GotoKnow

"เรียม เพศยนาวิน" นางาสาวไทยคนแรก

"คนเมืองน้ำดำ"
เขียนเมื่อ 5 กันยายน 2565 07:35 น. ()
แก้ไขเมื่อ 13 พฤศจิกายน 2565 21:35 น. ()

"เรียม เพศยนาวิน"

   “จิกปวนมาเรียม บินตี อับดุลละฮ์ ”(มลายู: Che’ Puan Mariam Binti Abdullah) หรือพระนามเดิมคือ เรียม เพศยนาวิน (23 เมษายน พ.ศ. 2465 – 29 กันยายน พ.ศ. 2529) เป็นนางสาวไทยประจำ พ.ศ. 2482 เป็นไทยมุสลิมคนแรกและคนเดียวที่ครองตำแหน่งดังกล่าว ภายหลังได้เสกสมรสกับรายาฮารุน ปูตราแห่งปะลิสเมื่อ พ.ศ. 2495 มีพระราชโอรส-ธิดาด้วยกันสี่พระองค์

พระประวัติ

พระชนม์ชีพช่วงต้น

Che Puan Mariam binti Abdullah.jpg

 

เรียม เพศยนาวิน ขณะประกวดนางสาวไทย

   *จิกปวนมาเรียม มีพระนามเดิมว่ามาเรียม เพศยนาวิน แต่รัฐบาลรณรงค์ให้ใช้ชื่อเป็นภาษาไทยจึงเปลี่ยนเป็นเรียม ประสูติเมื่อวันที่ 23 เมษายน พ.ศ. 2465 ณ อำเภอบางรัก จังหวัดพระนคร เป็นบุตรคนโตจากทั้งหมดเจ็ดคนของสุมิต เพศยนาวิน ชาวไทยมุสลิม กับจำรัส ภริยาที่เป็นจีนอพยพ เบื้องต้นพระองค์เข้ารับการศึกษาระดับมัธยมศึกษาจากโรงเรียนมหัสดัมอิสลามวิทยาลัย

   *ในยุคนโยบายชาตินิยมได้มีการออกพระราชบัญญัติวัฒนธรรมแห่งชาติในปี พ.ศ. 2485 ให้ใช้ชื่อให้เหมาะสมกับเพศสภาพ พระองค์จึงเปลี่ยนพระนามเป็น "เรียมรมย์" พักหนึ่ง หลังผ่านยุคนั้นก็กลับมาใช้ชื่อ "เรียม" ตามเดิม

ประกวดนางสาวไทย

  * จิกปวนมาเรียมได้เข้าร่วมการประกวดนางสาวไทยส่งเข้าประกวดในนามของอำเภอยานนาวา ระหว่างการฉลองรัฐธรรมนูญระหว่างวันที่ 8-12 ธันวาคม พ.ศ. 2482 ซึ่งเป็นปีที่มีการเปลี่ยนแปลงชื่อการประกวดจากเดิมคือนางสาวสยามเป็นนางสาวไทยตามชื่อใหม่ของประเทศ นอกจากนี้การประกวดนางสาวไทยยังให้ผู้เข้าประกวดสวมชุดเสื้อกระโปรงติดกันเปิดแผ่นหลังครึ่งหลัง ตัวกระโปรงยาวถึงหัวเข่าเพื่อความทันสมัย จากเดิมที่ผู้ประกวดจะสวมชุดไทยสไบเฉียง ซึ่งจากการประกาศผลในวันที่ 12 ธันวาคม พ.ศ. 2482 ได้ประกาศให้เรียม เพศยนาวินวัย 16 ปี จากอำเภอยานนาวาครองตำแหน่งนางสาวไทย โดยมีมาลี พันธุมจินดา, เทียมจันทร์ วนิชขจร, เจริญศรี ปาศะบุตร และลำยอง สู่พานิชย์ เป็นรองนางสาวไทยอันดับที่ 1-4 ตามลำดับ

  *โดยพระองค์ได้รับรางวัลที่นับว่ามีค่าในขณะนั้น เช่น พานรอง, ขันน้ำ, จักรยาน หรือโต๊ะเครื่องแป้ง เป็นอาทิ หลังรับตำแหน่งแล้วพระองค์จะมีหน้าที่สำหรับการประชาสัมพันธ์นโยบายการสร้างชาติของรัฐบาล หรือมีบทบาทสำคัญต่อการรังสรรค์ประเทศ อย่างเช่นช่วงประเทศกำลังประสบปัญหาในสงครามอินโดจีน พระองค์ได้นำถ้วยเงินออกขายเพื่อนำเงินมาบำรุงประเทศ

เสกสมรส

 

เปิดชีวิต "เรียม เพศยนาวิน" จากนางสาวไทยคนแรก สู่ รานีกษัตริย์แห่งมาเลเซีย  - liekr

