ด้วยความพอดีโดยบังเอิญ วันนี้ได้เข้าไปเยี่ยมที่หน้า บล็อกที่มีบันทึกมากที่สุด ซึ่ง Blog ของ beemanNUKM อยู่ในลำดับที่ 8 กับจำนวนบันทึก 118 บันทึก และจำนวนข้อคิดเห็น 118 เท่ากันพอดี เกิดปรากฎการณ์ที่ผมจะเรียกว่า "Balance Blog" ครับ คือจำนวนบันทึกและข้อคิดเห็นเท่ากันพอดี ซึ่งแสดงว่าบล็อกนี้มีผู้เข้ามาเยี่ยมชมพอสมควรและเมื่อเข้ามาเยี่ยมชมแล้วก็อดที่จะเขียนข้อคิดเห็นไว้ด้วยไม่ได้ รวมทั้งอาจมีการตอบข้อคิดเห็นโดยเจ้าของบล็อก ทำให้เกิดความสมดุลย์ ไม่ใช่เขียนแล้วไม่มีคนอ่าน หรือเมื่ออ่านแล้วอาจไม่แสดงข้อคิดเห็น อาจเป็นเพราะเขียนด้วยความสะใจของผู้เขียนแต่ผู้อ่านไม่รู้จะแสดงความคิดเห็นอย่างไร หรืออาจจะเขียนในเรื่องที่มีความจำเพาะเจาะจงเกินไปจนคนอ่านอาจจะไม่เข้าใจวัตถุประสงค์ของผู้เขียนก็ได้
ผมเคยตั้งข้อสังเกตและได้คุยกับผู้เขียนบล็อกบางท่านว่า บางทีก็ท้อใจเหมือนกัน เพราะว่าเขียนไปแล้วเหมือนไม่มีคนอ่าน คือเขียนบันทึกไปแล้ว ไม่มีผู้แสดงความคิดเห็นเข้ามา แม้ว่าจะมีผู้เข้ามาอ่านก็ตาม แสดงว่าสิ่งที่เราเขียนไม่โดนใจคนอ่าน เลยทำให้บางคนไม่อยากจะเขียนครับ
ผมลองสังเกตตัวเองครับ บางบันทึกนี่ตั้งใจเขียนมากคิดว่าจะมีคนมาร่วมแลกเปลี่ยนเรียนรู้กันบ้าง คือช่วยแสดงความคิดเห็นแต่ก็ไม่ค่อยมี บางบันทึกเขียนแย่มากสำนวนธรรมดาแต่ก็มีผู้เข้ามาร่วมแสดงความคิดเห็นมาก บางบันทึกมี 8-11 ข้อคิดเห็น บันทึกที่แสดงความคิดเห็นส่วนมากจะมี 1-4 ความคิดเห็น ซึ่งเกือบครึ่งหนึ่งก็เป็นข้อคิดเห็นของเจ้าของบล็อกเอง
ลองสังเกตลึก ๆ บันทึกไหนมีการตั้งหัวข้อในเชิงตั้งคำถาม บันทึกนั้นมักจะได้รับความคิดเห็นเข้ามา ดังนั้นเสน่ห์ของการเขียนบันทึกก็อยู่ที่การตั้งชื่อเรื่องนี้เอง รวมทั้งประโยคเด่นด้วย ทำให้คนสนใจอยากอ่านอยากร่วมเสนอข้อคิดเห็น
ผมลองสังเกตบล็อกที่มีแนวโน้มเป็น Balance Blog ตามทฤษฎีของผม ใน 20 บันทึกแรกของ บล็อกที่มีบันทึกมากที่สุดนะครับ (เรียงตามลำดับและข้ามของผมไป) คือ ไตรภาคีร่วมพัฒนาสุขภาพชุมชน, นเรศวรวิจัย-QA-KM, สำนักงานเลขานุการคณะสหเวชศาสตร์, คู่มือการใช้งาน GotoKnow.org, play & play, QA_KM ในมหาวิทยาลัยนเรศวร ครับ
คงตั้งข้อสังเกตเพียงเท่านี้ เชิญเข้ามาลปรร.กันมากๆ นะครับ....beeman
ตอนเริ่มเข้าวงการ Blog ใหม่ๆ ดิฉันตั้งใจไว้เลยว่า ดิฉันจะเขียนสิ่งที่ดิฉันอยากจะเขียน ใครจะว่ายังงัยก็ไม่สน เพราะถ้าไม่กล้าลงมือ ก็ไม่ได้เริ่มเสียที และจะไม่หวังให้ใครจะเข้ามาแสดงความคิดเห็น หรือไม่แม้แต่จะนับว่าเขียนไปแล้วกี่ครั้ง
ด้วยเหตุนี้ ทำให้ดิฉันเป็นกลายผู้เขียน Blog ที่ค่อนข้างยโส เพราะเมื่อเขียนแล้วเขียนเลย ไม่กลับไปดูดำดูดีอีก ก็กลายเป็นเหมือนว่า ดิฉันไม่ได้ใส่ใจผู้ที่แสดงความคิดเห็นโต้ตอบกลับมา คือไม่สนใจจะสื่อสารกับใครนั่นเอง
เมื่อได้อ่าน Blog ของอาจารย์นี้แล้ว ทำให้ดิฉันได้คิด ดิฉันจะค่อยๆกลับไปไล่ดูว่า ใคร comment อะไรใน blog ของดิฉันบ้าง ดิฉันควรมีมารยาทที่จะตอบ ต้องขอขอบคุณอาจารย์มากค่ะที่เตือนสติ