอมรับ เข้าใจสภาพร่างกาย ดูแล เฝ้าระวัง ทะนุถนอม และ ฝึกฝนอย่างเหมาะสมภายใต้คำแนะนำของ “ครู” หรือ “โค้ช” ผู้เคยผ่านประสบการณ์จริงมาก่อน อย่างเคร่งครัด
- หากรอให้พร้อม วันนั้นก็จะมาไม่ถึง และเราคงไม่มีโอกาสได้ทำอะไรสักทีเพราะทุกๆวัน ความสมบูรณ์ไม่เคยมาถึง ดังนั้น การเริ่มตันฝึกฝนทันทีครั้งละนิดด้วยความเพียรและมีสติ จะทำให้เกิดการสะสมความชำนาญ ดังนั้น พรสวรรค์เป็นสิ่งสำคัญ ในขณะเดียวกกัน “พรแสวงเป็นสิ่งจำเป็น” หรือ ไม่สามารถ “ขาด” ได้นั่นเอง ตัวละครเอกทั้งสอง ได้ถ่ายทอด “Attribute” หรือ คุณลักษณะของบุคคล ในประเด็น ความขยันหมั่นเพียร ความมีวินัย ที่เป็นสมรรถนะ(Competency) ที่มักจะมีในบุคคลที่ประสบความสำเร็จเสมอ
(ผู้แสดงนำ ชงคัง ทุ่มเทการฝึกฝนบัลเลต์ถึง 6 เดือนเพื่อให้เข้าถึงบทบาทของนักบัลเลต์อย่างน่าชื่นชม ทั้งนี้ หากมีการอธิบายรายละเอียของท่าเต็นในหน้าจอเมื่อกล่าวถึงคำศัพท์เฉพาะของบัลเลต์จะทำให้ผู้ชมเข้าถึงบทบาทของตัวละครที่สมบูรณ์มากยิ่งขึ้น ในชณะที่ พัคอินฮวาน ผู้แสดงนำชายสูงวัย ฝีนร่างกายในวัย 70 ปีฝึกบัลเลต์ด้วยชุดความคิดเจริญเติบโต หรือ Growth Mindset ที่เปิดโอกาสให้เราได้เชื้อเชิญความเป็นไปได้ในความสำเร็จเข้ามาในการกระทำของเราในตลอดระยะทางของการฝึกฝน ซึ่งชุดความคิดนี้เป็นทักษะที่สามารถฝึกฝนเพื่อรองรับสถานการณ์โลกที่มีการเปลี่ยนแปลงและผันผวนอย่างรุนแรงที่มีความซับซ้อนและไม่สามารถคาดเดาเหตุการณ์ได้ ซึ่งเป็นคุณลักษณะเด่นของคนทำงานที่จะประสบความสำเร็จในการทำงานในศตวรรษที่ ๒๑ และศตวรรษ ถัดๆไป บทบาทในเรื่อง ชายหนุ่ม สะท้อนการถูกบังคับอย่างเคร่งครัดให้เล่นฟุตบอลมานานกว่า 13 ปีแต่ไม่มีความสุขและชื่นชอบในการเล่นแต่อย่างใด จนกระทั่งพ่อที่มีฐานะโค้ชมีคดีความในการทำร้ายลูกศิษย์ในทีมจนต้องติดคุก และเขาต้องสูญเสียแม่ในเวลาเดียวกัน ชายหนุ่มนิยามว่าเป็นช่วงตกต่ำที่สุดของชีวิต ต้องเริ่มต้นทำงานหาเงินเลี้ยงตัวเองด้วยงาน Partime และตามหาความฝันในการฝึกบัลเลต์กับครูที่มองเห็นพรสวรรค์ของเขาโดยไม่มีค่าใช้จ่าย ณ จุดนี้ คือ การไม่จมปลักกับความเสียใจและติดยึดความสำเร็จหรือความพร้อมในอดีต ลุกขึ้นเดินหน้าต่ออย่างมั่นใจในความสามารถและมีความพยายามอย่างต่อเนื่อง การเคารพในความสามารถตัวเอง เชื่อมั่นในความถูกต้อง และยืนหยัดในความเสมอภาคในสิทธิของตนเอง เชื่อมั่นในความฝันของตนเอง
-
การให้ความศรัทธาและเชื่อมั่นในโค้ชหรือครู เป็นการสร้างพลังใจที่ดีแก่ครู ในขณะเดียวกันการให้ความรัก ความช่วยเหลือ และนำประสบการณ์ในอดีตมาช่วยเหลือครู จึงเป็นการรวมพลัง “Synergy” ที่ 1+1 >2 เป็นการสื่อถึงการใช้จุดแข็งมาสร้างความได้เปรียบเพื่อแก้ปัญหาและบูรณาการด้วยการยึด “ความเมตตา” อย่างจริงใจ
-
การทำหน้าที่ของตนเองในบทบาทของเพื่อนร่วมงาน สมาชิกของครอบครัว และประชาชนของสังคม การอยู่ในวินัย และเคารพในความแตกต่างระหว่างบุคคล การปฏิบัติต่อเพื่อนมนุษย์ใน “ฐานะมนุษย์” ที่มีความเท่าเทียมกัน เป็นสิ่งจำเป็นที่ต้องแสดงออกและกล่าวคำขอโทษหรือเสียใจอย่างจริงใจเมื่อการกระทำใดๆที่เป็นการละเมิดสิทธิ์ของผู้อื่นแม้คู่กรณีจะเป็นเด็กหรือลูก หรือลูกศิษย์ก็ตาม
-
การกล่าวคำขอบคุณผู้อื่น หรือ กล่าวชื่นชมในสิ่งที่ผู้อื่นทำให้ คือการกระตุ้นให้เกิดการหลั่งสารแห่งความสุขโดพามีน ซึ่งเป็นช่วงขณะที่ผู้พูดมีความรัก ปิติ และเป็นสุข ดังนั้น การกล่าวขอบคุณตัวเองอย่างจริงใจทกวันเป็นการหลอกสมองให้หลั่งสารแห่งความสุข เป็นหนึ่งในการฝึกสมองให้มีความเคยชินในการหลั่งสารเหล่านี้ การหาโอกาส ปรารภเหตุ เพื่อกล่าวขอบคุณจำเป็นต้องเริ่มต้นจากการสร้างความเมตตา การให้ความรัก ศรัทธาและการเชื่อมั่นในบุคคลนั้น และหมายรวมถึงการได้ฝึกทักษะการมีปฏิสัมพันธ์กับผู้คนในสังคมด้วย.
-
การรัก ทุ่มเท ลุ่มหลง ในกีฬาหรือกิจกรรมที่รัก คือ การมี Passion ที่จูงใจให้ไปสู่เป้าหมาย โดยระหว่างการเดินทางไปสู่เป้าหมาย เราสามารถทำสิ่งนั้นอย่างลื่นไหล ( Flow) มีวินาทีแห่งความปิติสุข นั่นคือ การมี “อิคิไก” ในตัวเอง และระลึกเสมอว่า “ความฝันไม่มีวันหมดอายุ มีแรง มีความฝัน มีโอกาสมีเวลา จะทำอะไรก็รีบทำ
- ขอบคุณภาพจาก https://entertainment.trueid.net/detail/4oXJNRePnZ8A
- https://moviedoohd.com/series/navillera-2021/
- https://www.korseries.com/synopsis-navillera-2021/
-
https://thestandard.co/navillera/

|
