วันที่ ๑๘ - ๑๙ มีนาคม ๒๕๖๖ ผมไปร่วมประชุมรีทรีต ของส่วนงานศูนย์วิจัยเป็นเลิศ ของคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล ที่พัทยาเหนือ กลับถึงบ้านสี่โมงเย็นวันอาทิตย์ด้วยความเพลียกาย แต่อิ่มใจ
เพลียกายเพราะรถติด เนื่องจากเป็นเทศกาลเช็งเม้ง และคนออกเที่ยวมากเพราะโรงเรียนปิดเทอมแล้ว อิ่มใจเพราะได้เห็นการพัฒนาระบบ ววน. ที่พัฒนาจากฐาน คือจากหน่วยปฏิบัติ ที่นอกจากตนเองดำเนินการแล้ว ยังหาทางไปขับเคลื่อนระบบใหญ่ของประเทศด้วย โดยที่โครงการนี้เริ่มปี ๒๕๖๐ สมัยท่านคณบดีประสิทธิ์ และตอนปลายปี ๒๕๖๕ มหาวิทยาลัยมหิดลก็ประกาศให้เป็นส่วนงานภายในคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล คือไม่ใช่เป็นโครงการชั่วคราวอีกต่อไป
ท่านคณบดี (ศ. นพ. อภิชาติ อัศวมงคลกุล) และอดีตคณบดี (ศ. ดร. นพ. ประสิทธิ์ วัฒนาภา) ไปร่วมงานตั้งแต่ต้นจนจบ ด้วยท่าทีใส่ใจ และร่วมให้ความเห็นตลอด ผู้ร่วมงานทั้งสิ้นราวๆ ๕๐ คน ต่างหน้าตาแช่มชื่น ที่จะได้ทำงานวิจัยที่มีคุณค่ายิ่งต่อสังคมไทย และต่อโลก
ย้ำว่า นี่คือการวางรากฐานมหาวิทยาลัยวิจัยระดับโลก โดยศิริราชลงทุนทั้งด้านเงินสนับสนุนการวิจัยจากเงินรายได้คณะ และจากศิริราชมูลนิธิ เอามาหนุนให้ทีมวิจัยเป็นเลิศ (SiCORE) แข็งแรง สร้างผลงานที่ไม่เพียงก่อ impact ด้านการตีพิมพ์ แต่ก่อ impact ด้านการพัฒนาระบบสุขภาพของประเทศ และของโลก ด้วย
เท่ากับศิริราชสนับสนุนระบบวิจัยภายในคณะ ให้เกิดทีมนักวิจัยอาชีพ ที่ทำงานวิจัยเพื่อผลกระทบต่อการพัฒนาระบบสุขภาพ และต่อชีวิตของผู้คน ไม่ใช่ทำวิจัยเพียงเพื่อการตีพิมพ์สู่ความก้าวหน้าทางวิชาการของนักวิจัยเฉพาะคราวเท่านั้น
เนื่องจากคณะแพทยศาสตร์ในประเทศไทยพัฒนาขึ้นบนฐานความเข้มแข็งด้านบริการ และด้านการศึกษา (ผลิตบัณฑิต) งานวิจัยจึงเป็นงานเสริม และทำจริงจังในอาจารย์จำนวนน้อยมาก เพราะไม่มีระบบสนับสนุนจริงจัง น่ายินดีที่ท่านอดีตคณบดีประสิทธิ์ริเริ่มกิจการนี้ขึ้น และชวน นพ. สมศักดิ์ ชุณหรัศมิ์ กับผม ไปร่วมกันให้คำแนะนำและร่วมเรียนรู้ (mentoring)
การไปร่วมงานนี้ ให้ความสนุก สุขใจ และการเรียนรู้ แก่ผมมาก เพราะเราแนะนำอะไรไป เขาไม่ปักใจเชื่อ แต่เอาไปคิดต่อและดำเนินการ หลายครั้งเราแนะ ๑ เขาทำ ๓ โดยที่ทำนั้นไม่ตรงตามที่เราแนะเสียทีเดียว เป็นการทำงานที่ใช้ปัญญาสูงมาก
ขอย้ำว่า ศิริราชโมเดล ของการสร้างทีมวิจัยอาชีพ ใส่ทรัพยากรสนับสนุนหลายอย่าง โดยส่วนที่ผมคิดว่าสำคัญที่สุดคือการจัดการในลักษณะที่เรียกได้ว่าแบบ sandbox โดยคณบดีนำไปรายงานสภามหาวิทยาลัยเป็นระยะๆ และสภาฯ หนุนเต็มที่ คือทำไปก่อนแล้วค่อยไปรายงาน ไม่ขออนุญาตก่อน แต่นำผลเบื้องต้นไปรายงานเพื่อให้บอร์ดห้ามหรือหนุน ผมคิดว่า นี่คือการบริหารแบบ แซนด์บ็อกซ์ อย่างแท้จริง
ผมชี้ให้ที่ประชุมฝ่ายบริหารตอนเย็นวันที่ ๑๘ ว่า ต้องระวังอย่าสนับสนุนให้ทีมวิจัยอ่อนแอด้านการหาทรัพยากรภายนอกมาเลี้ยงตัวเอง คือระวังไม่หลงเลี้ยงให้อ่อนแอ ต้องเลี้ยงให้แข็งแรง ให้มีความสามารถหาทรัพยากรภายนอกมาเลี้ยงโครงการวิจัยได้ ผมยกตัวอย่างความผิดพลาดของผมสมัยเป็น ผอ. สกว. และเลี้ยงเมธีวิจัยอาวุโส (บางคน) ให้หลงอยู่ใน comfort zone ด้านการแสวงหาทุนสนับสนุนการวิจัยของตน
ชื่นใจที่ได้เห็นความใจกว้างของผู้บริหารของศิริราช ที่กล่าวสนับสนุนให้ร่วมมือกันข้าม CORE และร่วมมือออกไปนอกคณะ นอกมหาวิทยาลัยมหิดล โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ร่วมมือกับภาคเอกชนในการพัฒนาเทคโนโลยีระดับ TRL 4-5 ข้ามหุบเหวมรณะออกสู่ตลาด เพื่อสร้างเศรษฐกิจฐานนวัตกรรมให้แก่ประเทศ
ชื่นใจที่หน่วยงานระดับปฏิบัติอย่างศิริราช ยื่นมือออกไปผลักดันการพัฒนาระบบ ววน. ของประเทศ ที่ยังขาดๆ วิ่นๆ ให้มีความครบถ้วนสมบูรณ์ยิ่งขึ้น
ชื่นใจที่มีกลไก RIAC และ SAB จากต่างประเทศ ช่วยให้คำแนะนำเชิงลึก และนำสู่ความร่วมมือกับต่างประเทศ
วิจารณ์ พานิช
๑๙ มี.ค. ๖๖
ไม่มีความเห็น