สมเด็จพระราชาธิบดีซัยยิด ปูตรา ทรงฉายกับเรียม เพศยนาวิน ในวันเสกสมรส

 * ในปี พ.ศ. 2494 รายาปูตราแห่งปะลิสได้เสด็จมาประเทศไทยเป็นการส่วนพระองค์และมีพระประสงค์ที่จะประทับในบ้านมุสลิมเพื่อหลีกเลี่ยงการต้อนรับอย่างเอิกเกริกรวมทั้งต้องการทอดพระเนตรมุสลิมผู้รับตำแหน่งนางสาวไทยด้วย โดยเจ๊ะอับดุลลาห์ หลังปูเต๊ะ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดสตูลจึงให้พระองค์ประทับ ณ บ้านของนิพนธ์ สิงห์สุมาลี ซึ่งขณะนั้นเรียมก็ประทับอยู่ในบ้านหลังดังกล่าวด้วย แต่ทว่าเรียมหลบเลี่ยงที่พบปะกับรายาเสมอ จนกระทั่งวันหนึ่งเรียมทรงแบตมินตันกับบุตรสาวของนิพนธ์ องค์รายาได้ออกมาทอดพระเนตรพอดีและทรงพอพระทัยยิ่ง

  * วันที่ 18 พฤษภาคม พ.ศ. 2495 รายาได้นำพระธำมรงค์ 10 กะรัต และเงิน 10,000 บาท มาทำพิธีหมั้นที่บ้านของนิพนธ์อย่างเรียบง่าย โดยมีต่วน สุวรรณศาสน์ จุฬาราชมนตรีในขณะนั้นเป็นประธานในพิธี หลังจากนั้นอีกสองเดือน จึงได้จัดพิธีเสกสมรสอย่างเรียบง่ายเมื่อวันที่ 18 กรกฎาคมปีนั้นโดยมีจุฬาราชมนตรีมาประกอบพิธีกรรมทางศาสนา และมีแขกมาร่วมงานราว 50 คน หลังจากนั้นเป็นต้นมา เรียมจึงมีตำแหน่งเป็นจิกปวน (Che’ Puan) หรือพระมเหสีรอง เพราะรายามีพระมเหสีอยู่ก่อนแล้วคือราจาเปอเริมปวนบูดรียะฮ์แห่งปัตตานี (Raja Perempuan Budriah) ซึ่งตามหลักศาสนาอิสลามแล้วผู้ชายจะมีภรรยาได้สี่คน ทั้งนี้รายาและจิกปวนมาเรียมมีพระโอรส-ธิดาด้วยกัน 4 พระองค์ ได้แก่

  * เจ้าชายไซนัล-ราชิด (Syed Zainal-Rashid; ประสูติ 18 เมษายน พ.ศ. 2496)

  * เจ้าชายอัซนี หรือ อัศนีย์ (Syed Azni; ประสูติ 29 พฤษภาคม พ.ศ. 2497) เสกสมรสกับเติงกูอิลฮัม มาลีนาแห่งปาฮัง (Tengku Ilham Malina of Pahang) มีพระโอรส-ธิดาสามพระองค์

 * เจ้าชายบัดลีชะฮ์ หรือ รังสิกร (Syed Badlishah; ประสูติ 7 กรกฎาคม พ.ศ. 2501) เสกสมรสและหย่ากับรสยาตี บินตีอะฮ์มัด (Rosyati binti Ahmad) และเสกสมรสอีกครั้งกับฟัซลีน บินตีอะฮ์มัด (Fazlyn binti Ahmad) มีพระโอรส-ธิดา 4 พระองค์

 * เจ้าหญิงเมลานี (Sharifa Melanie; ประสูติ 30 มกราคม พ.ศ. 2511)

โดยจิกปวนมาเรียมทรงสอนให้พระราชโอรส-ธิดาพูดภาษาไทย ทรงใช้ชีวิตส่วนใหญ่ในรัฐปะลิส เสด็จกลับประเทศไทยปีละสามครั้ง บ้างก็เสด็จไปเยี่ยมพระโอรสที่กำลังศึกษาในประเทศอังกฤษ

*สิ้นพระชนม์

  จิกปวนมาเรียมสิ้นพระชนม์เมื่อวันที่ 29 กันยายน พ.ศ. 2529 ด้วยพระอาการพระหทัยวายเฉียบพลัน สิริชันษา 64 ปี พระศพถูกฝัง ณ สุสานหลวงประจำราชวงศ์จามาลูไลล์ รัฐปะลิส ประเทศมาเลเซีย

คำสำคัญ (Tags): #"นางสาวไทย" 
สัญญาอนุญาต: สงวนสิทธิ์ทุกประการ

ความเห็น

ยังไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท
ภาษาปิยะธอน (Piyathon)
เขียนโค้ดไพทอนได้ด้วยภาษาไทย