สันดานกับการศึกษา
สมัยผมเป็นเด็ก เพื่อนบางคนด่าเพื่อนว่า “ไอ้สันดาน” ย่อมาจาก “ไอ้สันดานชั่ว” บางทีก็ด่าว่า “ไอ้ลูกพ่อแม่ไม่สั่งสอน” บางทีครูก็ด่าศิษย์บางคนด้วยคำเหล่านี้ด้วย เป็นทำนองว่า การฝึกสันดานดี (V – Values ใน VASK) เป็นหน้าที่ของพ่อแม่ ไม่ใช่หน้าที่ของโรงเรียน เพราะถือว่าโรงเรียนมีหน้าที่สอนหนังสือ คิดเลข และให้รู้วิชาเท่านั้น
ถึงสมัยนี้ เป็นที่ชัดเจนแล้วว่า โรงเรียนหรือระบบการศึกษาต้องดำเนินการเพื่อเอื้อให้นักเรียนสร้าง VASK ใส่ตน (๑) โดยราชบัณฑิตกำหนดให้แปลคำว่า values (มีตัว s) ว่า “ค่านิยม” แต่ผมรู้สึกว่า เป็นคำที่คนทั่วไปไม่ค่อยเข้าใจ จึงครุ่นคิดหาทางอธิบายให้เข้าใจง่าย และนึกออกว่า คนทั่วไปใช้คำว่า “สันดาน” โดยมีนัยในทางลบ เราจึงควรใช้คำที่ชัดเจนคือ “สันดานดี” หรือ “นิสัยดี”
ระบบการศึกษาและโรงเรียนมีหน้าที่ หนุนให้นักเรียน นักศึกษา สร้าง “สันดานดี” ใส่ตน และโรงเรียนที่มีวิธีการอย่างเป็นรูปธรรมที่ผมรู้จักคือ โรงเรียนลำปลายมาศพัฒนา ซึ่งไม่ใช้วิธีลงโทษหรือตำหนิด่าว่าเมื่อนักเรียนประพฤติตนไม่ดี แต่ชวนนักเรียนใคร่ครวญ (reflect) ว่าความประพฤติเช่นนั้นก่อผลอย่างไรต่อผู้อื่น และต่อตนเอง
อีกเครื่องมือหนึ่งที่โรงเรียนลำปลายมาศพัฒนาใช้คือ “สนามพลังบวก” และ “จิตศึกษา” ท่านที่สนใจเข้าไปค้นดูได้ที่เว็บไซต์ของโรงเรียน (๒) และที่ (๓)
จีนใช้คำว่า เชิดชูคุณธรรม (๔) ซึ่งน่าจะตรงกับ “สันดานดี” หรือ “นิสัยดี”
ความเชื่อ หรือเจตคติสำคัญของครูคือ “สันดานเปลี่ยนได้” การเปลี่ยนนี้ภาษาวิชาการเรียกว่า transformative learning ตัวอย่างการเปลี่ยนสันดานที่เราคุ้นเคยที่สุดคือเรื่ององคุลีมาล ที่เปลี่ยนใจจากมุ่งฆ่าคน เป็นมีเมตตาต่อผู้อื่น มีอีกหลายตัวอย่างในหนังสือ เรียนรู้สู่การเปลี่ยนแปลง
การเปลี่ยนใจ หรือเปลี่ยนสันดานคน ไม่ใช่เรื่องที่ครูจะสั่งสอนได้ การลงโทษก็ไม่ได้ผล วิธี “ดัดสันดาน” ที่ใช้กันในสมัยก่อน ไม่ได้ผล แต่ครูจัดกระบวนการช่วยเอื้อโอกาสให้ศิษย์เปลี่ยนใจตนเองได้ ผ่านการจัดการเรียนรู้เชิงรุก (active learning) (๕) ที่เป็น reflective learning
การเปลี่ยนสันดาน เป็นเรื่องของผู้นั้น แต่ครูและผู้เกี่ยวข้องช่วยหนุนให้เขาผ่านประสบการณ์ (ที่อาจเจ็บปวดสูงยิ่ง) ตามด้วยการใคร่ครวญสะท้อนคิดอย่างจริงจัง (critical reflection) จนเขา “ได้คิด” หรือ “คิดได้” สู่การเปลี่ยนแปลงตนเอง
วิจารณ์ พานิช
๑๗ ก.ค. ๖๕
ไม่มีความเห็น